19 สิงหาคม 2562

สนทนาประสาจิตจักรวาล 19/08/2019

 #สนทนาประสาจิตจักรวาล

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

เมื่อท่านได้เรียนรู้กันแล้วว่า

"การหลุดพ้น" คือ อย่างไร

ต้องปฏิบัติต่อจิตตปัญญาของตนอย่างไร

จึงจะเข้าถึงคุณสมบัติแห่งการหลุดพ้นได้

จนเข้าใจได้อย่างกระจ่างแจ้ง

ในแสงแห่งอนุตรธรรมจากพระบิดาฯแล้ว

 

ความรู้ที่ท่านทั้งหลายจักต้องรู้

ในแบบกว้างๆลำดับต่อมาก็คือ

 

"ทำไมจิตวิญญาณท่านจึงต้องหลุดพ้น"

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

 

สาเหตุที่จิตวิญญาณของท่าน

จักต้อง "หลุดพ้น" ออกไปจากระบบโลก

ต้องหลุดพ้นออกไปจากอนันตจักรวาล

หรือที่ชาวโลกเรียกว่า "เอกภพ" ก็เพราะว่า

 

1. ดาวเคราะห์โลกเสรีดวงนี้

มิใช่บ้านเกิดเมืองนอนของ #จิตวิญญาณ

ของท่านทั้งหลาย

 

ดาวเคราะห์โลกเสรีดวงนี้

เป็นเพียงห้องเรียนที่จิตวิญญาณทั้งหลาย

ขันอาสาเข้ามาปฏิบัติภารกิจสำคัญ

ตามพันธะสัญญา 6 ประการ

ปฏิบัติงานในพระนามแห่งพระผู้เป็นเจ้า

เพื่อช่วยกำกับและค้ำจุนความสมดุลโลก

และสร้างจิตสำนึกให้กับดาวเคราะห์โลก

ด้วยการยกระดับที่จิตสามนึกของตนเอง

ให้สั่นสะเทือนสูงสุดทางด้านบวกให้จงได้

 

ถ้ามีมนุษย์แค่เพียง 30% ของทั้งโลก

ร่วมกันยกระดับจิตสามนึกสูงสุดด้านบวกได้

ภารกิจของพระบิดาก็จักสำเร็จผลได้แล้ว

 

2. จิตวิญญาณของท่านทั้งหลาย

มีกาลเวลาให้ร่วมกันทำหน้าที่ดังกล่าวนี้

ภายในหนึ่งยุค คือ 6 หมื่นปีโลกเท่านั้น

 

เมื่อครบกำหนดแล้ว

จิตหยาบหรือจิตมนุษย์ของท่านทั้งหลาย

จักต้องช่วยส่งจิตวิญญาณแก่นแท้ของท่าน

ให้สามารถดีดตนเองออกไปจากระบบโลก

ดีดออกไปให้พ้นจากอนันตจักรวาล

ด้วยพลังอำนาจของเมอร์คขะบาห์ของตน

ที่สามารถหนีแรงดึงดูดและแรงโน้มถ่วง

ของแต่ละสรรพสิ่งในเอกภพนี้ออกไปได้

 

แน่นอนว่า

หากจะหลุดพ้นออกไปได้

น้ำหนักมวลของจิตวิญญาณต้องไม่เกิน 50 มก.

และแรงดีดตัวของเมอร์คขะบาห์ต้องสูงพอ

 

ดังนั้น

ขณะได้รับโอกาสให้เป็นมนุษย์

จึงต้องหมั่นชำระบาปในจิตใจตนเอง

รวมทั้งต้องไม่ก่อกรรมใหม่ๆขึ้นมาอีก

นอกจากนั้นท่านยังจะต้องหมั่นทำดี

เพื่อรับรางวัลแห่งสันติสุขจากพระบิดาด้วย

 

การเพียรทำความดีของจิตหยาบในแต่ละวัน

จะช่วยให้จิตวิญญาณของท่านเบิกบานเป็นนิจ

อันเป็นการชาร์จพลังงานทางจิตวิญญาณ

ให้สั่นสะเทือนทางด้านบวกอย่างต่อเนื่อง

จะยังผลให้จิตวิญญาณของท่าน

มีพลังอำนาจสูงสุดที่พร้อมจะดีดตนเอง

ออกไปจากระบบเล็กและระบบใหญ่

เพื่อกลับบ้านแดนสุญตาทันทีที่จบสิ้นอายุขัย

 

3. เมื่อจิตวิญญาณของท่าน

เข้ามาทำหน้าที่อยู่ในระบบโลก

จนถึงกาลสิ้นยุคแล้วในขณะนี้

นั่นเท่ากับว่าเวลาในการทำงานหมดลงแล้ว

จิตหยาบต้องนำพาจิตวิญญาณออกจากระบบ

เพราะว่าระบบโลกมิใช่บ้านเกิดของจิตวิญญาณ

 

