สมการพลังจิตมหัศจรรย์
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
หนึ่งใน พันธะสัญญา 6
ซึ่งดวงจิตธรรมญาณของท่านทั้งหลาย
ได้ให้สัจจะไว้ต่อองค์จิตจักรวาล
ผู้ทรงเป็นพระบิดาแห่งจิตวิญญาณของท่าน
ก็คือ........
การมาเกิดเป็นคน
เพื่อคนตนเองให้เป็นมนุษย์
แล้วร่วมกันทำหน้าที่
เป็นเพื่อนร่วมงานกับดาวเคราะห์โลก
นักเรียนที่รักแห่งเราทั้งหลาย
พวกท่านล้วนเป็นสรรพสิ่งหนึ่ง
ซึ่งพระบิดาทรงกำหนดสร้างขึ้นมา
ที่น่าทึ่งยิ่งกว่าสิ่งใดๆ
ในมหาอาณาจักรอันไพศาลของพระองค์
เพราะพวกท่านถูกกำหนดสร้าง
ให้เป็น คนสองมิติ คือ
มี กายหยาบ อันเป็นสรรพสิ่งในมิติทางกายภาพ
ที่มีโครงสร้างละเอียดอ่อนซับซ้อน
จนน่าทึ่งที่สุดในจักรวาล
โดยพระองค์ให้กำหนดสร้างขึ้นไว้บนโลกเสรีนี้
ด้วยโลหิตในครรภ์มารดา
กับ จิตวิญญาณ อันเป็นอีกสรรพสิ่งในมิติทางพลังงาน
ที่น่าทึ่งและมหัศจรรย์อีกเช่นกัน
ซึ่งเป็นรูปธรรมที่เดินทางข้ามมิติมาจาก แดนสุญญตา
โดยทั้งสองสรรพสิ่งนี้จักต้องทำงานร่วมกัน
ในบทบาทของมนุษย์แห่งดาวโลกเสรีนี้
ดังนั้น.....
พวกท่านจึงล้วนมี 2 ภาคในตนเองไปโดยปริยาย
กล่าวคือ....
ทุกท่านก็จะมีตัวตนภาคแรกที่สูงส่ง
ซึ่งเป็นรูปธรรมทางพลังงาน
อันมีพระนามว่า "จิตจักรวาลดวงเล็ก"
หรือกล่าวนามสั้นๆว่า "พระบุตร"
ที่ยังคงดำรงตนเองอยู่กับพระบิดาในแดนสุญญตา
ซึ่งเป็นที่ผู้แบ่งภาคตนเองออกมาเป็นภาคที่สอง
เพื่อข้ามมิติเข้ามาสู่การเกิดเป็นมนุษย์บนโลกเสรีนี้
โดยท่านทั้งหลายเรียกนามว่า
"จิตวิญญาณ"
หรืออาจกล่าวนามสั้นๆได้ว่า "พระจิต"
ด้วยเหตุนี้เอง
เมื่อพวกท่านได้รับโอกาสให้มาเกิดเป็นคนสองมิติแล้ว
จิตมนุษย์ผู้ดูแลรับผิดชอบกายหยาบ
จึงต้องมีหน้าที่ยกระดับ
การสั่นสะเทือนตนเองให้สูงขึ้น
จนสั่นสะเทือนเป็นหนึ่งเดียวกันกับแก่นแท้
คือจิตวิญญาณของตนให้สำเร็จก่อน
มิเช่นนั้นแล้วท่านก็จะทำหน้าที่
เป็นเพื่อนร่วมงานกับโลกตามพันธะสัญญาไม่ได้
พวกท่านเมื่อแรกเกิดมาลืมตาดูโลก
พระบิดาจึงทรงกำหนดนามเรียกขานว่า
"คน"
ทั้งนี้เพื่อสร้างสติทางวิญญาณ
ให้พวกท่านได้สำนึกรู้ว่า
ตั้งแต่เด็กจนโตใหญ่ท่านจะต้องหาหนทาง
คนตนเองในสองมิติ
ระหว่างจิตหยาบและกายหยาบ
กับจิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้ของท่าน
ให้เป็นหนึ่งเดียวกันให้สำเร็จให้จงได้เร็วที่สุด
หากท่านทำสำเร็จได้เมื่อใด
เมื่อนั้นท่านจึงจะถูกเรียกว่า
"มนุษย์" ได้อย่างเต็มคำ
เราจึงขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ถ้าท่านจะประสบความสำเร็จ
ในการคนตนเองให้เป็นมนุษย์ได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว
สิ่งที่ท่านจะต้องกระทำต่อตนเองและผู้อื่น
มีดังต่อไปนี้ คือ
1.ต้องเรียนรู้ที่จะรักตนเองและผู้อื่นให้ได้
แม้ว่าใครคนนั้นจะทำตัวไม่น่ารักต่อท่านก็ตาม
เช่น สงสาร เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
2.ต้องเรียนรู้ที่จะให้สิ่งดีๆมีคุณค่า
ทั้งต่อตนเองและผู้อื่นให้ได้
แม้ว่าบางครั้งตนเองและผู้อื่นทำตัวไม่น่าที่จะให้ก็ตาม
เช่น อดทน อดกลั้น ให้อภัย ให้โอกาส ให้เวลา
ให้ทรัพย์สินสิ่งของ และอื่นๆ
โดยไม่มีเงื่อนไขในการให้
โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน
3.ต้องเรียนรู้ที่จะคิด
ด้วยความฉลาดของสมองสองซีก
ซึ่งเป็นพลังอำนาจทางปัญญาในตนเอง
เพื่อการตัดสินใจแสดงออกหรือกระทำสิ่งใดๆ
