18 เมษายน 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 18/04/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

ภายในระบบชีววิทยาของมนุษย์ชายหญิงนั้น
แม้องค์ประกอบหลักจะเป็น DNA ของพระเจ้า
แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันมี DNA ของสัตว์ร้าย
ซึ่งเป็นของสิ่งมีชีวิตที่ดำรงอยู่ในต่างเผ่าดาว
ได้ถูกนำมาตัดต่อพันธุกรรมเข้าไว้ด้วยกัน
จนยุคนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของกันและกันไปแล้ว

เนื่องจากศัตรูของมนุษย์จากต่างเผ่าดาว
ซึ่งบุกรุกเข้ามาอยู่ในระบบโลกหลายหมื่นปีแล้ว
ต้องการให้มนุษย์โลกเป็นทาสรับใช้พวกตน
ด้วยการผลิตพลังงานกิเลสป้อนให้พวกตนเสพ
ในรูปของคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กด้านลบ
ที่ได้จากการสั่นสะเทือนขันธ์ห้าด้วยกิเลสมาร
ในการดำเนินชีวิตประจำวันของพวกท่านนั่นเอง

เพราะเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
มีขันธ์ห้าเป็นกระบวนการในมิติทางพลังงาน
ที่พระบิดาหรือพระเจ้าทรงประทานเอาไว้ให้
เป็นเครื่องมือของจิตวิญญาณในการผลิตพลังงาน
ในรูปคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก
เพื่อช่วยให้โลกเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองได้ต่อเนื่อง
จนสามารถค้ำจุนความสมดุลของระบบโลกได้
แค่ใช้ความรักเพื่อให้ “หมุนธรรมจักร” เท่านั้น

ศัตรูของมนุษย์จากต่างเผ่าดาวได้ค้นพบว่า
ถ้ามนุษย์โลกใช้ขันธ์ห้าผลิตพลังงานด้านบวกได้
ก็ต้องสามารถผลิตพลังงานด้านลบออกมาได้เช่นกัน
เพียงแค่ผ่าตัดดัดแปลงขันธ์ห้าที่ใช้ความรักขับเคลื่อน
ให้มันสั่นสะเทือนด้วยกิเลสมารในแบบสัตว์ร้ายแทน
แค่เพียงหลอกมนุษย์ให้ตกหลุมพรางสิ่งยั่วยุที่สร้างขึ้น
กระบวนการขันธ์ห้าก็เปลี่ยนจากธรรมจักรเป็นกรรมจักร
ซึ่งบิดเบือนเบี่ยงเบนไปได้โดยอัตโนมัติแล้ว

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เพราะว่าโครงสร้างทางชีววิทยาของมอดมารเหล่านี้
มิอาจเสพพลังงานความรักที่เป็นด้านบวกเยี่ยงมนุษย์ได้
เนื่องจากมีดีเอ็นเอที่เป็นคนละชนิดกันดังกล่าวแล้ว
พวกเขาจึงต้องการใช้มนุษย์เป็นเครื่องยนต์กลไก
ช่วยผลิตพลังงานกิเลสเพื่อสนับสนุนการอยู่รอด
คือมีชีวิตอมตะไม่ต้องตายขณะดำรงอยู่ในระบบโลก

เนื่องจากพลังงานกิเลสที่พวกเขาสั่นสร้างได้เองนั้น
มันไม่เพียงพอต่อการขับเคลื่อนพฤติกรรมในสองมิติ
ซึ่งพวกเขาจะใช้พลังจิตสิ้นเปลืองมากขณะอยู่ที่โลก
ครั้นจะอาศัยพลังร่วมด้านลบจากพวกเดียวกันก็ไม่พอ
เหตุเพราะว่าผู้บุกรุกซึ่งเป็นศัตรูของมนุษย์เหล่านี้
ยังมีจำนวนประชากรไม่เพียงพอที่จะร่วมกันผลิตได้
ทางเลือกที่พวกเขาทำก็คือสร้างศูนย์ดูดซับพลังงาน
เอาไว้กักเก็บพลังงานกิเลสที่มนุษย์ช่วยกันผลิตสร้าง
เพื่อการสำรองใช้ในการเติมเต็มให้แก่พวกตน
กับการผลิตสร้างวัตถุเท็คโนโลยีแปลกๆใหม่ๆออกมา
คอยหลอกล่อยั่วยุให้มนุษย์ช่วยกันผลิตกิเลส
จนไม่สามารถใช้ความรักและปัญญาหมุนธรรมจักร
ด้วยขันธ์ห้าในแบบที่พระบิดาทรงติดตั้งไว้ได้ง่ายๆอีก

