เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ถ้า “รถยนต์”
คันหนึ่ง เป็น #เครื่องยนต์กลไก
ที่ถูก #ออกแบบมา
เพื่อใช้ในการเคลื่อนที่
สำหรับการเดินทางไปไหนมาไหนบนโลกใบนี้แล้ว
#เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
ก็เช่นกัน
พระผู้สร้างหรือองค์
#จิตจักรวาล ก็ทรงออกแบบให้
มีพลังอำนาจและหน้าที่ไม่ต่างจากรถยนต์นั่นเอง
รถยนต์ต้องมีล้อในการเคลื่อนที่เดินทาง
มนุษย์ชายหญิงก็มี
“เท้า” ที่จะใช้ก้าวเดินและหยัดยืน
รถยนต์ต้องมีเครื่องยนต์
4 สูบกับหัวเทียน 4 แท่ง
เพื่อใช้ในการจุดระเบิดให้เกิด
“พลังขับเคลื่อน”
อันหมายถึงพลังชีวิตที่ช่วยให้รถยนต์เคลื่อนที่ได้
มนุษย์ทุกคนก็มี
“หัวใจ” รวมสี่ห้องติดตั้งอยู่ข้างใน
เพื่อทำหน้าที่คอยขับเคลื่อน
#พลังงานชีวิต
ให้แก่เซลล์อวัยวะร่างกายทุกเซลล์ทุกชิ้นอย่างถ้วนทั่ว
เพื่อช่วยให้เครื่องยนต์แห่งกรรมทั้งระบบทำหน้าที่ได้
อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
ถ้าหัวใจทั้งสี่ห้องของพวกท่านเกิดการชำรุด
หมายถึงเครื่องยนต์นั้นหัวเทียนบอดลูกสูบติดลูกสูบรั่ว
เครื่องยนต์แห่งกรรมคือกายสังขารของท่านก็ต้องตาย
เพราะเครื่องยนต์ดับจะเคลื่อนที่ไปไหนอีกไม่ได้แล้ว
แสดงว่าเครื่องยนต์ทั้งสี่สูบหรือหัวใจทั้งสี่ห้องของท่าน
มันสำคัญต่อความเป็นความตายของมนุษย์ใช่หรือไม่
แต่ในเครื่องยนต์เคลื่อนที่ได้
เช่น รถยนต์นั้น
นอกจากตัวเครื่องยนต์
4 สูบที่เรายกตัวอย่างให้เห็นว่า
เป็นกลจักรสำคัญของรถยนต์คันนั้นที่พวกท่านต้องรู้ค่า
เพราะว่าทั้งพลังงานชีวิตของรถยนต์คันนั้น
กับพลังอำนาจการขับเคลื่อนเดินทางทั้งใกล้ไกล
และจำนวนระยะทางกับอายุขัยการใช้งานของรถคันนั้น
อันหมายถึงสมรรถนะของเครื่องยนต์ทั้งระบบ
มันเป็นหัวใจสำคัญของรถยนต์แต่ละคันโดยแท้
ดังนั้น
กลไกสำคัญที่ทำให้รถยนต์แต่ละคันมีพลังชีวิต
จนสามารถเคลื่อนที่ได้เดินทางได้ใช้เป็นพาหนะได้
ก็คือเครื่องยนต์ที่มีสี่สูบซึ่งสั่นสะเทือนได้ต่อเนื่อง
ถ้าเป็นมนุษย์ผู้ทำหน้าที่ขับเคลื่อนก็คือ
#จิตหยาบ
แต่ทว่าท่านทั้งหลายจักต้องรู้เพิ่มเติมเอาไว้ด้วยว่า
รถยนต์แต่ละคันจะใช้การได้อย่างเต็มสมรรถนะหรือไม่
จะเป็นเครื่องยนต์ที่มีชีวิตคือสตาร์ทติดง่ายหรือไม่
มันยังขึ้นอยู่กับว่ารถยนต์คันนั้นมี
