12 เมษายน 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 12/04/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

เมื่อใดก็ตามที่จิตหยาบของท่าน
เกิดการสั่นสะเทือนเพื่อการรับรู้สิ่งเร้าใดๆ
จากกลไกอายตนะภายนอกทั้งห้าแล้ว
กระบวนการของขันธ์ 5 มันจะเกิดขึ้นทันที
เพราะจิตหยาบถูกกระตุ้นด้วยสิ่งเร้านั้น

สิ่งสำคัญที่ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ไว้ก็คือ
หน้าที่ของมนุษย์จะต้อง “หมุนธรรมจักร”
เพื่อตอบสนองสิ่งเร้านั้นๆให้จงได้
โดยใช้ความรักเพื่อให้ในเวทนาขันธ์ตอบสนอง
ไม่ว่าสิ่งเร้านั้นมันจะเป็นสิ่งดีหรือไม่ดีก็ตาม
คำตอบเดียวคือต้องตอบสนองด้านบวกเท่านั้น

ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีมนุษย์สามารถทำได้ไม่ยาก
เพราะในเวทนาขันธ์นั้นพระบิดาใส่ความรักไว้แล้ว
เมื่อจิตรับรู้สิ่งเร้าจนสั่นสะเทือนขันธ์ 5 ขึ้นมาได้
มนุษย์ก็จะเข้าถึงความรักในเวทนาขันธ์ได้ทันที
เพื่อตอบสนองความ #น่ารัก ของทุกคนทุกกรณี
ตามหน้าที่ของจิตวิญญาณของพวกท่านแต่ละคน
โดยความรักที่จิตหยาบกับกายหยาบสั่นสะเทือนนี้
จะเป็นต้นทุนการผลิตคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก
ในแบบที่โลกต้องการนำไปใช้บิดแกนแม่เหล็ก
เพื่อช่วยให้โลกเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองต่อเนื่องได้

ดังนั้น
พวกท่านจึงต้องรู้ว่า “ความรักบริสุทธิ์”
ที่พระบิดาทรงติดตั้งไว้ให้ในเวทนาขันธ์คืออะไร
เนื่องจากในขันธ์ห้าของพวกท่านมันมีขยะปนอยู่
จากฝีมือของศัตรูผู้เป็นอริของพระเจ้าแอบใส่ไว้
ท่านจึงต้องรู้ว่าไหนขยะไหนรักแท้กันแน่
เพราะท่านต้องแยกขยะออกจากรักแท้ให้ได้
เพื่อใช้รักแท้ขับเคลื่อนกระบวนการขันธ์ห้าต่อไป
ซึ่งท่านจะเข้าถึงรักแท้ได้ก็ต้องใช้ “มหาสติ” ช่วย
ตามด้วยปณิธานแห่งการหลุดพ้นกำกับพฤติกรรม

ความรักบริสุทธิ์ที่พระบิดาบรรจุไว้ในเวทนาขันธ์
ก็คือ การอดทน อดกลั้น ให้อภัยกับใครๆได้เสมอ
โดยไม่มีเงื่อนไขว่าใครเป็นผู้ดีหรือผู้ร้ายของท่าน
และความมีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เป็นต้น
ซึ่งความรักเพื่อให้อันเป็นรักบริสุทธิ์ทั้งหมดนี้
ล้วนได้มาจากอารมณ์รู้สึกนึกคิดทางด้านบวก
หรือมี #ทัศนคติด้านบวก ตอบสนองต่อสิ่งเร้านั้นๆ
ซึ่งมันจะเริ่มต้นที่ #ความรู้สึกด้านบวก ต่อสิ่งนั้น
แล้วอารมณ์บวกกับการนึกคิดด้านบวกก็จะตามมา

ตัวอย่างความรู้สึกที่ดีๆที่มิใช่กิเลส เช่น
รู้สึกว่าน่ารัก น่าเอ็นดู น่านิยมยกย่อง
รู้สึกว่าน่ายินดีด้วย น่าภูมิใจด้วย
รู้สึกว่าน่าส่งเสริม น่าสนับสนุน น่าเอาอย่าง
รู้สึกว่าน่าสงสาร น่าช่วยเหลือ เป็นต้น