ที่เหนือชั้นยิ่งไปกว่านั้นก็คือการใช้อวิชชาที่ลี้ลับเร้าใจ
หลอกให้มนุษย์ที่งมงายกิเลสหนาและจิตฝักใฝ่อุตริ
หันมาใส่ใจใฝ่ทำตามทั้งวิชาสั่งจิตจูนจิตและจูงจิต
เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตนเองต้องการด้วยพลังแห่งกิเลส
มิใช่ด้วยหนึ่งสมองกับสองมือตามปกติแต่อย่างใด
แต่วิชาลี้ลับประเภทนี้มันคือปฏิบัติการทางจิตวิญญาณ
ที่จะทำให้มนุษย์เหวี่ยงพลังจิตใต้สำนึกออกมาภายนอก
โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการหมุนกรรมจักรของขันธ์ 5
ด้วยพลังอำนาจของกิเลสตัณหาในแบบเดิมอีกต่อไป

วิธีปฏิบัติก็คือมนุษย์จักต้องเริ่มต้นด้วยการนั่งสมาธิ
แล้วกำหนดให้จิตหยาบสั่งจิตวิญญาณของตนเอง
ให้ขับเคลื่อนพลังแห่งจิตใต้สำนึกออกมาภายนอก
เพื่อกระทำการบางสิ่งให้ได้มาตามที่พวกตนต้องการ

เมื่อจิตวิญญาณมนุษย์ถูกสั่งการด้วยกิเลสของจิตหยาบ
พลังจิตที่ถูกเหวี่ยงออกมาก็จะเป็นพลังงานด้านลบ
ซึ่งเป็นวิธีง่ายๆโดยไม่ต้องใช้วัตถุช่วยกระตุ้นกิเลส
แต่ใช้ความอยากเป็นผู้วิเศษ อยากรวยเป็นเศรษฐี
อยากมีอะไรดีๆเหนือมนุษย์คนอื่นๆด้วยวืธีลัดแทน
ซึ่งเป็น “นามธรรม” ที่คนจนคนรวยก็ตกหลุมพรางได้
เพราะความอยากของมนุษย์ที่เกิดขึ้นนั้นมันรุนแรง
ผลผลิตทางไฟฟ้าด้านลบจึงเข้มข้นสะใจมอดมาร

ทั้งหมดที่เรากล่าวมาพอสังเขปนั้น
มันเกิดขึ้นในมิติทางพลังงานเบื้องหลังมิติโลก
ซึ่งสองตาเปล่าของมนุษย์มองไม่เห็นมัน
มนุษย์ที่ตกหลุมพรางจึงมิอาจรู้เท่าทันกันได้ง่ายๆ
อีกทั้งถูกกิเลสตัณหามันบดบังสติปัญญาอีกด้วย
จึงตกเป็น “คนงานของศัตรู” โดยไม่เคยได้รับค่าจ้าง
แม้การที่ตนวาดหวังว่าจะร่ำรวยเป็นเศรษฐีมีลาภผล
มนุษย์ก็ยังพิสูจน์ไม่ได้ด้วยซ้ำไปว่ามันได้ผลจริงแท้
แต่ยิ่งทำอุตริก็ยิ่งอายุสั้นนานวันจิตวิญญาณยิ่งเสื่อม
เพราะใช้พลังทางจิตวิญญาณลัดขั้นตอน
โดยออกคำสั่งให้จิตวิญญาณทำตามกิเลสของตน
แทนที่จิตหยาบจะสั่นสะเทือนจิตสามนึก
เพื่อขับเคลื่อนพฤติกรรมในมิติทางกายภาพ
ตอบสนองความต้องการจะรวยเป็นเศรษฐี
มนุษย์ก็ต้องใช้จิตปัญญาแสวงหาวิธีการต่างๆ
มาลงมือทำเพื่อให้ได้มาซึ่งความร่ำรวยอย่างทุ่มเท
แล้วจิตใต้สำนึกก็จะสั่นสะเทือนตามจิตหยาบเอง
เพื่อช่วยเหลือในมิติทางพลังงานด้านของแก่นแท้
คู่ขนานกันไปในสองมิติโดยไม่ต้องออกคำสั่งเลย
เพราะจิตใต้สำนึกมีหน้าที่ทำตามจิตสามนึกอยู่แล้ว

เรารู้ว่าไม่มีใครอยากเป็นทาสของใครหรอก
เรารู้ว่าไม่มีใครอยากเป็นผู้ถูกหลอกให้ทำอะไรโง่ๆ
เรารู้ว่าไม่มีใครอยากเป็นกรรมกรที่มิได้รับค่าจ้าง
เรารู้ว่าไม่มีใครอยากเป็นกิ่งไม้ที่มีกาฝากมาเกาะ
เรารู้ว่าไม่มีใครอยากอายุสั้นเพื่อให้ผู้อื่นเป็นอมตะ
แต่เพราะกิเลสบังตาจนทำให้ปัญญามืดบอด
หลายคนจึงเสียท่ามอดมารกันมานานแล้ว

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
18/04/2022