10 มิถุนายน 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 10/06/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
เพราะความไม่รู้ว่า #จิตวิญญาณ ของตนเป็นใคร
ใครเป็นผู้ที่อนุญาตให้ตนเข้ามาเกิดเป็นมนุษย์
เข้ามาเกิดเป็นมนุษย์ด้วยวัตถุประสงค์อะไร
เมื่อได้รับโอกาสแล้วตนมีหน้าที่ต้องทำสิ่งใดบ้าง
 
เมื่อมนุษย์ไม่รู้ความจริงระดับ #อนุตรธรรม เหล่านี้
จึงยังผลให้วิธีการและแนวทางดำเนินชีวิตประจำวัน
ในบทบาท #คนสองมิติ ของพวกท่านทั้งหลาย
เกิดการวิปริตผิดเพี้ยนสะเปะสะเปะไปจากความจริง
ตั้งแต่อดีตกาลผ่านมาตราบจนกระทั่งทุกวันนี้
 
เราจะขอยกตัวอย่าง “อนุตรธรรม” ที่พวกท่านไม่เคยรู้
จนทำให้เกิดการหลงผิดหลงธรรมหลงทางจนสุดโต่ง
ให้ได้รับรู้โดยทั่วหน้ากันไว้พอสังเขปดังต่อไปนี้
 
1.เพราะไม่รู้ว่า “จิตวิญญาณ” ผู้เป็นแก่นแท้ของตน
เป็นพระจิตวิญญาณบริสุทธิ์ผู้มาจาก #องค์จิตจักรวาล
ที่ทรงประทับอยู่ในแดนสุญตาภายนอกระบบเอกภพ
ซึ่งทรงเป็นพระผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณของตนนั่นเอง
 
เพราะความไม่รู้นี่แหละจึงพากันปฏิเสธ #พระบิดา
พระผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณของตนกันอย่างไม่ใยดี
ทั้งๆที่จิตวิญญาณของพวกท่านนั้นมิใช่ #บุตรกำพร้า
ที่ไม่มีผู้ใดให้กำเนิดเพราะสามารถให้กำเนิดตนเองได้
 
2.เพราะไม่รู้ว่า “จิตวิญญาณ” ผู้เป็นแก่นแท้ของตน
ซึ่งพากันขันอาสาเข้ามาจุติเป็นมนุษย์แห่งโลกเสรีนี้
ต่างก็มี #ภารกิจสำคัญ ที่จิตวิญญาณถือติดตัวมาด้วย
นั่นคือการเข้ามาช่วยกันใช้ความรัก #หมุนธรรมจักร
เพื่อผลิตพลังจิตด้านบวกให้โลกใช้ในการเหวี่ยงหมุน
เพื่อสร้างสมดุลของระบบโลกให้ช่วยค้ำจุนเอกภพไว้
 
เพราะมนุษย์ทั้งหลายไม่รู้อนุตรธรรมความจริงนี้
จึงมิได้ให้ความสำคัญกับ #การรักเพื่อให้ ต่อผู้อื่น
จึงเข้าไม่ถึงจิตสามนึกแห่งการเป็นหนึ่งเดียวกัน
เพื่อร่วมกันผลิตพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก
โดยใช้พลังแห่งเมตตาธรรมช่วยกันค้ำจุนโลกไว้
ตามที่พระพุทธองค์ตรัสรู้ คือ #ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร
 
มิหนำซ้ำนอกจากจะไม่รู้หน้าที่ของตนเองที่ว่านี้แล้ว
ยังถูกมอดมารหลอกอีกว่าตนไม่น่าจะมาเกิดเป็นมนุษย์
เพราะว่าการเกิดแก่เจ็บตายนั้นมันเป็นทุกข์อย่างยิ่ง
วันๆจึงไม่ทำหน้าที่เป็นเพื่อนร่วมงานกับดาวเคราะห์โลก
ได้แต่เน้นที่จะหาทางตายโดยไม่กลับมาเกิดให้ทุกข์อีก
ถ้าทำสำเร็จได้ก็ให้ความหมายว่าตนถึงซึ่งนิพพานแล้ว
 
3.เพราะไม่รู้ว่า “จิตวิญญาณ” ผู้เป็นแก่นแท้ของตน
ต้องมาเกิดเป็น #คนสองมิติ อยู่ในเครื่องยนต์แห่งกรรม
ที่มีทั้งภาคพลังงานและกายสังขารในมิติทางกายภาพ
ซึ่งเป็นรูปธรรมที่มีถึงสองภาคอยู่ในตนเองแค่คนเดียว
ตามที่พระบิดาทรงออกแบบไว้ให้ใช้ทำหน้าที่ในสองมิติ
ในบทบาทของ “เพื่อนร่วมงาน” กับดาวเคราะห์โลก
 
จึงทรงกำหนดให้มนุษย์ใช้ #อายตนะภายนอก ทั้ง 5
ทำงานร่วมกับกระบวนการของ “ขันธ์ 5” ของจิตหยาบ
อันประกอบด้วยรูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาณ
โดยมีความฉลาดทางปัญญาของสมองทั้งสองซีก
กับความรักเพื่อให้ที่จิตวิญญาณแบกขนมาจากพระบิดา
เป็นเครื่องมือขับเคลื่อนพฤติกรรมทั้งสองมิติพร้อมกัน
 
เพราะความไม่รู้ในอนุตรธรรมความจริงบทที่ว่านี้
คนนำทางตาบอดจึงชวนพวกท่านให้ดับขันธ์ 5 ให้สิ้น
เพราะหลงผิดคิดว่าขันธ์ 5 เป็น “อัตตา” ผู้พาให้มาเกิด
หากดับขันธ์ 5 ได้ตนก็จะเป็น #อนัตตา คือไม่มีตัวตน
เมื่อไม่มีตัวตนเสียได้การมาเกิดภพชาติใหม่จึงไม่มี
ซึ่งเป็นการ #หลงทางหลงธรรม อันไม่น่าให้อภัยเลย
เพราะว่า “ขันธ์ 5” เป็นกลไกของจิตวิญญาณมนุษย์
ที่ต้องใช้ทำหน้าที่ในบทบาทของ “คนสองมิติ” นั่นเอง
ถ้าไม่มีขันธ์ 5 พวกท่านก็จะทำหน้าที่เป็นมนุษย์ไม่ได้
 
นอกจากนั้นขันธ์ 5 มนุษย์ก็ไม่ต้องเสียเวลาดับมันหรอก
เมื่อวันใดที่จิตวิญญาณทิ้งกายสังขารไปในภพชาตินี้
ขันธ์ 5 จะดับสลายไปพร้อมกับกายสังขารของท่านแล้ว
ไม่ต้องเสียเวลาหาทางดับมันจนวันๆไม่ต้องทำอะไร
เหมือนอย่างที่ปฏิบัติสืบเนื่องมาจนทุกวันนี้เลยด้วยซ้ำ
 
4.เพราะไม่รู้ว่า “จิตวิญญาณ” ผู้เป็นแก่นแท้ของตน
จะสั่นสะเทือนจิตหยาบเพื่อสร้าง “ขันธ์ 5” ขึ้นมาได้
จักต้องใช้ช่องทางอายตนะภายนอกทั้งห้าที่ไม่มืดบอด
สัมผัสสิ่งเร้าจาก “คนรอบข้าง” ส่งให้จิตหยาบข้างใน
เพื่อช่วยกันผลิตพลังงานด้านบวกที่เรียกว่า “วิญญาณ”
ด้วยความรักความเมตตามอบให้แก่ดาวโลกดวงนี้ได้
 
โดยต้องรักให้ได้ แม้เขาจะทำตัวไม่น่ารัก
ต้องให้อภัยให้ได้ แม้เขาจะทำตัวไม่น่าให้อภัย
ต้องมีจิตเมตตาต่อสัตว์ทั้งหลายได้
เพราะมองเห็นคุณค่าและความน่ารักของสัตว์นั้น
 
เพราะว่าไม่รู้ความจริงที่เป็นอนุตรธรรมบทนี้นี่เอง
คนนำทางตาบอดจึงชักนำพวกท่านให้ปิดหูปิดตา
พากันปลีกวิเวกเพื่อมุ่งหาทางดับขันธ์ห้าอยู่คนเดียว
ปฏิบัติธรรมเพื่อตนอยู่คนเดียวจนลืมโลกและผู้อื่น
จนละทิ้งภารกิจของจิตวิญญาณไปอย่างเสียชาติเกิด
 
5.เพราะไม่รู้ว่า “จิตวิญญาณ” ผู้เป็นแก่นแท้ของตน
ถือพันธสัญญา 6 ข้อตามที่ได้ให้สัจจะต่อพระบิดา
ก่อนจะได้รับโอกาสให้มาเกิดเป็นมนุษย์โลกนี้ว่า
ตนจะยินยอมปฏิบัติตามสัจจะโดยมิให้ขาดพร่อง
 
#ตัวอย่างเช่น
สัญญาว่าจะมาทำหน้าที่เป็นเพื่อนร่วมงานกับโลก
แต่กลับเกิดมาเพื่อหาทางตายโดยไม่กลับมาเกิดอีก
ซึ่งเป็นการทำเพื่อตัวเองมิได้ทำเพื่อโลกตามสัญญา
 
สัญญาว่าจะเป็นเงื่อนไขด้านบวกของคนรอบข้าง
โดยเรียนรู้ที่จะรักผู้อื่นและเรียนรู้ที่จะทำให้ผู้อื่นรัก
แต่กลับรักคนไม่น่ารักไม่ได้อภัยคนไม่น่าอภัยไม่เป็น
มักใช้ตนเองเป็นศูนย์กลางโดยไม่ใส่ใจคนรอบข้าง
 
สัญญาว่าถ้าสิ้นยุคคือครบ 6 หมื่นปีโลกแล้ว
ตนจะนำพาจิตวิญญาณหลุดพ้นกลับบ้านที่จากมา
แต่กลับถวิลหาแต่เรื่องนิพพานเพื่อการไม่มาเกิดอีก
เหตุเพราะกลัวความทุกข์จนขึ้นสมองอย่างไร้สติ
ทั้งๆที่ความทุกข์มันมิได้มีอยู่จริงแต่มันคือมายาเท่านั้น
 
6.เพราะไม่รู้ว่า “จิตวิญญาณ” ผู้เป็นแก่นแท้นั้น
เมื่อได้รับโอกาสให้มาเกิดแล้วจะไม่มีหน้าที่ต้องตาย
เพราะการเกิดแล้วตายแล้วกลับมาเกิดใหม่อีกนั้น
ท่านจะไม่สามารถทำหน้าที่ตามพันธสัญญา 6 ได้
ต้องเซ็ทซีโร่ใหม่ในทุกภพชาติจนขาดการต่อเนื่อง
เช่น ความฉลาดของสมองก็ต้องเริ่มพัฒนาใหม่
จิตหยาบก็ต้องยกระดับจากมิติศูนย์ให้สูงขึ้นมาใหม่
 
พระบิดาจึงทรงกำหนดให้
จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่านไม่ต้องมีอดีตชาติ
เพื่อมิให้ขาดการต่อเนื่องจนทำหน้าที่ของตนไม่ได้
 
แต่คนนำทางตาบอดผู้หลงเชื่อมอดมารนี่แหละ
ล้างสมองพวกท่านว่าเกิดแก่เจ็บตายเป็นของธรรมดา
จนพวกท่านท่องจำกันขึ้นใจและพากันเชื่อสนิทใจ
เพราะแลเห็นเป็นที่ประจักษ์แก่ตาตนเองแล้วจริงๆว่า
มนุษย์ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้ามีการเกิดแก่เจ็บตายกันทุกคน
จนไม่มีผู้ใดฉุกคิดเลยว่า “ทำไมมนุษย์ทุกคนต้องตาย”
ขณะที่สิ่งมีชีวิตในต่างดาวเท่าที่บางคนแอบคบหา
พวกเขากลับมีอายุยืนยาวได้โดยยังไม่มีใครตาย
แต่ละเผ่าจะมีอายุขัยเฉลี่ย 2 พัน-3 หมื่นปีกันทีเดียว
มนุษย์จึงถูกหลอกให้หลงทางเพราะเชื่อง่ายนี่เอง
 
เราขอยกตัวอย่างมาเพียงสังเขปเท่านี้ก่อน
ขอท่านทั้งหลายจงใช้ปัญญาแทนมิจฉาทิฐิกันเถิด
เพื่อการ “พิพากษา” ตัวท่านและจิตวิญญาณของท่าน
ด้วยสัจธรรมความจริงระดับ “อนุตรธรรม” ข้างต้นนั้น
ซึ่งไม่มีมนุษย์โลกคนใดจะกล่าวความจริงนี้ต่อท่านได้
จงใช้เวลาอ่านทบทวนเพื่อทำความไม่รู้เสียให้กระจ่าง
โลกสิ้นยุคพลังงานเก่าจะเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่แล้ว
มหันตภัยพิบัติกำลังมาเวลาพวกท่านเหลือน้อยลงแล้ว
 
กลับบ้านเดิมของจิตวิญญาณกันเถิดท่าน
ดาวโลกดวงนี้มิใช่บ้านเกิดของพวกท่าน
สวรรค์มายาที่พากันหลุดลอยไปค้างกันอยู่บนนั้น
มิใช่ “แดนนิพพาน” อย่างที่คิดฝันกันแต่อย่างใด
 
กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา
 
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
10/06/2022