16 เมษายน 2563

พระบิดาทรงพิพากษาโลกและมนุษย์แล้ว


พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

การที่ท่านมาเกิดเป็นคนบนดาวโลกเสรีนี้นั้น
ไม่ว่าพ่อแม่จะทำให้ท่านเกิดโดยมิได้ตั้งใจ
หรือทั้งพ่อทั้งแม่ตั้งอกตั้งใจจะทำให้เกิดก็ตาม
ทุกคนต้องมีจิตวิญญาณเข้ามาปฏิสนธิ
กับกายหยาบของกุมารน้อยในครรภ์แม่ทั้งสิ้น

ถ้ากายหยาบซึ่งเป็น "ตัวอ่อน" นั้น
ไม่มีกล่องพลังงานที่เรียกว่า จิตวิญญาณ
เข้าไปปฏิสนธิเป็นตัวตนแก่นแท้แล้ว
ตัวอ่อนกับก้อนเลือดจะเติบโตเป็นทารกไม่ได้
เมื่อเจริญเติบโตเป็นทารกไม่ได้ก็จะเจริญวัย
จนคลอดออกมาเป็นกุมารน้อยไม่ได้
ซึ่งหมายถึง "ตัวท่าน" ก็จะไม่มีอยู่บนโลกนี้

คำถามที่ท่านทั้งหลายต้องคิดต่อก็คือ
ถ้ากายหยาบในครรภ์แม่เกิดจากโลหิตของแม่
ซึ่งทั้งพ่อทั้งแม่ร่วมกันทำให้ท่านเกิด
แล้วจิตวิญญาณที่เป็นแก่นแท้ของท่าน
ผู้เข้ามาปฏิสนธิกับกายหยาบในครรภ์ของแม่ล่ะ

1.ใครเป็นผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณของท่าน...
2.จิตวิญญาณของท่านเป็นใคร...
3.จิตวิญญาณของท่านมาจากไหน...
4.จิตวิญญาณของท่านมาเกิดเป็นคนกันทำไม...

แน่นอนว่า...ทั้งสี่คำถามหลักนี้
เป็นคำถามซึ่งศาสดาที่มาจากโลกเอง
รวมทั้งมนุษย์โลกทุกคนทุกชาติทุกศาสนา
จะไม่สามารถค้นคว้าหาคำตอบด้วยตนเองได้
เพราะเครื่องยนต์แห่งกรรมมนุษย์มีขีดจำกัด

แต่เนื่องจากพวกท่านทั้งหลายต้องรู้คำตอบ
ในคำถามหลักทั้งสี่ข้อนี้ให้กระจ่าง
เพราะเป็น "หน้าที่" ของท่านที่ต้องรู้ไม่รู้ไม่ได้

ด้วยเหตุนี้เอง
องค์จิตจักรวาล ซึ่งเป็นพระผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง
จึงต้องส่ง "พระบุตรเอก" ลงมาจุติ
เพื่อนำเอาคำตอบทั้ง 4 ข้อนี้มาบอกกล่าว
ให้พี่ๆน้องๆทั้งหลายรู้ความจริงว่าอะไรเป็นอะไร
ซึ่งสัจธรรมความจริงเหล่านี้ก็คือ อนุตรธรรม

ดังนั้น
พี่ๆน้องๆทั้งโลกเสรีนี้
จึงต้องไม่ยึดติดพระศาสดาที่เกิดจากโลก
แล้วปฏิเสธพระบุตรเอกที่มาจากองค์จิตจักรวาล
ผู้นำเอาความจริงระดับอนุตรธรรมมาบอกให้รู้

