30 สิงหาคม 2562

สนทนาประสาจิตจักรวาล 30/08/2019

 พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เรามีข่าวจะมาเล่าให้ท่านรู้ว่า

 

มีก้อนหินอุกกาบาตหรือดาวเคราะห์น้อย

กำลังเดินทางเฉียดมาใกล้โลกอีกชิ้นหนึ่ง

 

ดาวเคราะห์น้อยขนาดตึกระฟ้า

หรืออุกกาบาต "2000 QW7" ชิ้นนี้

ตามการคำนวณขององค์การนาซ่า

มีเส้นผ่านศูนย์กลางราวๆ 650 เมตร

 

จากข้อมูลของหน่วยงานของสหรัฐอเมริกา

คำนวณว่าชิ้นส่วนของหินอุกกาบาตนี้

จะเข้ามาถึงตำแหน่งที่ใกล้โลกมากที่สุด

ในวันที่ 14 กันยายน 2562 เวลา 19.15 น

ด้วยอัตราเร็ว 40,000 กิโลเมตร/ชั่วโมง

 

ผู้เชี่ยวชาญของนาซาคาดการณ์ว่า

ดาวเคราะห์น้อยชิ้นนี้จะไม่เป็นอันตรายต่อโลก

เนื่องจากมันจะอยู่ห่างโลกออกไป

ประมาณ 5 ล้านกิโลเมตร

 

 

พี่ๆน้องที่รักทั้งหลาย

เราจะขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

เศษชิ้นส่วนวัตถุแข็งขนาดน้อยใหญ่เช่นนี้

มีอยู่จำนวนมากมายในบรรยากาศของจักรวาล

ดาวเคราะห์โลกจะต้องเคลื่อนผ่านอยู่เนืองๆ

 

ถ้าโลกมีรั้วป้องกันตัวที่ไม่แข็งแรง

คือมีระบบโครงข่ายสนามแม่เหล็ก

ที่ห่อหุ้มโลกไว้อ่อนแอ ไม่แข็งแรง

เพราะมีความเข้มสนามแม่เหล็กน้อยกว่าปกติ

และยกตัวสูงขึ้นหุ้มห่อดาวเคราะห์โลกไว้

ไม่ถึง 6 หมื่นกิโลเมตรจากระดับน้ำทะเลปกติ

 

จะยังผลให้ก้อนอุกกาบาต หรือดาวหาง

ที่พุ่งผ่านเข้ามาในระบบด้วยความเร็วสูงมากๆ

แม้จะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่กี่ร้อยเมตร

มันก็จะเป็นภัยอันตรายต่อโลกทันที

หากเกิดการลุกไหม้หรือระเบิดไม่หมด

มันจะตกกระแทกถึงพื้นโลกหรือพุ่งชนโลก

จนสร้างหายนภัยพิบัติร้ายแรงยิ่ง

 

โอกาสที่โลกจะเผชิญภัยจากอุกกาบาต

ในขณะนี้มีความเสี่ยงสูงมากแล้ว

เพราะว่าระบบโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลก

และความเข้มสนามแม่เหล็กกำลังเสียสมดุล

เนื่องจากมนุษย์โลกทั้งหมด

ยังไม่รู้และไม่เชื่อพระบิดาที่ทรงสื่อผ่านเรามาว่า

 

#ความรักและเมตตา

จากจิตมนุษย์โลกทุกคนและสิ่งมีชีวิตทุกชนิด

เป็นพลังงานจิตที่สามารถค้ำจุนโลกให้สมดุลได้

ในมิติที่สองตาเปล่ามองไม่เห็น

เพราะมันเกิดขึ้นและสัมพันธ์กันในมิติทางพลังงาน

ซึ่งเป็นคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กระบบหนึ่ง

ที่พระองค์ทรงติดตั้งระบบเอาไว้เช่นนี้เอง

นี่จึงเป็นอีกหนึ่งความจริงในระดับ #อนุตรธรรม

ที่เราพระบุตรเอกต้องกลับมาเฉลยให้ท่านรู้

เพราะพวกท่านแม้ไฮเท็คแค่ไหนก็รู้เองไม่ได้

 

เมื่อรู้เรื่องจริงเช่นนี้ไม่ได้

ภารกิจทางจิตวิญญาณที่ผ่านมาของชาวโลก

ที่ระบุอยู่ในพันธะสัญญา 6 มันจึงล้มเหลว

มันจึงทำให้ดาวโลกเสียสมดุลเป็นอย่างมาก

จนยังผลให้พระองค์ต้องทรงพิพากษาโลก

ด้วยมหันตภัยพิบัติที่รุนแรงยิ่งนับต่อจากนี้

 

เพื่อคืนสมดุลให้แก่ระบบดาวเคราะห์โลก

และยกระดับอำนาจของโลกให้สูงขึ้นจากเดิม

เมื่อก้าวผ่านสู่ยุคพลังงานใหม่แล้ว

ซึ่งดาวเคราะห์โลกจะมีแต่ความมืดมิด

ต่อเนื่องกันนานถึง 8 ราตรี คือ 56 วัน

โดยจะมีกลางคืนอย่างเดียวไม่มีกลางวันเลย

 

เพราะความรักจากจิตมนุษย์และสัตว์

รวมทั้งสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ

ที่พระศาสดากล่าวรวมๆว่า #เวไนยสัตว์

เป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่มนุษย์ผู้เจริญทุกคนต้องรู้

ศาสดาทุกพระองค์จึงสอนมนุษย์ให้รักกัน

ให้รักและเมตตาต่อสัตว์โลกทั้งหลาย

จงอย่าเบียดเบียนทำร้ายกันเอง

 

เพราะมนุษย์ไม่รู้ว่า

ความรักเพื่อให้นั้นมันสำคัญต่อโลกอย่างไร

มนุษย์ส่วนใหญ่จึงมีแต่รักเพื่อเอา

คือ เอาสามี เอาภรรยา เอาลูกหลาน เอาเพื่อน

เอาวงศาคณาญาติ เอาประโยชน์ส่วนตน

แต่ไม่สามารถรักคนอื่นและรักโลกแท้จริงได้เลย

 

มนุษย์จึงมีแต่ "ทำมั้ย?" มากกว่า #ธรรมะ

มนุษย์จึงมีแต่ #สัตว์จะทำ มากกว่า "สัจธรรม"

มนุษย์จึงมีแต่ทำทานทำบุญเกื้อหนุนตนเอง

มนุษย์จึงถือศีลปฏิบัติธรรมกิจ

เพราะคิดว่าจะไปสวรรค์คนเดียวตลอดมา

 

นี่ถ้าช่างเท็คนิกของพระบิดา

ประดาฑูตสวรรค์ผู้มาจากฟากฟ้าอันสูงไกล

ไม่เข้ามาช่วยกันค้ำจุนอำนาจแม่เหล็กโลกไว้

ดาวโลกจะตกอยู่ในภัยอันตรายมากกว่านี้แน่ๆ

 

ขอบคุณ: ภาพจาก NASA

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

30-08-2019