พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เรามีข่าวจะมาเล่าให้ท่านรู้ว่า
มีก้อนหินอุกกาบาตหรือดาวเคราะห์น้อย
กำลังเดินทางเฉียดมาใกล้โลกอีกชิ้นหนึ่ง
ดาวเคราะห์น้อยขนาดตึกระฟ้า
หรืออุกกาบาต
"2000
QW7" ชิ้นนี้
ตามการคำนวณขององค์การนาซ่า
มีเส้นผ่านศูนย์กลางราวๆ
650 เมตร
จากข้อมูลของหน่วยงานของสหรัฐอเมริกา
คำนวณว่าชิ้นส่วนของหินอุกกาบาตนี้
จะเข้ามาถึงตำแหน่งที่ใกล้โลกมากที่สุด
ในวันที่
14 กันยายน 2562 เวลา 19.15 น
ด้วยอัตราเร็ว
40,000 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ผู้เชี่ยวชาญของนาซาคาดการณ์ว่า
ดาวเคราะห์น้อยชิ้นนี้จะไม่เป็นอันตรายต่อโลก
เนื่องจากมันจะอยู่ห่างโลกออกไป
ประมาณ
5 ล้านกิโลเมตร
พี่ๆน้องที่รักทั้งหลาย
เราจะขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
เศษชิ้นส่วนวัตถุแข็งขนาดน้อยใหญ่เช่นนี้
มีอยู่จำนวนมากมายในบรรยากาศของจักรวาล
ดาวเคราะห์โลกจะต้องเคลื่อนผ่านอยู่เนืองๆ
ถ้าโลกมีรั้วป้องกันตัวที่ไม่แข็งแรง
คือมีระบบโครงข่ายสนามแม่เหล็ก
ที่ห่อหุ้มโลกไว้อ่อนแอ
ไม่แข็งแรง
เพราะมีความเข้มสนามแม่เหล็กน้อยกว่าปกติ
และยกตัวสูงขึ้นหุ้มห่อดาวเคราะห์โลกไว้
ไม่ถึง
6 หมื่นกิโลเมตรจากระดับน้ำทะเลปกติ
จะยังผลให้ก้อนอุกกาบาต
หรือดาวหาง
ที่พุ่งผ่านเข้ามาในระบบด้วยความเร็วสูงมากๆ
แม้จะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่กี่ร้อยเมตร
มันก็จะเป็นภัยอันตรายต่อโลกทันที
หากเกิดการลุกไหม้หรือระเบิดไม่หมด
มันจะตกกระแทกถึงพื้นโลกหรือพุ่งชนโลก
จนสร้างหายนภัยพิบัติร้ายแรงยิ่ง
โอกาสที่โลกจะเผชิญภัยจากอุกกาบาต
ในขณะนี้มีความเสี่ยงสูงมากแล้ว
เพราะว่าระบบโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลก
และความเข้มสนามแม่เหล็กกำลังเสียสมดุล
เนื่องจากมนุษย์โลกทั้งหมด
ยังไม่รู้และไม่เชื่อพระบิดาที่ทรงสื่อผ่านเรามาว่า
#ความรักและเมตตา
จากจิตมนุษย์โลกทุกคนและสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
เป็นพลังงานจิตที่สามารถค้ำจุนโลกให้สมดุลได้
ในมิติที่สองตาเปล่ามองไม่เห็น
เพราะมันเกิดขึ้นและสัมพันธ์กันในมิติทางพลังงาน
ซึ่งเป็นคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กระบบหนึ่ง
ที่พระองค์ทรงติดตั้งระบบเอาไว้เช่นนี้เอง
นี่จึงเป็นอีกหนึ่งความจริงในระดับ
#อนุตรธรรม
ที่เราพระบุตรเอกต้องกลับมาเฉลยให้ท่านรู้
เพราะพวกท่านแม้ไฮเท็คแค่ไหนก็รู้เองไม่ได้
เมื่อรู้เรื่องจริงเช่นนี้ไม่ได้
ภารกิจทางจิตวิญญาณที่ผ่านมาของชาวโลก
ที่ระบุอยู่ในพันธะสัญญา
6 มันจึงล้มเหลว
มันจึงทำให้ดาวโลกเสียสมดุลเป็นอย่างมาก
จนยังผลให้พระองค์ต้องทรงพิพากษาโลก
ด้วยมหันตภัยพิบัติที่รุนแรงยิ่งนับต่อจากนี้
เพื่อคืนสมดุลให้แก่ระบบดาวเคราะห์โลก
และยกระดับอำนาจของโลกให้สูงขึ้นจากเดิม
เมื่อก้าวผ่านสู่ยุคพลังงานใหม่แล้ว
ซึ่งดาวเคราะห์โลกจะมีแต่ความมืดมิด
ต่อเนื่องกันนานถึง
8 ราตรี คือ 56 วัน
โดยจะมีกลางคืนอย่างเดียวไม่มีกลางวันเลย
เพราะความรักจากจิตมนุษย์และสัตว์
รวมทั้งสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ
ที่พระศาสดากล่าวรวมๆว่า
#เวไนยสัตว์
เป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่มนุษย์ผู้เจริญทุกคนต้องรู้
ศาสดาทุกพระองค์จึงสอนมนุษย์ให้รักกัน
ให้รักและเมตตาต่อสัตว์โลกทั้งหลาย
จงอย่าเบียดเบียนทำร้ายกันเอง
เพราะมนุษย์ไม่รู้ว่า
ความรักเพื่อให้นั้นมันสำคัญต่อโลกอย่างไร
มนุษย์ส่วนใหญ่จึงมีแต่รักเพื่อเอา
คือ
เอาสามี เอาภรรยา เอาลูกหลาน เอาเพื่อน
เอาวงศาคณาญาติ
เอาประโยชน์ส่วนตน
แต่ไม่สามารถรักคนอื่นและรักโลกแท้จริงได้เลย
มนุษย์จึงมีแต่
"ทำมั้ย?" มากกว่า
#ธรรมะ
มนุษย์จึงมีแต่
#สัตว์จะทำ มากกว่า "สัจธรรม"
มนุษย์จึงมีแต่ทำทานทำบุญเกื้อหนุนตนเอง
มนุษย์จึงถือศีลปฏิบัติธรรมกิจ
เพราะคิดว่าจะไปสวรรค์คนเดียวตลอดมา
นี่ถ้าช่างเท็คนิกของพระบิดา
ประดาฑูตสวรรค์ผู้มาจากฟากฟ้าอันสูงไกล
ไม่เข้ามาช่วยกันค้ำจุนอำนาจแม่เหล็กโลกไว้
ดาวโลกจะตกอยู่ในภัยอันตรายมากกว่านี้แน่ๆ
ขอบคุณ:
ภาพจาก NASA
เอเมน
สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
30-08-2019