29 มิถุนายน 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 29/06/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

ท่านทั้งหลายได้รู้สัจธรรมความจริงกันมาแล้วว่า
#อนุตรธรรม ความจริงที่ไม่มีใครบนโลกนี้รู้มาก่อน
คือมนุษย์เป็นคนสองมิติเป็นผู้มีสองภาคในตนเอง
อันมี #จิตวิญญาณ เป็นผู้ข้ามมิติเข้ามาเกิด
ซึ่งมี #จิตหยาบ เป็นตัวแทนของ #จิตวิญญาณ
ช่วยขับเคลื่อนเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์

โดยเราเปรียบ “จิตหยาบ” ให้เป็นเครื่องยนต์สี่สูบ
ผู้ช่วยขับเคลื่อน “รถยนต์” คือกายสังขารของท่าน
แต่เครื่องยนต์สี่สูบนั้นจะทำการขับเคลื่อนรถยนต์ได้
ก็ยังต้องอาศัยพลังงานไฟฟ้าสนับสนุนจากแบตเตอรี่
ที่ถูกติดตั้งเอาไว้ในระบบของรถยนต์คันนั้นด้วย
ซึ่ง “แบตเตอรี่” ก็คือ “จิตวิญญาณ” ของท่านนั่นเอง

ดังนั้น
พวกท่านจึงเป็นผู้มี #จิต อยู่ 2 จิต
คือ “จิตหยาบ” กับ “จิตวิญญาณ” ที่เป็นตัวตนแก่นแท้
มิได้มีแค่รูปธรรมจิตวิญญาณอยู่เพียงรูปธรรมเดียว
โดยจิตที่เป็น #ตัวรู้ ผู้ขับเคลื่อนขันธ์ 5 กับกายสังขาร
ให้เกิดการสั่นสะเทือนในมิติคู่ขนานก็คือ “จิตหยาบ”
มิใช่จิตวิญญาณตามที่เข้าใจผิดกันมาตลอดแต่อย่างใด

เพราะจิตวิญญาณผู้ “ขันอาสา” เข้ามาเกิดเป็นมนุษย์
จะต้องมอบอำนาจให้จิตหยาบทำหน้าที่แทนตนก่อน
นับตั้งแต่วันแรกที่ตนเข้ามาปฏิสนธิในครรภ์มารดา
ตามที่พระบิดาหรือ #องค์จิตจักรวาล ทรงออกแบบไว้
ไม่ว่าท่านจะเป็นคนเชื้อชาติใดเผ่าใดประเทศใด
จักต้องเป็นไปตามที่เรากล่าวนี้ด้วยกันทั้งสิ้นไม่มียกเว้น

เมื่อปฏิสนธิเป็น “ก้อนโลหิต” ในครรภ์มารดาแล้ว
จิตวิญญาณของผู้มาเกิดกับจิตวิญญาณของมารดา
ก็จะร่วมกันสร้างสามเหลี่ยมทางพลังงานมหัศจรรย์
โดยมี “จิตหยาบ” ที่ถูกแบ่งภาคออกมาในมิติที่ศูนย์
จะรองรับพลังงานร่วมจากการสั่นสะเทือนด้านบวกนั้น
ซึ่งกระบวนการนี้มันจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งวันคืน
เพื่อช่วยกันยกระดับแรงสั่นสะเทือนของจิตหยาบ
จากมิติที่ศูนย์ให้สั่นสะเทือนด้านบวกแรงขึ้นเรื่อยๆ
สู่มิติที่สูงกว่าเดิมอย่างไม่สะดุดหรือหยุดยั้งให้จงได้

ตัวชี้วัดว่ากระบวนการมหัศจรรย์นี้ประสบความก้าวหน้า
คือพัฒนาการจากก้อนเลือด ณ มิติ “ศูนย์” ที่ในครรภ์
จากวันเป็นเดือนจะเปลี่ยนแปลงเป็น “ตัวอ่อนมนุษย์”
จนอุบัติเป็น #ตัวตนของทารก ผู้มีสองภาคในตนเอง
อันเป็นผลจากการยกระดับของจิตหยาบสู่มิติที่สูงกว่า
เมื่อทารกเจริญเติบโตเต็มที่ภายในไม่เกิน 9 เดือนแล้ว
ก็จะถูกกำหนดให้คลอดออกมาจากจักรวาลของมารดา
เพื่อให้จิตหยาบทารกยกระดับตนเองให้สูงขึ้นต่อไป