สำหรับความรู้สึกที่เป็นกิเลส
ที่พวกท่านต้องละวางไว้อย่าไปแตะต้องคือ

ความรู้สึกชอบ ความรู้สึกไม่ชอบ
ความรู้สึกพอใจ ความรู้สึกไม่พอใจ
ความรู้สึกว่าสวย ความรู้สึกว่าไม่สวย
ความรู้สึกว่าหล่อ ความรู้สึกว่าไม่หล่อ
ความรู้สึกว่าน่าเกลียด น่าขยะแขยง
ความรู้สึกว่าน่าหมั่นไส้ น่ารำคาญ
ความรู้สึกว่าน่าเบื่อหน่าย น่ากลัว เป็นต้น

ถ้าท่านสังเกตให้ดีจะพบความแตกต่างได้ว่า
ความรู้สึกด้านบวกที่มิใช่กิเลสในเวทนาขันธ์
คือความรู้สึกที่เป็นบทบาทของการเป็น #ผู้ให้
ส่วนความรู้สึกที่เป็นกิเลสในเวทนาขันธ์นั้น
คือความรู้สึกที่เป็นบทบาทของการเป็น #ผู้เอา

ดังนั้น
ท่านจงอย่าเข้าใจผิดว่าการเกิดเวทนานั้นไม่ดี
แต่สิ่งที่ไม่ดีก็คืออย่าเสียความรู้สึกด้วยเวทนา
ตามตัวอย่างที่เราแยกแยะให้ได้รู้เห็นนั้นแล้ว
เพราะความรู้สึกที่เป็นกิเลสคือการรักเพื่อเอา
ความรู้สึกในแบบของพระเจ้าคือการรักเพื่อให้

การมีความรู้สึกวางเฉยต่อสิ่งเร้านั้นๆจะเกิดขึ้น
เฉพาะตอนที่ท่านผ่านขั้นตอนเวทนาไปได้แล้ว
พระบิดาทรงเรียกว่า “สอบผ่านบททดสอบ” แล้ว
ซึ่งมันต่างจากการที่หลายคนยังคิดเข้าใจผิดว่า
ต้องวางเฉยกับทุกสิ่งเร้าให้ได้จะได้ไม่เกิดเวทนา
โดยเข้าใจผิดว่าการเกิดเวทนานั้นไม่ดีต่อใจ
อันเป็นการคิดเข้าใจที่ไม่ถูกต้องตรงจริง

เราขอย้ำว่าเวทนาขันธ์ต้องสั่นสะเทือนอยู่แล้ว
เพราะว่ามันเป็นหนึ่งในห้าขั้นตอนของจิตหยาบ
ที่จะต้องสั่นสะเทือนในรูปแบบของคนสองมิติได้
เพียงแต่ว่าท่านจงอย่า #สอบตกบททดสอบ
โดยสั่นสะเทือนเวทนาขันธ์เป็นความรู้สึกด้านลบ
ตอบสนองสิ่งเร้าที่จิตหยาบของท่านพึงใจไม่พึงใจ
ด้วยสิ่งที่พวกท่านเรียกมันว่า #กิเลส นั่นเอง
หากท่านยังไม่เข้าใจอีกก็กลับขึ้นไปอ่านข้างบน
ด้วยจิตปัญญาจากมหาสติที่ท่านพอมีอยู่เถิดนะ

กับคำถามที่ว่า
หากมีคนถามท่านว่าเสื้อผ้าร้านนี้สวยไหม
ท่านก็ตอบเขาไปตามจริงสิว่ามันสวยหรือไม่สวย
เพราะคำตอบของท่านมันเป็นความคิดเห็น
มิใช่ความรู้สึกที่เป็นกิเลสในใจท่านมิใช่หรือ
และท่านก็ตอบตามจริงมิได้ต้องการจูงใจเขาด้วย
เรื่องของคำถามคำตอบว่าอร่อยไม่อร่อย
ก็เป็นความคิดเห็นมิใช่ความรู้สึกที่เป็นกิเลส
เว้นแต่คนถามเมื่อได้คำตอบว่าสวยแล้วอยากซื้อ
หรือคนถามเมื่อได้คำตอบว่าอร่อยแล้วอยากกิน
นี่แหละเป็นบ่อเกิดแห่งกิเลสสู่การใฝ่หาล่ะท่าน

กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
12/04/2022