#แบตเตอรี่ หรือไม่
ทางโรงงานผู้ผลิตติดตั้งแบตเตอรี่มาให้ด้วยหรือไม่
หรือแบตเตอรี่ลูกนั้นไม่มีไฟเพราะว่า
#แบตเสื่อม
เนื่องจากไดชาร์จเสียเก็บไฟไม่อยู่หรือว่าไฟรั่ว
เป็นต้น
ท่านจึงเห็นได้ว่า
นอกจากเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย
4 สูบ
ซึ่งเราเปรียบกับ
“จิตหยาบ” ของพวกท่านแล้ว
เจ้า “แบตเตอรี่”
ของรถยนต์แต่ละคันก็สำคัญด้วย
เพราะพลังงานชีวิตของรถยนต์มันจะเกิดขึ้นไม่ได้
ถ้ารถยนต์คันนั้นขาดพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่
เป็นผู้คอยค้ำจุนเกื้อหนุนทั้งระบบไว้
ด้วยการจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้อย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งยังคอยเก็บสะสมพลังงานไฟฟ้าเอาไว้ให้
ด้วยการคอยชาร์จเพิ่มเติมเต็มพลังไฟไว้ตลอดเวลา
ในตอนที่รถยนต์คันนั้น
“จอด” ดับเครื่องหยุดใช้งาน
พลังงานไฟฟ้าก็จะไม่มีวันหมดสตาร์ทใหม่ได้ทันที
สำหรับเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์นั้น
กลไกซึ่งทำหน้าที่เช่นเดียวกับ
“แบตเตอรี่” รถยนต์
ก็คือ #จิตวิญญาณ
ตัวตนแก่นแท้ที่มาเกิดเป็นมนุษย์
ซึ่งเจ้าของโรงงานคือ
พระผู้เป็นเจ้าหรือพระผู้สร้าง
ไม่ทรงลืมที่จะติดตั้งเอาไว้ให้ใช้ในกายสังขารมนุษย์
ดังนั้น
พวกท่านทุกคนจะไม่มีใครมีชีวิตอยู่ได้หรือเกิดได้
หากไม่มีจิตวิญญาณคอยให้พลังสนับสนุนจิตหยาบ
เพื่อขับเคลื่อนเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
จิตหยาบกับกายหยาบจะหยุดทำงานคือไร้ชีวิตทันที
เมื่อใดที่จิตวิญญาณแก่นแท้ละออกไปจากกายสังขาร
แปลว่ามนุษย์จะต้องตายหรือจะมีอาการร่อแร่เสมอ
ถ้าจิตวิญญาณของคนผู้นั้นอ่อนพลังหรือเสื่อมบารมี
ความเสื่อมบารมีของจิตวิญญาณ
อาจเกิดได้จากสาเหตุดังต่อไปนี้
คือ
1.จิตหยาบไม่รู้ว่าตนมีจิตวิญญาณเร้นอยู่ข้างใน
จึงไม่เคยทำอะไรดีๆเพื่อจิตวิญญาณของตนเลย
บารมีทางจิตวิญญาณจึงไม่อาจเพิ่มเติมขึ้นมาได้
2.จิตหยาบใช้อำนาจบาตรใหญ่
ด้วยการทำอะไรตามกิเลสตัณหาของตนเองเท่านั้น
นิสัยเสพติดกิเลสเช่นนี้ก่อให้เกิดการหมุน
#กรรมจักร
จะยังผลให้ขันธ์
5 ผลิตพลังงานไฟฟ้าด้านลบออกมา
ที่โลกและจิตวิญญาณของตนใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้
เมื่อจิตวิญญาณได้แต่มอบพลังงานความรักออกมาให้