โดยมีพลังความรักจากบิดามารดาและคนที่อยู่รอบข้าง
ทำหน้าที่เป็นพลังสนับสนุนการยกระดับของจิตหยาบ
ให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆจากมิติที่สามเมื่อแรกเกิดหรือตกฟาก
ขึ้นสู่มิติที่สี่มิติที่ห้าจนถึงมิติที่หกคือมิติของจิตวิญญาณ
ขณะที่เครื่องยนต์แห่งกรรมจะโตวันโตคืนปรากฏให้เห็น

ดังนั้น
พวกท่านไม่จำเป็นต้องดิ้นรนหาวิธีพิเศษ
เพื่อจะเชื่อมตนเองกับจิตวิญญาณหรือสิ่งใดเลย
พระบิดาได้ทรงออกแบบไว้เป็นระบบอัตโนมัติแล้ว
เพียงแค่ท่านพร้อมที่จะรักและพร้อมจะเป็นผู้ถูกรัก
เป็นบุตรกตัญญูรู้คุณบิดามารดาและเป็นบุตรที่พ่อแม่รัก
เป็นที่รักของคนรอบข้างทุกคนในครอบครัวของท่าน
เป็นสัตว์สังคมที่คนรอบข้างล้วนรักและเมตตาท่าน
เป็นผู้รักตนเองและรู้คุณค่าในการได้มาเกิดเป็นมนุษย์
เป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบด้วยการหมุนธรรมจักร
แทนการหมุนกรรมจักรได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว

คุณสมบัติต่างๆเหล่านี้ถ้าท่านสามารถเข้าถึงได้
จนกลายเป็น #ธรรมชาติ ของตนเองไปในที่สุดแล้ว
มันจะทำให้จิตหยาบของท่านยกระดับขึ้นสู่มิติที่ 6
เพื่อสั่นสะเทือนร่วมกับจิตวิญญาณจนเป็นหนึ่งเดียว

วิธีที่ท่านสามารถยกระดับจิตหยาบคือตัวท่านเอง
ให้เข้าถึงจิตวิญญาณที่ถูกกักบริเวณไว้ได้สำเร็จนั้น
คือ #การบรรลุธรรม ตามแผนการหนึ่งของพระเจ้า
ในการที่จิตหยาบให้อิสรภาพแก่จิตวิญญาณของตน
ด้วยการปลดปล่อยออกมาจากต่อมพิทูอิทารีที่กักกัน
มาร่วมกันขับเคลื่อนกายสังขารในนามมนุษย์ได้เสียที

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

เมื่อยกระดับมิติของจิตหยาบให้เข้าถึงจิตวิญญาณ
จนสั่นสะเทือนเป็นหนึ่งเดียวกันในมิติที่ 6 ได้
โดยไม่โชคร้ายที่จิตวิญญาณต้องตายเสียก่อน
เพราะโง่ง่ายงมงายจนหลงทางหลงธรรม
เพราะก้าวตามคนนำทางตาบอดอย่างไร้สติแล้ว
มันบ่งชี้ว่าท่านก้าวผ่านการนิพพานกิเลสได้หมดสิ้น
อีกทั้งตัวท่านยังเป็นมนุษย์ที่สมดุลและสมบูรณ์
เพราะหมุนธรรมจักรเพื่อมอบความรักค้ำจุนโลก
อันเป็นภารกิจของจิตวิญญาณที่ขันอาสามาได้แล้ว

หลังจากยกระดับถึงมิติที่หกแล้ว
ท่านจะเป็นมนุษย์ที่มีจิตวิญญาณเป็นอมตะ
โดยท่านจะไม่ต้องมีภพชาติอีกเลย
จนกว่าจะถึงกำหนดกาลสิ้นยุคคือครบหกหมื่นปี
พวกท่านจะยกระดับจิตวิญญาณพร้อมจิตหยาบ
จากมิติที่หกไปสู่มิติที่ 10 และ 11 ได้โดยอัตโนมัติ
จนพร้อมที่จะหลุดพ้นกลับบ้านโดยไม่มีอะไรยาก
และไม่ต้องให้ใครช่วยเหลืออีกด้วย

การปฏิบัติธรรมเพื่อนำพาตนเองสู่สภาวะนิพพาน
และการบรรลุธรรมขั้นสูงสุด คือ หลุดพ้นนั้น
ในกาลอดีตที่ผ่านมาจนถึงยุคแห่งจิตจักรวาลนี้
มนุษย์โลกมองว่าเป็นเรื่องยากเป็นเรื่องลำบากเกิน
ก็เพราะเหตุว่า “คนนำทางตาบอด” ถูกมอดหลอก
ด้วยการบิดเบือนพระวจนะของพระศาสดามาตลอด

เพียงเพื่อให้มนุษย์โลกติดกับดักของกฎแห่งกรรม
เพราะเข้าถึงอำนาจทางปัญญาและความรักแท้มิได้
จนต้องเปลี่ยนภพชาติอยู่เรื่อยๆจึงขาดการต่อเนื่อง
ในการยกระดับจิตหยาบสู่มิติของจิตวิญญาณ

นอกจากนั้นภารกิจการใช้เมตตาธรรมค้ำจุนโลก
พวกท่านส่วนมากต่างก็ล้มเหลวกันมาตลอดเช่นกัน
เพราะตกเป็นทาสกิเลสมารจากการขาดสติกันทั้งนั้น
พอจะหาวิธีฝึกสติสร้างสติก็กลับถูกมอดมารหลอก
ให้นั่งฝึกปฏิบัติอยู่คนเดียวให้เรียนรู้อยู่กับโลกส่วนตัว
โดยไม่มีใครอื่นช่วยยื่นบททดสอบการครองสติให้
ซึ่งต่อให้ฝึกกันนานแค่ไหนสติกำกับกิเลสก็ไม่เกิด
เพราะมิได้ฝึกทักษะในชีวิตจริงสถานการณ์จริงนั่นเอง

ถ้าท่านทั้งหลายยังเป็นลิงหวงเถาวัลย์
ไม่นำพระโอวาทที่เราสื่อมาไปขบคิดพิจารณา
จิตวิญญาณของท่านทั้งหลายจักต้องผจญภัยแน่แล้ว
เพราะจิตหยาบเหลวไหลไม่ใส่ใจในจิตวิญญาณ
ซึ่งเป็นตัวตนที่แท้จริงของท่านเองเลย
ทั้งๆที่บัดนี้พวกท่านก็ได้รู้ความจริงกันแล้วว่า
จิตหยาบก็คือตัวท่านเองขณะเกิดเป็นมนุษย์
เมื่อตายเมื่อไหร่จิตหยาบจะตายพร้อมกับกายสังขาร
ตัวท่านจะคืนกลับสู่จิตวิญญาณซึ่งเป็นตัวจริงอีกครั้ง

จิตวิญญาณคือตัวตนที่แท้จริงของท่าน
ต้องพึ่งพาจิตหยาบก็คือตัวท่านที่แบ่งภาคออกมา
เพื่อทำหน้าที่แทนในขณะดำเนินชีวิตเป็นมนุษย์
ท่านเข้าใจหรือยังว่า “อัตตาหิ อัตตโนนาโถ” นั้น
มันแปลความว่า #ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน คือ อย่างไร

ความหมายที่แท้จริงก็คือ
ตัวเองคือจิตวิญญาณต้องพึ่งตัวเองก็คือจิตหยาบ
ในขณะได้รับโอกาสให้มาเกิดเป็นมนุษย์
นี่เป็นความจริงในระดับอนุตรธรรม
ที่เรารู้ว่าพวกท่านยังไม่รู้ไม่เข้าใจ
จงละเลิกการปฏิบัติธรรมแบบเพ้อเจ้อกันได้แล้ว

พระบิดาทรงพิพากษาโลกแล้ว
ช่างเท็คนิกกำลังปฏิบัติการชำระโลกและมนุษย์
อย่างเข้มข้นยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
จงก้าวตามมรรควิถีจิตจักรวาลกันเถิด
ด่านนภาลัยประตูมิติสู่การหลุดพ้น
พร้อมจะเปิดให้อีกครั้งเพื่อให้ท่านกลับบ้าน
ผู้ที่ดีแต่พูดและผู้ที่ปฏิเสธพระบิดา
จะไม่สามารถก้าวผ่านประตูมิตินี้ออกไปได้

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
29/06/2022