ต่อตนเองและผู้อื่นให้เป็นธรรมชาติของตนให้จงได้
เช่น คิดก่อนคิด คิดก่อนพูด และคิดก่อนทำ
เป็นต้น
โดยหลีกเลี่ยงละเลิกที่จะขับเคลื่อนการกระทำ
ด้วยกิเลส ตัณหา อารมณ์
นิสัยเคยชิน และสันดานเคยตัว
อันเป็นคุณสมบัติหยาบๆของจิตหยาบ
หากท่านทั้งหลาย
ปฏิบัติตามสามประการนี้ต่อตนเองได้
ท่านก็สามารถคนตนเองให้เป็นมนุษย์สำเร็จแล้ว
ถ้าหากท่านแสดงออกต่อเพื่อนมนุษย์คนอื่น
ด้วยการกระทำทั้งสามประการนี้แล้ว
เป็นเงื่อนไขด้านบวกที่จะช่วยให้ผู้อื่น
สามารถสั่นสะเทือนจิตหยาบของเขา
เป็นหนึ่งเดียวกันกับจิตวิญญาณของเขาได้
เช่นเดียวกับท่านแล้วละก็
เท่ากับว่าทั้งท่านและตัวเขาคนนั้น
กำลังร่วมกัน "ปฏิบัติการรัก"
จากจิตชั้นสูง
โดยมันจะก่อให้เกิดพลังร่วมแห่งรักอันศักดิ์สิทธิ์
ตามสมการพลังงานร่วมแห่งรัก
จากจิตสำนึกด้านบวกของท่านกับผู้อื่น
เราเรียกว่าสมการ "ซัมเบต้า"
ตามที่เรานำมาแสดงไว้ในสไลด์ข้างล่างนี้แล้ว
สมการดังกล่าวนี้ถอดรหัสได้ว่า....
ผลรวมทางพลังงานความรัก
ของมนุษย์จำนวนเอ็กซ์คนที่กำลังรักกัน
มีค่าเท่ากับ 3 เท่า
ของจำนวนคนที่รักกันอยู่ในขณะนั้น ยกกำลังสอง
แล้วคูณด้วยผลรวมของพลังงานความรัก
ของแต่ละคนรวมทั้งสิ้น เอ็กซ์คน
ที่สามารถผลิตสร้างมันออกมาได้ในขณะนั้น
โดยผลรวมของพลังงานร่วมที่ได้นี้
จะมีหน่วยวัดค่าเป็น "เม็กกะเฮิร์ท"
ซึ่งอยู่ในรูปของคลื่นพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กระบบหนึ่ง
ที่เป็นชนิดเดียวกันกับคลื่นสนามแม่เหล็กโลกนั่นแหละ
ท่านทั้งหลายจะเห็นได้ว่า
ภารกิจของท่านถ้ามาถึงขั้นตอนนี้ได้
แสดงว่าท่านได้คนตนเองจนเป็นมนุษย์เป็นผลสำเร็จแล้ว
ทั้งยังทำหน้าที่เป็นเพื่อนร่วมงาน
กับดาวเคราะห์โลกนี้ได้แล้วด้วย
การเป็นเพื่อนร่วมงานกับโลกก็คือ
พวกท่านต้องผลิตสร้างพลังงานร่วมแห่งรัก
ตามสมการพลังงานที่เราเปิดเผยไว้นี้
เพื่อมอบพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กในรูปพลังจิต
ให้โลกนำไปใช้สร้างจิตสำนึกของโลกอีกทอดหนึ่ง
พลังความรักของพวกท่านที่เป็นพลังร่วม
ในรูปของคลี่นไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก
มันจะถูกเหนี่ยวรั้งลงไปยังแกนโลกหรือจิตของโลก
เพื่อไปก่อให้เกิดกระบวนการ Nuclear
Fission
ซึ่งมันจะทำให้แกนโลกบิดตัวอย่างต่อเนื่อง
จนทำให้โลกเหวี่ยงหมุนได้อย่างต่อเนื่อง
ด้วยอัตราเร็วคงที่ตลอดกาล
ตอนนี้ท่านเข้าใจหรือยังว่า
ทำไมมนุษย์กับโลกต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน
ทำไมถ้าจิตสำนึกมนุษย์ตกต่ำโลกก็จะเสียสมดุล
จนเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติรุนแรงเมื่อนั้น
ทำไมมนุษย์จึงต้องมีศีลธรรม
ทำไมพระศาสดาทุกพระองค์จึงสอนให้มนุษย์รักกัน
ทำไมเมตตาธรรมจึงค้ำจุนโลกได้
อนิจจัง....อนิจจา.....
ในรอบ 50 ปีที่ผ่านมา พวกท่านส่วนใหญ่ในระบบโลก
มิได้ประพฤติดังเช่นที่เรากล่าวความจริงมาทั้งหมดนี้
ดาวเคราะห์โลกจึงเสียสมดุล
ภัยพิบัติร้ายแรงจึงเกิดขึ้นไปทั่ว
ทุกคนมีชีวิตอยู่กับการเสี่ยงตายตลอดเวลา
จนจิตวิญญาณของท่านผวาหาความสงบสุขมิได้
เราจึงต้องกลับมา...
กลับมาหาพวกท่านตามสัญญา
หมายนำพาพวกท่านคืนสู่บ้านเกิดเมืองนอน
ยังแดนสุญญตา....
ในภพชาติสุดท้ายแห่งการปิดยุคนี้
ท่านจะมากับเรามั้ย....
ท่านจะไปกราบพระบิดากับเราหรือเปล่า
ตะเกียงของท่านเติมน้ำมันแล้วหรือยัง
เอเมน....สาธุ.....
ป.วิสุทธิปัญญา
4-1-2015