ซึ่งพระบุตรเอกก็ได้เปิดเผยความจริงให้โลกรู้ว่า
พระองค์รับสื่อพระโอวาทมาจากพระผู้เป็นเจ้า
มิได้กล่าวตามใจตนเองหรือตามที่ตัวเองคิด
จนคนที่ยึดติดศาสดาพระองค์เดียว
พากันปฏิเสธสัจธรรมความจริงในเรื่องเหล่านี้
เพราะศาสดาของตนไม่เคยกล่าวถึงพระเจ้า
ศาสดาของตนไม่เคยกล่าวถึงอนุตรธรรมที่ว่านี้
ทั้งๆที่เรากล่าวความจริงให้รู้ตลอดมาว่า

ศาสดาที่เกิดจากโลกเอง
ไม่เคยกล่าวถึงพระเจ้าเลยก็เพราะว่า
เรื่องของพระเจ้าเป็นสัจธรรมระดับอนุตรธรรม
ที่ไม่ว่ามนุษย์คนนั้นจะเป็นใครฉลาดแค่ไหน
หากยังใช้เครื่องยนต์แห่งกรรมมนุษย์อยู่
ก็จะเป็นสัพพัญญูผู้รอบรู้ทุกสิ่งได้
เฉพาะในอนันตจักรวาลหรือ "เอกภพ" เท่านั้น

แต่ความจริงสูงสุดที่เป็น "อนุตรธรรม"
เป็นความจริงที่จริงแท้นอกอนันตจักรวาล
อันไม่ต่างกันกับความจริงที่อยู่นอกกะลาครอบ
ที่ "กบ" ซึ่งอยู่ในกะลามาตั้งแต่เกิดมิอาจรู้
หรือไม่ต่างจากปลาที่ตายเกิดอยู่ในสระใหญ่
มันไม่มีวันรู้ได้ว่าขึ้นไปจากสระแล้ว
สิ่งที่อยู่บนนั้นมันจะมีอะไรอย่างไรบ้าง

ถ้าท่านเป็นกบที่ยึดแต่ครูซึ่งอยู่ในกะลาด้วยกัน
โดยไม่สนใจที่จะรับฟังความรู้จากครูนอกกะลา
ซึ่งปฏิเสธที่จะเรียนรู้เพราะไม่เชื่อว่าเป็นความจริง
หรือปฏิเสธที่จะรับรู้รับฟังเพราะว่ากลัวโดนหลอก
กบตัวนั้นก็จะเป็นกบผู้น่าสงสารน่าสมเพช
คงต้องเป็นกบในกะลาอยู่ตราบชั่วนิรันดร์

ถ้าท่านเป็นปลาที่อยู่ในสระใหญ่
ไม่ใส่ใจที่จะรับฟังเรื่องเล่าของ "เต่า"
ที่เป็นผู้รู้ทั้งเรื่องราวที่อยู่ในสระใหญ่
และเข้าใจเรื่องราวที่อยู่บนบก
โดยเต่ามีความสามารถมากกว่าปลา
เพราะเต่าเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ
ขณะที่ปลาอยู่ได้แต่ในสระน้ำเท่านั้น
ท่านก็จะเป็นปลาที่ไม่ฉลาดเรียนรู้
คงรู้แต่เรื่องจริงในสระใหญ่เท่านั้น
เรื่องนอกสระที่อยู่บนบกซึ่งมีอยู่จริง
ปลาตัวนั้นก็จะไม่มีวันรู้เองได้

ไม่ว่าจะเกิดแล้วตายตายแล้วเกิดอีกกี่ภพชาติ
หากยังไม่เปลี่ยนนิสัยการเรียนรู้เสียใหม่
ก็คงจะเกิดเป็นกบในกะลาครอบ
ไม่รู้เรื่องราวอะไรที่อยู่นอกกะลาไปตลอดกาล
ก็คงจะเกิดเป็นปลาในสระใหญ่
ที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรบนบกไปตลอดกาลเช่นกัน

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

เพราะพวกท่านไม่รู้ความจริง
เกี่ยวกับอดีตของตนเองดีพอ
พวกท่านจึงพากันหลงทางนิพพาน
กลับบ้านเกิดของจิตวิญญาณไม่ได้มานานแล้ว

