24 เมษายน 2563

กรรมอันเกิดจากการ " ก้าวก่ายล่วงเกิน " ผู้อื่น

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

กรรมที่ท่านทั้งหลายในระบบโลกเสรีนี้กระทำผิดบาปต่อกันมากที่สุด 
คือกรรมอันเกิดจากการ ก้าวก่ายล่วงเกิน ผู้อื่น
แล้วเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียสมดุลทางจิตใจ
ไม่ว่าจะกระทำไปโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม
ล้วนแล้วแต่เป็นความผิดบาป
ที่จิตวิญญาณของท่านต้องรับผิดชอบทั้งสิ้น

เนื่องจากมนุษย์เป็น "คนสองมิติ"
คือมิติของกายหยาบกับมิติของจิตวิญญาณ
พฤติกรรมของการก้าวก่ายล่วงเกินกันและกัน
จึงมีผลกรรมเกิดขึ้นทั้งสองมิติเสมอ

ถ้าท่านก้าวก่ายล่วงเกินกันในมิติโลกด้านกายภาพ
ที่ทั้งเขาและเราสัมผัสรู้ดูเห็นได้ด้วยอายตนะ
ซึ่งเป็นการแสดงออกด้วยการกระทำและคำพูด
จะเป็น" เงื่อนไข" ให้ฝ่ายผู้ที่ถูกท่านกระทำ
เกิดการสั่นสะเทือนทางจิตใจไปทางด้านลบ
เป็นความโกรธเคืองขุ่นใจไม่พอใจไปด้วย

อาการทางจิตด้านลบที่เกิดขึ้นในปัจจุบันขณะ
เกิดจาก "เงื่อนไขลบ" ที่ท่านกระทำต่อเขา
จนยังผลให้จิตของเขาที่สงบสมดุลอยู่แต่เดิม
ซึ่งกำลังสั่นสะเทือนสูงสุดทางด้านบวกอยู่
ถูกกระตุกหรือกระชากให้สั่นสะเทือนไปทางต่ำ
จิตจะเปลี่ยนจากสุขสงบเป็นอารมณ์ "ขยะ" แทน

พฤติกรรมการ "ก้าวก่ายล่วงเกิน" กัน
เรามีตัวอย่างให้ท่านได้เรียนรู้ดังนี้ คือ

1.การทำร้ายร่างกายและจิตใจผู้อื่น
ให้เกิดความทุกข์ทรมาน

2.การโกหกหลอกลวงผู้อื่นให้หลงเชื่อ
เพื่อประโยชน์สุขของตนหรือความคึกคะนอง

3.การก้าวก่ายผู้อื่นที่มิใช่หน้าที่ของตนเอง
จนทำให้เขาไม่สามารถทำหน้าที่ของเขาได้
เพราะไปทำให้เขาเกิดความสับสนวุ่นวายใจ
หรือทำให้เขาเกิดความไม่พอใจ
ในการ เสือกแส่ ของท่านเอง

4.การใช้อำนาจเหนือนำผู้อื่น
เพื่อให้เขาจำต้องตกเป็นทาสของท่าน
คือเขาต้องทำตามความต้องการของท่านโดยไม่สามารถจะเป็นตัว
ของตัวเองได้

ส่วนมากมนุษย์จะเรียกวิธีการนี้ว่า
การจูงใจ (Motivation) ซึ่งมี 2 แบบ คือ
การจูงใจ หมายถึง การใช้ "รางวัลด้านบวก"
ชักจูงให้ผู้อื่น "อยากได้" รางวัลที่นำมาล่อลวง
โดยแลกกับการให้เขาทำในสิ่งที่ท่านต้องการ

การจูงใจ หมายถึง การใช้ "รางวัลด้านลบ"
ชักจูงให้ผู้อื่น "ไม่อยากได้" รางวัลที่นำมาขู่
เช่น ขู่ว่าจะถูกลงโทษ ขู่ว่าจะเสียประโยชน์
โดยแลกกับการที่เขาต้องไม่ทำ
ในสิ่งที่ท่านไม่ต้องการให้เขาทำนั่นเอง

หากท่านสังเกตให้ดีจะเห็นว่า
ไม่ว่าจะเป็นรางวัลด้านบวกหรือลบ
จากการใช้วิธีจูงใจในแบบที่ว่านี้
มันเป็นการใช้อำนาจภายนอกของคนๆนั้น
ไปบังคับข่มขืนใจให้เขาต้องทำหรือไม่ทำ
ในสิ่งที่ท่านต้องการหรือที่ท่านไม่ต้องการ
อย่างใดอย่างหนึ่งนั่นเอง

โดยที่เขาจะตกอยู่ภายใต้อำนาจของท่าน
จนมิอาจใช้จิตสามนึกของตัวเองได้เลยว่า
ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์นั้นๆ
เขาควรทำหรือไม่ควรทำสิ่งใดบ้าง
เขาควรทำในสิ่งที่สมควรทำนั้นอย่างไร
ทำไมเขาจึงต้องทำหรือต้องไม่ทำสิ่งนั้น

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

การใช้อำนาจเหนือด้วยวิธีจูงใจผู้อื่น
ให้ทำตามสิ่งที่ท่านต้องการ
ไม่ว่าจะเป็นด้านบวกหรือว่าด้านลบ
มันผิดบาปตรงที่ตัวผู้ใช้อำนาจเหนือ
ปิดกั้นการใช้ จิตสามนึก หรือ จิตตปัญญา
ของพี่ๆน้องๆของท่านเอง
จนเป็นอุปสรรคต่อการเป็นมนุษย์ของผู้อื่น
เพราะพวกท่านทุกคนมีหน้าที่ต้องคนตนเอง
ให้เป็นมนุษย์ที่ใช้สติปัญญาของตนเองได้
ในการดำเนินชีวิตประจำวันร่วมกันกับผู้อื่น

ถ้าท่านเป็นเหตุให้คนอื่นๆเป็นมนุษย์ไม่ได้
พี่ๆน้องๆของท่านจะเป็นมนุษย์ไม่สำเร็จ
จะเป็นได้แค่สัตว์ประจำโลกเหมือนสัตว์ทั่วไป
เพราะสัตว์ไม่มีจิตสามนึกหรือจิตปัญญาให้ใช้
พวกเขาจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยสัญชาตญาณ
และทำตามมนุษย์ได้ด้วยรางวัลจูงใจ
ที่เป็นอาหารมาล่อหรือไม่ก็ไม้เรียวคอยเฆี่ยนตี

แน่นอนว่า
ทั้งมนุษย์ทั้งสัตว์นั่นแหละ
ไม่มีผู้ใดหรอกที่จะพอใจเมื่อถูกบังคับ
ที่จะเต็มใจทำในสิ่งที่ตนไม่อยากทำ
พวกเขาจะเสียสมดุลทางจิตใจแน่นอน

แม้แต่รายที่ดูเหมือนจะพอใจทำตาม
ในสิ่งที่ท่านต้องการ
แต่แท้จริงแล้วพฤติกรรมของเขาแค่ภาพลวงตา
เนื่องจากเขาจำใจทำเพราะอยากได้รางวัลที่ล่อ
ถ้าไม่มีรางวัลให้เขาก็จะไม่ทำหรือไม่ขยันทำ
ถ้าให้รางวัลล่อใจน้อยๆเขาก็จะทำแต่น้อย
อีกทั้งยังเป็นการบังคับให้พวกเขาไม่มีสัจจะ
โดยสิ่งที่เขาแสดงออกมาภายนอกกับที่อยู่ในใจ
มันไม่สอดคล้องตรงกันนั่นแหละท่าน

วิธีการจูงใจผู้อื่นให้ทำตามท่าน
โดยปิดกั้นความเป็นตัวของตัวเองของผู้อื่นไว้
มันจึงเป็นความผิดบาปทั้งผู้จูงและผู้ถูกจูง
ซึ่งความผิดบาปจากกรรมก้าวล่วงที่ว่านี้
มนุษย์ส่วนใหญ่ที่นิยมการจูงใจเป็นเครื่องมือ
และผู้ที่ยินยอมพร้อมใจให้เขาจูง
ล้วนก่อกรรมทำผิดบาปกันมาซ้ำซากมากมาย

ต่อให้ประพฤติตนเป็นคนดีมีศีลธรรมแค่ไหน
หากกรรมก้าวล่วงในข้อนี้ยังมีอยู่
อย่างไรเสียท่านผู้นั้นก็ยังหลุดพ้นมิได้
ซึ่งหากพิจารณาให้ดีแล้วกรรมที่ว่านี้
มันมากพอๆกับการชอบ "เสือก-แส่" เรื่องผู้อื่น
ทั้งๆที่มิใช่กงการอะไรของตัวเองนั่นแหละ

"เสือก" สอนสังฆราช
"แส่" หาเรื่องใส่ตัว
"สอด" รู้สอดเห็น

พฤติกรรมขยะเหล่านี้เกิดได้ง่ายมาก
เมื่อเกิดแล้วกระทำแล้ว
จิตวิญญาณของท่านจะเกี่ยวกรรมกัน
กับผู้ที่ท่านไปเสือก-แส่-สอด 
จนเกิดวิบากกรรมส่วนตน
บนชะตากรรมร่วมกันทับซ้อนกันต่อไป
ซึ่งจะต้องจูงมือกันมาเกิดใหม่
เพื่อปรับปรุงแก้ไขตนเองให้สิ้นกรรม

ดังนั้น
ตลอดเวลาที่ท่านใช้ชีวิตอยู่ในสังคม
สิ่งที่ท่านต้องไม่ประพฤติโดยเด็ดขาด คือ

1.อย่าเที่ยวเสือกเรื่องของคนอื่นพร่ำเพรื่อ

2.อย่า "ปากพล่อย" เที่ยววิตกวิจารณ์คนอื่น
โดยไม่พิจารณาความจริงให้ถ่องแท้ก่อน
หรือยังมีภูมิรู้ ภูมิธรรม ภูมิปัญญา ไม่แข็งแรง

ส่วนใหญ่แล้วพฤติกรรมปากพล่อย
ซึ่งเป็น "พฤติกรรมขยะ"
(Un-acceptable Behavior)
มันเกิดที่ปากซึ่งเกิดขึ้นได้ง่ายมาก
เพราะคนปากพล่อยมักไม่คิดก่อนพูด
เพราะมีสติพอที่จะพูดอะไรออกมาได้
แต่ไม่มีสัมปชัญญะปัญญา
จึงไม่รู้ว่าไหนควรพูดไหนไม่ควรพูด

พวกนักพูดนักวิจารณ์นักบริหาร
ที่ตกม้าตายมามากมายกลายเป็นปากพาจน
ก็เป็นคนในแบบที่เราว่ามานี้ทั้งนั้น

ดังนั้น
จงระวังให้จงหนักเถิดว่า...อย่าปากพล่อย
เที่ยวแส่ สอด เสือก เรื่องของคนอื่น
เพราะว่าร้อนวิชา-อวดรู้
เพราะว่าอยากมีส่วนร่วมแต่ไม่สำรวม
เพราะว่าปากหม... (ปีจอ) เห่าไปเรื่อย
ฯลฯ

3.อย่าทำเป็นคนอวดรู้โดยขาดการถ่อมใจ
เพราะท่านมีหน้าที่เรียนรู้อะไรๆในโลกนี้
มิใช่ให้ทำตนอวดผู้อื่นว่าท่านรู้อะไรๆ
อันจะยังความหมั่นไส้ให้กับผู้อื่นได้
ซึ่งเป็นเหตุให้ผู้อื่นเขาเสียสมดุลไป

4.จงอย่าอิจฉาตาร้อนผู้อื่น
เมื่อเห็นเขาเก่งกว่า ฉลาดกว่า มีมากกว่า
เพราะมันจะทำให้ท่านจิตตกคือเสียสมดุล
อันเป็นบาปกรรมที่กระทำผิดต่อตัวเอง
ด้วยความโง่เง่าและงี่เง่าเป็นที่สุด

5.จงอย่านินทาว่าร้ายผู้อื่น
เพราะมันจะทำให้จิตวิญญาณของท่านเอง
และของผู้ที่ถูกท่านนินทาว่าร้ายไม่มีความสุข
เนื่องจากจิตวิญญาณของพวกท่าน
สามารถสื่อสารถึงกันได้ตลอดเวลา
แม้ว่าจิตหยาบจะไม่รู้เรื่องกันก็ตาม

คำว่า "นินทา" หมายถึงการกล่าวร้าย
การพูดถึงเรื่องไม่ดีไม่เป็นมงคลของคนอื่น
โดยเจ้าตัวที่ถูกกล่าวถึงมิได้อยู่ตรงนั้นด้วย
ซึ่งเขาคนนั้นไม่อาจแก้ต่างแก้ตัวแก้ไข
ในสิ่งที่เขากำลังถูกนินทาว่าร้ายนั้นได้

6.จงอย่าอวดฉลาดทำแต่เรื่องโง่ๆ
เห็นคนอื่นเขามีข้อขัดข้องขัดแย้งกัน
ก็เข้าไปเกี่ยวกรรมกับพวกเขาด้วย
โดยใช้อารมณ์รู้สึกนึกคิดและมุมมองของตน
ไปยืนแอ่นลำเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
เพราะว่ามีบางสิ่งของฝ่ายที่ตนเข้าข้างนั้น
มัน "ถูกจริต" ต้องใจของท่านเป็นอันมาก

นอกจากท่านจะผิดบาปและต้องเกี่ยวกรรม
กับฝ่ายที่ไม่พอใจการกระทำของท่าน
จนจะทำให้จิตวิญญาณของท่านเดือดร้อน
ตามกฎแห่งกรรมของโลกแล้ว
คุณค่าความเป็นมนุษย์ของท่านก็จะเสื่อม
จนกลายเป็นขยะอีกชิ้นหนึ่งบนโลกเสรีนี้

เพราะมนุษย์ที่สมดุลและสมบูรณ์
ซึ่งมีคุณค่าต่อโลกเสรีนี้
ต้องมีคุณสมบัติสำคัญ 4 ประการ คือ
1.เป็นคนเก่งจริง
2.เป็นคนฉลาดในทุกมิติ
3.เป็นคนดีแท้
4.เป็นคนกล้าหาญ

กราบพระบาทพระบิดาฯทรงเมตตา
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
24/04/2020