ขณะที่จิตหยาบเองกลับไม่ช่วยสร้างเพิ่มเติมเต็มคืน
พลังอำนาจทางจิตวิญญาณของท่านจึงร่อยหรอลง
3.จิตหยาบกระทำอุตริจากการหิวกิเลส
จึงตกเป็นทาสวิชาของมอดมาร
ที่หลอกให้ “เจาะ”
จิตวิญญาณของตัวเองให้รั่ว
เพราะความอยากรวยเป็นเศรษฐีด้วยวิธีลัด
เพราะความอยากมีอำนาจเหนือมนุษย์คนอื่นๆ
โดยใช้วิธีการที่เรียกว่า
#การสั่งจิตใต้สำนึก
เพื่อดูดดึงเอาพลังงานทางจิตวิญญาณออกมาใช้
ด้วยวิธีการทำร้ายจิตวิญญาณให้เสื่อมพลังบารมี
ในลักษณะของการดึงไฟจากแบตเตอรี่รถยนต์มาใช้
ขณะที่เครื่องยนต์นั้นกำลังดับเครื่องจอดอยู่เฉยๆ
ในที่สุดจิตวิญญาณก็ต้องรับกรรมไปเพราะไฟหมด
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
เมื่อจิตวิญญาณของท่านไฟหมดหรือแบ็ตเสื่อม
ตามเหตุปัจจัย 3
ประการที่เรากล่าวมาแล้วนั้น
ความบรรลัยวายวอดหรือล้มเหลวอย่างร้ายแรงก็คือ
ชีวิตบั้นปลายท่านผู้นั้นจะเป็นได้แค่
“ขยะรกโลก”
เพราะทำประโยชน์อะไรให้โลกของตนไม่ได้
เมื่อตายไปจากการเป็นคนในชาตินี้
จิตวิญญาณของท่านผู้นั้นจะไม่มีแรงดีดตนเอง
ออกไปจากกายหยาบหรือกายสังขารได้
จะสลัดหลุดออกจากกายหยาบได้ก็ต่อเมื่อ
ถูกประชุมเพลิงจนกายหยาบไหม้เป็นเถ้าถ่านแล้ว
จิตวิญญาณของท่านผู้นั้นจะทุกข์ทรมานแสนสาหัส
จากความร้อนแรงแห่งพระเพลิงในวันฌาปนกิจ
นอกจากนั้น
เมื่อเป็นอิสระจากกายหยาบแล้ว
จิตวิญญาณผู้ด้อยพลังบารมีของท่านผู้นั้น
จะมีอาการ “ไร้เรี่ยวแรง”
เหมือนคนอ้วนที่อ่อนแอ
จนไม่สามารถเคลื่อนที่เดินทางไปไหนได้ดั่งใจ
คล้ายพวกรถซิ่งที่มีลักษณะ
#ดังแต่ท่อล้อไม่หมุน
เนื่องจากพลังอำนาจของเมิร์คขะบาห์เสื่อมถอย
เสียชีวิตอยู่ตรงไหนจิตวิญญาณก็จะจอดอยู่ตรงนั้น
คนที่ทำบุญให้ได้ผลบุญไม่เป็น
คนที่หิวกิเลสอยากร่ำรวยด้วยวิธีที่มอดมารหลอก
ให้ท่านทำร้ายจิตวิญญาณตนเองอย่างโง่ง่ายไร้สติ
พึงสังวรเอาไว้ว่าสติปัญญาความสามารถและมือเท้า
หากเรียนรู้ที่จะใช้มันให้เป็นชาตินี้ก็รวยได้
การอยากรวยทางลัดซึ่งได้ผลไม่ได้ผลก็ไม่รู้
แต่ต้องแลกด้วยความวิบัติทางจิตวิญญาณมันคุ้มไหม
โดยไม่อาจกลับบ้านของจิตวิญญาณพร้อมคนอื่นๆได้
จนกลายเป็น “ขยะพลังงาน”
ที่ต้องถูกกำจัดทิ้ง
เราว่าไม่น่าเป็นทางเลือกที่สวยงามของผู้ประเสริฐนะ
กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา