22 เมษายน 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 22/04/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
มนุษย์โลกมีศัตรูผู้บุกรุกจากต่างเผ่าดาว
เข้าแฝงตัวอยู่พร้อมแทรกแซงภารกิจมนุษย์
ในการเป็นเพื่อนร่วมงานกับโลกมานานแล้ว

เป้าหมายสูงสุดของพวกเขาในระยะต้นก็คือ
ทำอย่างไรก็ได้ให้มีชีวิตรอดอยู่บนดาวโลกดวงนี้
เพราะพวกเผ่าของตัวเองเป็นผู้พลัดถิ่นไร้ที่อยู่
บางพวกก็ถูกขับไล่ออกมาจากระบบดาวบ้านเกิด
เหตุเพราะประพฤติชั่วทำตัวนอกรีตจึงถูกเนรเทศ
บางพวกก็อพยพหนีออกมาจากระบบดาวของตน
เหตุเพราะเป็นผู้ “ระเบิด” ดาวบ้านเกิดของตัวเอง
จากการทดลองสร้างวัตถุเท็คโนโลยีที่งี่เง่า
เพื่อควบคุมสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติของพระบิดา
เช่น การสร้างแผ่นดินไหว การสร้างพายุหมุน
สร้างคลื่นอากาศร้อนเย็นและสร้างอุทกภัย เป็นต้น
เพียงเพื่ออยากมีอำนาจเหนือธรรมชาติเท่านั้น

แต่ปรากฏว่าเมื่อสร้างเครื่องยนต์กลไกขึ้นมาแล้ว
ขณะที่ลงมือทำการทดลองเดินเครื่องจักรกล
เพื่อสร้างพายุแม่เหล็กที่มีความเข้มข้นสูงออกมา
พวกเขาก็ไม่สามารถควบคุมเครื่องจักรกลนั้นได้
สนามแม่เหล็กไฟฟ้าเทียมจึงมีความเข้มสูงขึ้นเรื่อยๆ
จนไม่สามารถที่จะระงับยับยั้งอะไรได้อีกแล้ว
พวกเขาไม่กี่คนจึงต้องเผ่นหนีออกมาจากระบบดาว
ก่อนที่มันจะระเบิดเป็นจุลพร้อมพี่น้องที่ไม่รู้เรื่องนี้
โดยทิ้งร่องรอยของ #เนบิวล่า เป็นฝุ่นธุลีไว้ให้เห็น
เป็นหลักฐานของความเหิมเกริมอหังการ์ของเผ่านี้

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เนื่องจากโลกเป็นดาวเคราะห์แห่งทางเลือกเสรี
เป็นดวงดาวของพระบิดาที่อุดมสมบูรณ์และงดงาม
เป็นดวงดาวที่พระบิดาทรงโปรดปรานมากที่สุด
จึงทรงสร้างมนุษย์เผ่าดาวโลกคือพวกท่านนี่แหละ
ให้เข้ามาทำหน้าที่ใช้ความรักค้ำจุนโลกให้สมดุล
เพื่อให้โลกช่วยค้ำจุนห้องทดลองคือเอกภพไว้

พระบิดาทรงรักมนุษย์มากเพราะช่วยทำสิ่งสำคัญนี้
ขณะที่พี่น้องในเผ่าดาวอื่นไม่มีหน้าที่ต้องทำอะไร
นอกจากจะรักษาชีวิตรอดไปวันๆเพื่อมีชีวิตอมตะ
โดยไม่ต้องแก่ชราไม่ต้องเจ็บป่วยและไม่ต้องตาย
เพราะพระบิดาทรงประทานความเป็นอมตะไว้ให้
จากการที่พวกเขาเป็นต้นแบบแรกๆที่ทรงสร้างขึ้น
เพื่อเรียนรู้ว่าจะพัฒนาหรือแก้ไขตรงไหนอย่างไร
จึงจะได้เครื่องยนต์แห่งกรรม 2 มิติที่ล้ำเลิศที่สุด
ที่จะทำงานร่วมกับโลกของพระองค์ตามแผนได้

เนื่องจากศัตรูมนุษย์จากต่างเผ่าดาวเหล่านี้
มีจุดด้อยที่ยังมิได้แก้ไขยังมีอะไรๆที่ยังไม่พัฒนาอยู่
ซึ่งเราพอจะเผยได้บ้างดังนี้ คือ

1.มีจิตวิญญาณเป็นผู้ขับเคลื่อนเครื่องยนต์แห่งกรรม
โดยไม่มีจิตหยาบทำหน้าที่แทนให้เหมือนมนุษย์โลก

2.มีสมองก้อนเดียวขณะมนุษย์มีสมองถึงสองซีก
พวกเขาจึงมีจุดอ่อนคือไม่รู้ดีรู้ชั่วไม่มีสำนึกคุณธรรม

3.จิตวิญญาณของเขาจะใช้สัญชาตญาณของสัตว์
แบบเดียวกับสัตว์ทั้งหลายที่ดำรงอยู่ในระบบโลก
ทำงานร่วมกับสมองในการแสดงพฤติกรรมทุกชนิด
โดยนึกคิดหรือกระทำใดๆไปตามสถานการณ์
ซึ่งส่วนใหญ่การสั่นสะเทือนขันธ์ 5 ของพวกเขานั้น
จะใช้กิเลสในย่านความถี่ต่ำขับเคลื่อนตัณหา
แล้วใช้ตัณหาที่เกิดขึ้นขับเคลื่อนพฤติกรรมออกมา
พวกเขาเหล่านี้จึงยังเป็นต้นแบบของมนุษย์ไม่ได้
เพราะยังมีลักษณะคุ้มดีคุ้มร้ายเหมือนสัตว์หน้าขน
ที่พวกท่านทุกคนรู้ดีว่าสัตว์หน้าขนไว้วางใจไม่ได้
เพราะสัตว์นั้นมันสามารถแว้งกัดเจ้าของจนตายได้

4.ระบบชีววิทยาในเครื่องยนต์แห่งกรรมพวกเขา
แม้จะประกอบด้วย DNA กับ RNA ซึ่งเป็นโปรตีน
มีโครงสร้างพื้นฐานมิได้แตกต่างกันกับมนุษย์เลย

แต่เนื่องจากพวกเขาสั่นสะเทือนจิตสัญชาตญาณ
เพื่อขับเคลื่อนเครื่องยนต์แห่งกรรมในย่านความถี่ต่ำ
ซึ่งเป็นจำพวกโทสะ โลภะ โมหะ มาตั้งแต่แรกเริ่ม
สั่นสะเทือนกิเลสเหล่านี้จนเป็นนิสัยเคยตัว
จึงยังผลให้ DNA พวกเขาเสพติดกิเลสไปในที่สุด
นี่คือที่มาของคำว่า #เสพติดกิเลส ที่เรากล่าวไว้

เมื่อร่างกายพวกเขาทั้งระบบเสพติดกิเลสกัน
สนามพลังงานรวมในระบบดาวพวกเขาจึงเป็นลบ
เมื่อต้องเข้ามาเป็นมอดอยู่ในระบบโลกมนุษย์
ถ้าจะมีชีวิตรอดจนเป็นอมตะเป็นหมื่นๆปีกันต่อไป
พวกเขาจึงต้องหาหนทางเปลี่ยนสนามแม่เหล็กโลก
ที่มีคุณสมบัติด้านบวกเพราะมนุษย์หมุนธรรมจักร
ให้เปลี่ยนเป็นสนามพลังงานแม่เหล็กเทียมที่เป็นลบ
เพราะพวกเขาพบว่าแม้เท็คโนโลยีที่เลอล้ำนำยุค
ก็มิอาจเปลี่ยนค่าสนามแม่เหล็กโลกให้พวกตนได้

ดังนั้น
มีเพียงวิธีเดียวที่ต้องทำตั้งแต่หลายพันปีที่ผ่านมา
ก็คือพวกเขาจักต้องสร้างสนามแม่เหล็กเทียม
ซึ่งมีคุณสมบัติด้านลบห่อหุ้มพวกเขาเอาไว้ให้ได้
จะได้ปลอดภัยจากสนามแม่เหล็กโลกด้านบวก
มิเช่นนั้นเซลล์อวัยวะร่างกายของพวกเขาทั้งหลาย
จะค่อยๆเสื่อมลงจากอมตะจนต้องถึงแก่ความตาย
ขณะที่มนุษย์จะเป็นอมตะถ้าหมุนธรรมจักรร่วมกัน

ปรากฎว่าทุกวันนี้มนุษย์กลับมีอายุสั้นแทน
แถมป่วยด้วยโรคเครื่องยนต์แห่งกรรมชำรุดกันมาก
มิได้ป่วยไข้เพราะเชื้อโรคเหมือนอดีตอีกแล้ว
ยกเว้นป่วยด้วยเชื้อโรคที่หลุดมาจากห้องปฏิบัติการ
ซึ่งเป็นโรคที่มิได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติเท่านั้น

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

พลังงานรวมด้านบวกที่โลกต้องการ
อันเกิดจากการหมุนธรรมจักรด้วยความรักเพื่อให้
หรือพลังงานรวมด้านลบที่พวกมอดมารต้องการ
อันเกิดจากการหมุนกรรมจักรด้วยกิเลสตัณหานั้น
มนุษย์ใช้ “ขันธ์ 5” ผลิตมันออกมาได้ทั้งสิ้น

ด้วยเหตุนี้เอง
พวกเขาจึงเพียรทำทุกทางเพื่อให้พวกตนอยู่รอด
โดยหาหนทางใช้มนุษย์ที่โง่ง่ายเป็นเครื่องมือ
เพื่อผลิตพลังงานจิตด้านลบที่พวกเขาต้องการ
ให้เป็นเกราะคุ้มกันชีวิตพวกตนเอาไว้ให้จงได้

นับพันปีที่ผ่านมา
พวกเขาจึงวางแผนจูงให้มนุษย์เสพติดกิเลส
หลอกให้มนุษย์หลงยึดติดในอัตตาและมายา
หลอกให้มนุษย์ต่อสู้ทำศึกสงครามกันเอง
หลอกให้มนุษย์งมงายในอวิชชามนต์ดำไสยเวทย์
หลอกให้มนุษย์กราบไว้วัตถุก้อนหินดินปั้น
หลอกให้มนุษย์อิจฉาตาร้อนเบียดเบียนเห็นแก่ตัว
หลอกให้มนุษย์เป็นทาสวัตถุเท็คโนโลยีใหม่ๆ
ที่พวกตนขยันหมั่นผลิตมายั่วกิเลสกันต่อเนื่อง
ทั้งหลอกล่อทั้งจูงใจสาระพัดวิธีที่จะทำ
เป้าหมายที่พุ่งชนคือทำให้โง่ทำให้เกิดกิเลสไว้
จนทำให้คนส่วนใหญ่หันหลังให้พระบิดา
แล้วพากันฝักใฝ่ลัทธิมอดมารแทนอย่างขาดสติ

นี่แหละคือที่มาของรางวัลจูงใจ
ที่ฟังหรูดูดีด้วยในการมีสถานะเป็น #กรรมกรแสง
คำว่า “แสง” พวกเขาหมายถึงพลังงานด้านลบ
ที่มนุษย์ใช้กิเลสสั่นสะเทือนขันธ์ 5 รายวัน
ทั้งชาวบ้านชาวเมืองนักวิชาการนักบวชนักเรียน
สาระพัดนักสาระพัดชนชั้นสาระพัดชนชาติ
ร่วมกันผลิตสร้างมันออกมาจนท่วมโลกแล้ว
ทำให้สนามแม่เหล็กโลกเสียสมดุลอย่างหนัก

ส่วนการยกระดับจากสามไปห้าที่ท่านถามเรามา
คือการระดมพลังกิเลสของกรรมกรแสงครั้งใหญ่
เพื่อยกระดับสนามพลังงานด้านลบในระบบโลก
ให้สูงขึ้นเป็น 5 เท่าของความเข้มในปัจจุบัน
ซึ่งเป็นระดับค่าที่พวกเขาจะปลอดภัยเป็นที่สุด
แต่ต่อนี้ไปพวกเขาจะเลิกวิธีล่อให้เกิดกิเลสแล้ว
เพราะหลายพันปีที่ผ่านมาจิตมนุษย์ติดกิเลส
โดยอยู่ใน “สัญญาขันธ์” ข้ามภพชาติพร้อมใช้งาน

แค่เพียงคลิ้กเดียว...คลิ้กเดียวจริงๆ
เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
จะสั่นสะเทือนขันธ์ห้าด้วยกิเลสมารที่มีอยู่ในตน
ร่วมกันผลิตพลังงานแสงแห่งความมืดออกมาทันที

กลางวันให้ตื่นกลางคืนให้นอนผลัดกันทำงาน
ค่าจ้างที่กรรมกรจะได้รับคืออายุสั้น
จิตวิญญาณจะหลุดพ้นกลับบ้านไม่ได้
เพราะทั้งร่างกายและจิตใจมิใช่ของพระเจ้าแล้ว

กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
22/04/2022