ดังนั้น

การนำพาจิตวิญญาณ "หลุดพ้น" กลับออกไป

จึงเป็นหน้าที่หลักของจิตหยาบหรือจิตมนุษย์

ที่จะต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว

ผู้ใดใครอื่นก็ไม่สามารถจะช่วยเหลือท่านได้

การหลุดพ้นของจิตวิญญาณของท่าน

จึงผูกพันอยู่กับจิตหยาบอย่างแยกไม่ออก

 

ถ้าจิตหยาบของท่านเหลวไหล

เป็นมนุษย์ที่ไม่เอาถ่านไม่เอาไหน

ไม่ใส่ใจแม้แต่เสียงเพรียกหาของเรา

ผู้มาตามลูกแกะของพระองค์กลับบ้าน

มันจะยังผลให้จิตวิญญาณของท่าน

ต้องถูกกักขังอยู่ในแกนโลกที่ร้อนระอุ

หนักหนาที่สุดก็คือจะถูกระเบิดทิ้ง

จนคืนกลับสู่ความเป็นตัวตนของตนเองไม่ได้

ตราบชั่วนิรันดร์กาลเลยทีเดียว

 

4. เหตุผลประการสุดท้ายทำไมต้องหลุดพ้น

ก็เป็นเพราะว่าแดนสุญตานอกอนันตจักรวาล

เป็นบ้านเกิดเมืองนอนของจิตวิญญาณ

ที่แบ่งภาคออกมาจากจิตจักรวาลดวงเล็ก

ก่อนเดินทางข้ามมิติเข้ามาจุติในระบบโลก

 

แดนสุญตาจึงมีตัวตนภาคแรกที่สูงส่ง

ของจิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้ของท่าน

ที่เร้นตนเองอยู่ในกายสังขารรูปธรรมมนุษย์

ที่รอคอยการคืนกลับของจิตวิญญาณของตนอยู่

พร้อมการรอคอยขององค์จิตจักรวาลดวงใหญ่

พระผู้เป็นเจ้าเหนือสิ่งทั้งปวง

ที่ทรงรอคอยลูกกลับบ้านมานานนับหมื่นปีแล้ว

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

 

ทั้งหมดที่เรากล่าวมา

คือคำตอบของท่านที่ถามว่า

"ทำไมจิตวิญญาณของท่านจึงต้องหลุดพ้น"

 

ทำไมเมื่อตายแล้วจึงยังไม่จบสิ้น

ยังต้องมีเรื่องใหญ่แบบที่กล่าวมานี้

อยู่เบื้องหลังความตายของท่านด้วยหรือ

 

ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า

ในพันธะสัญญาข้อ 6 ข้อสุดท้ายนั้น

จิตวิญญาณของท่านได้สัญญาผูกมัดตนเองไว้

กับพระบิดาแห่งจิตวิญญาณว่า

เมื่อถึงกาลสิ้นยุคพลังงานเก่าแล้ว

ท่านจะนำพาตนเองกลับบ้านแดนสุญตา

กลับไปกราบพระบาทพระองค์ให้ทัน

ก่อนการชำระโลกคาบสุดท้าย

ตามคำพิพากษาของพระองค์

 

แต่ถ้าท่านยังไม่รู้อนุตรธรรมเหล่านี้

ท่านก็จะเป็นคนไม่มีบ้านเกิดของแก่นแท้

ไม่มีพ่อแม่ทางจิตวิญญาณ

มาเกิดเป็นมนุษย์โดยไม่รู้ว่ามาเกิดทำไม

ไม่รู้ว่าตนมีหน้าที่ต้องทำอะไรบ้าง

 

วันๆก็จะทำตนเหมือนวัตถุเลื่อนลอย

ลอยไปลอยมาหาแก่นสารสาระไม่ได้

เสมือนมาเกิดเพื่อรอเป็นคนแก่

เป็นคนแก่เสมือนรอการเจ็บป่วย

เจ็บป่วยเสมือนรอความตายเพราะร่างกายโทรม

หนึ่งภพชาติชั่วอายุขัยก็ทำได้เท่านี้

ตายแล้วก็ถือว่าจบกันทั้งๆที่มันไม่มีวันจบ

 

ไม่ต่างจากพวกคนนำทางตาบอด

ที่พยายามหนีทุกข์พ้นทุกข์

ด้วยการพยายามหาทางตายแล้ว

ไม่กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก

โดยเชื่อเองเออเองว่าดับสังสารวัฏได้

 

ทั้งๆที่ความเป็นจริงนั้น

จิตวิญญาณมิได้มาเกิดเป็นมนุษย์

แต่ไปเกิดเป็นรูปธรรมเทพเทวดา

ล่องลอยอยู่บนสวรรค์มายาแทน

ซึ่งตายแล้วก็ยังต้องไปเกิดอยู่บนนั้น

มิได้ดับการมีสังสารวัฏได้จริงแต่อย่างใด

ความเชื่อผิดๆแบบนี้

จึงพากันหลงทางกลับบ้านหลงทางนิพพาน

อย่างน่าเศร้าใจจริงๆ

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

19-08-2019