ที่ไม่รู้เพราะท่านปฏิเสธพระบุตรเอก
ที่พระผู้เป็นเจ้าส่งมาช่วยเหลือพวกท่าน
เพื่อบอกกล่าวความจริงที่ท่านไม่รู้ว่าต้องรู้
จนเป็นเหตุให้ท่านทั้งหลาย
หลงก้าวตามคนนำทางตาบอดตลอดมา

เราจึงขอบอกท่านทั้งหลายว่า

1.จิตวิญญาณพวกท่านมิใช่บุตรกำพร้า
แต่มีพระบิดาทรงเป็นผู้ให้กำเนิด
พระองค์ได้รับการสรรเสริญจากพระบุตรเอกว่า
ทรงเป็นพระผู้เป็นเจ้า หรือ "พระเจ้า" นั่นเอง

2.พระผู้เป็นเจ้า หรือ "พระเจ้า" มิใช่เทพเทวา
แต่พระองค์ทรงเป็นผู้อนุญาตให้ท่านมาเกิด
ตามที่จิตวิญญาณของท่านขันอาสากันมาเอง
เพื่อทำหน้าที่เป็นเพื่อนร่วมงานกับโลก
ตามเงื่อนไขในพันธะสัญญา 6 ประการ
โดยใช้เวลามาเกิดเพื่อทำหน้าที่นาน 6 หมื่นปี
จึงจะสิ้นสุดยุคพลังงานเก่า
แล้วจิตวิญญาณของพวกท่านจักต้องกลับบ้าน
กลับบ้านเกิดของจิตวิญญาณที่ตนจากมา

3.เมื่อได้รับโอกาสให้มาเกิด
พวกท่านก็จับมือกันสองสามรูปธรรม
วางแผนการทำงานเป็นทีมในบทบาทมนุษย์
เพื่อทำหน้าที่เป็นเพื่อนร่วมงานกับโลก
ด้วยการร่วมกันสั่นสะเทือนจิตสามนึกด้านบวก
หรือ "หมุนธรรมจักร" ในตนเองร่วมกัน
เมื่อเผชิญกับเงื่อนไขตามที่กำหนดไว้
เพื่อช่วยกันผลิตพลังงานจิตด้านบวกออกมา
มอบให้โลกนำไปใช้เป็นพลังงานบิดแกนโลก
เพื่อช่วยให้โลกหมุนรอบตัวเองให้จงได้

4.แผนการทำงานเป็นทีมของพวกท่านก็คือ
การเล่นละครตามบทบาทที่เลือกกันมา
ซึ่งพระบิดาทรงเรียกว่า ชะตาชีวิต
โดยชะตาชีวิตของพวกท่านทั้งหลาย
จะเต็มไปด้วยเงื่อนไขทั้งดีทั้งร้าย
เพื่อจะสร้างแรงสั่นสะเทือนทางจิตตปัญญา
เป็นบททดสอบให้แก่กันและกัน
ซึ่งมีเพียงคำตอบเดียวก็คือ 
ท่านต้องรักกันให้ได้ใช้ปัญญากันให้เป็นเท่านั้น

เพราะพวกท่านหลงยึดติดคนนำทางตาบอด
ไม่ใส่ใจรับฟังอนุตรธรรมจากพระบุตรเอก
ท่านจึงไม่รู้เบื้องหลังการเกิดของตนเองว่า
มาเกิดเป็นคนบนโลกเสรีนี้กันทำไม

เมื่อเจอปัญหาจากชะตาชีวิต
ที่พวกท่านขีดเขียนกันมาเองเข้าแต่จำไม่ได้
จึงเกิดทุกข์กายทุกข์ใจขึ้นมาสถานเดียว
ทุกข์จนไม่อยากเกิดเป็นมนุษย์อีกแล้ว
จึงพากันสร้างทางเบี่ยงไปเกิดเป็นเทพเทวา
พาหลงทางนิพพานกันเป็นแถวจวบจนบัดนี้

ทั้งๆที่เจอปัญหาจากเงื่อนไขใดในชีวิต
ไม่ว่าจากคนใกล้ตัว คนรอบข้าง หรือตนเอง
ท่านจะติดทุกข์หรือติดสุขไม่ได้เด็ดขาด
เพราะหน้าที่ของพวกท่านต้องรักกันเท่านั้น
เมื่อรักได้แล้วจิตก็จะสงบจนเกิดสติ
ก็ใช้สติเข้าถึงปัญญาเพื่อแก้ปัญหาชีวิตต่อไป

5.เห็นหรือยังล่ะว่า
เพราะไม่รู้ความจริงที่เรากล่าวเหล่านี้
พวกท่านจึงพากันหนีทุกข์ ไปปลีกวิเวก
ซึ่งเท่ากับละทิ้งหน้าที่ทางจิตวิญญาณ
จนพากันหลุดลอยไปค้างอยู่บนสวรรค์มายา
จึงไม่สามารถนิพพานได้จริงอย่างที่คิด

แต่เพราะคิดว่าตนไปถูกทางแล้ว
จึงสร้างลัทธิเทพเทวดาขึ้นมารองรับว่า
การไปติดอยู่บนนั้นคือ "นิพพาน" ได้แล้ว
ทั้งๆที่มันเป็นนิพพานเทียมเท็จ
เพราะขันธ์ห้ายังอยู่ครบยังมิได้ดับสูญเลย

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

ปัญหาของมนุษย์โลก
ที่บวชนานแล้วนิพพานไม่ได้
ก็เพราะยังยึดติดศาสดาพระองค์เดียว
แล้วปฏิเสธพระบุตรเอกผู้มีพระเจ้า
และหลายคนก็ปฏิเสธพระเจ้าด้วย
ทั้งๆที่พระเจ้าที่ตนปฏิเสธนั้น
เป็นพระบิดาผู้ให้กำเนิด
จิตวิญญาณของตนโดยแท้

นอกจากนั้นปัญหาของมนุษย์โลก
สำหรับฝ่ายที่รอพระบุตรเอกกลับมาตามสัญญา
ต่างรอมาตั้งนานก็ยังกลับสวรรค์นิรันดรไม่ได้
เพราะพวกท่านไม่รู้ว่าพระองค์ที่ตนรอคอยนั้น
ได้ฟื้นคืนชีพโบยบินกลับมาถึงโลกตั้งนานแล้ว

เราจะทำอย่างไรได้บ้างล่ะ
ที่จะทำให้ท่านทั้งโลกหันหน้ามาฟังเรา
ก่อนปฏิบัติการชำระโลกด้วยโรคมรณะ
และภัยพิบัติร้ายแรงทั้งหลาย
ที่มันจะเกิดขึ้นพร้อมกันทั่วโลก
ถูกกดปุ่ม...ให้เกิดพร้อมกัน

เพราะทรงพิพากษาโลกและมนุษย์แล้ว
เพราะโลกสิ้นยุคพลังงานเก่าแล้วจริงๆ

เมื่อไม่กี่ราตรีที่ผ่านมา
ดวงอาทิตย์โดยเทพแห่งสุริยะ
ฑูตสวรรค์ของพระบิดาฯ
ได้ถูกโปรแกรมให้มีปฏิกริยาบางอย่างเกิดขึ้น
บริเวณพื้นผิวของดวงอาทิตย์เพื่อส่งมายังโลก
เป็นคลื่นพลังงานรูปกงจักรวงใหญ่ๆ

คงอีกไม่ช้าแม้เชื้อโรคระบาดยังไม่ทันหาย
แผ่นดินไหวแรงๆจึงอาจเกิดขึ้นซ้ำซ้อนได้อีก
ในพิกัดเป้าหมายที่จะถูกแจ็กพ็อดนั้น
เพื่อทำให้โลกสั่นสะเทือนแรงขึ้นๆอีกครั้ง
จนกว่าจะมีคนสำนึกได้ในคำกล่าวของเรา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
16/04/2020