04 มกราคม 2558

ร่างกายมนุษย์สุดมหัศจรรย์กว่าที่คิด


ร่างกายมนุษย์สุดมหัศจรรย์กว่าที่คิด

เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์บนโลกเสรี
เป็นสรรพสิ่งหนึ่งซึ่งมีความพิเศษสุดเหนือสรรพสิ่งอื่นใด
ที่องค์จิตจักรวาลได้ทรงกำหนดสร้างขึ้นไว้
ในสนามพลังงานอันไพศาลที่เรียกว่า "เอกภพ" นี้

ความพิเศษสุดยิ่งกว่าสรรพสิ่งอื่น
มีหลายประการดังนี้

1.เป็นสรรพสิ่งหนึ่งที่มี 2 มิติอยู่ในตนเอง

อันประกอบด้วยกายหยาบที่เป็นเปลือกนอกของแก่นแท้
ซึ่งเราจะเรียกว่าสรรพสิ่ง "ในมิติโลกทางกายภาพ"
โดยที่สรรพสิ่งทางกายภาพซึ่งเป็นเปลือกนอกนี้
พระบิดาได้ทรงรวบรวมเอาความหลากหลายทางชีวภาพ
ของสรรพสิ่งมีชีวิตที่พระองค์ทรงกำหนดสร้างขึ้นไว้ก่อนแล้ว
มารวมกันไว้ในกายหยาบที่เป็นร่างกายมนุษย์ของท่านนี่เอง

ดังท่านจะเห็นได้ว่ากลไกหลายอย่าง
ที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นเซลอวัยวะร่างกายมนุษย์
จะเป็นกลไกที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ของมันเองได้
โดยที่ตัวท่านมิพักต้องออกคำสั่งหรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเลย
ซึ่งกลไกเหล่านี้ท่านทั้งหลายเรียกกันว่า "กลไกอัตโนมัติ"

นอกจากเปลือกนอกที่เป็นกายสังขารแล้ว
สรรพสิ่งที่ถูกห่อหุ้มอุ้มโอบเอาไว้ข้างในก็คือ จิตวิญญาณ
ซึ่งเป็นตัวตนแก่นแท้ของท่านทั้งหลายนั่นเอง

จิตวิญญาณ จะเป็นรูปธรรมทางพลังงาน
ซึ่งมีความสมดุลในตนเอง

โดยเป็นรูปธรรมที่ขันอาสาพระบิดาลงมาสู่การเกิดเป็นมนุษย์
เพื่อเข้ามาทำหน้าที่ตามพันธะสัญญา 6
ทั้งในมิติโลกด้านกายภาพ และในมิติโลกด้านพลังงาน
พระบิดาจึงต้องทรงกำหนดให้กายสังขารมนุษย์
สามารถที่จะสั่นสะเทือนเพื่อให้เกิดการกระทำต่างๆได้
ในสองมิติในเวลาเดียวกัน

ดังนั้น.....
มนุษย์แต่ละคนจึงต้องมี "จิตหยาบ หรือ จิตมนุษย์"
คอยสั่นสะเทือนแทนจิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้ของตน
เพื่อให้เกิดกรรม หรือ การกระทำ "ในมิติทางพลังงาน" ด้วย
ในขณะที่มนุษย์มีการกระทำใดๆในมิติทางกายภาพอยู่นั้น

เราเรียกการกระทำใดๆในมิติทางพลังงาน
ด้านของจิตวิญญาณ โดยจิตหยาบดังกล่าวนี้ว่า.....
"การสั่นสะเทือนในมิติคู่ขนาน"

2.สามารถเติบโตได้อย่างไม่มีวันตาย

มนุษย์กับต้นพืชพันธุ์ไม้ใหญ่ยืนต้นทั้งหลายนั้น
มีความเหมือนกันอยู่ 2 อย่างก็คือ
ต่างล้วนเป็นสรรพสิ่งหนึ่ง
ซึ่งสามารถที่จะเจริญเติบโตได้เรื่อยๆแบบโตวันโตคืน
โดยเมื่อแรกเกิดจะโตไว พอเติบใหญ่ก็จะโตช้าลง
และสามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของตนเองได้ด้วย

ต้นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ในป่าดงดิบทั้งหลาย
จะเป็นตัวอย่างที่ดีที่ชัดเจนที่สุด
ที่สามารถใช้อ้างอิงในสิ่งที่เรากล่าวมานั้นได้

จะต่างกันเพียงมนุษย์ล้วนเติบตาย
มากกว่าจะเจริญเติบโตไปได้เรื่อยๆ คือ มีอายุขัย

การที่มนุษย์มีอายุขัยแห่งการมาเกิดนี่เอง
จึงยังผลให้มนุษย์ต้องมี "ภพชาติ"
และเพราะการต้องมีภพชาตินี่แหละ
มนุษย์กับต้นไม้ใหญ่จึงมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ท่านทั้งหลายน่าจะต้องรีบถามตนเอง
เพื่อค้นหาคำตอบกันให้ได้ว่า
ทำไมมนุษย์ต้องตาย
ทำไมจึงไม่เติบโตได้เรื่อยๆ
เหมือนการเจริญเติบโตของต้นไม้ใหญ่ด้วยเล่า

3.มีจิตสำนึกเป็นของตนเอง
และใช้จิตสำนึกดำรงชีวิต

สรรพสิ่งมีชีวิตอื่นๆรวมทั้งต้นไม้ทั้งหลาย
สามารถดำรงชีวิตตนเองกันอยู่ได้
ด้วยกลไกของแก่นแท้ คือ สัญชาตญาณ เท่านั้น

แต่สำหรับสรรพสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์
มีใช้ทั้ง.........
สัญชาตญาณแบบสัตว์และมีทั้งจิตสำนึก 
ที่สัตว์ไม่มี.....

อันความจริงทั้งสามประการที่เรากล่าวถึงนี้
เป็นแค่เพียงบางด้านที่จะแสดงให้เห็นถึง
ความมหัศจรรย์ของสรรพสิ่งที่เรียกว่า

เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์

นอกจากสิ่งมหัศจรรย์ดังกล่าวข้างต้นแล้ว
เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
ก็ยังมีความลับบางสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในระดับเซล
นั่นคือ กลไกกำหนดอายุขัย ของท่านเอง
เราเรียกกลไกนี้ว่า "ชุดเส้นใยเกลียวแม่เหล็ก"
หรือ เรียกอย่างเป็นทางการว่า DIGITALIS
( * โปรดดูภาพประกอบจากสไลด์)

ชุดกลไกรูปเกือกม้า
ที่มีหน้าตาเหมือนหนวดแมลงสาปดังภาพนี้
มีอยู่ในเซลอวัยวะร่างกายของเครื่องยนต์แห่งกรรมของท่าน
โดยจะติดตั้งเอาไว้ที่ นิวคลิโอไทด์ คู่ซ้าย ในทุกๆเซล
ในแต่ละเซลก็จะมีกลไกนี้ 1 ชุด
ในแต่ละชุดก็จะมีจำนวนขดเกลียว
ซึ่งพันที่ขาสองข้างไว้นั้นจำนวนข้างละเท่าๆกัน

ในหนึ่งขดเกลียวจะถูกกำหนดให้มีอายุขัยเท่ากับ 6 ปีบริบูรณ์
ถ้าอายุขัยเหลือเศษเพราะมิได้เป็นจำนวนเท่าของ 3
ก็จะสามารถทดรอบโดยคิดเป็นสัดส่วนได้

ชุดเส้นใยเกลียวแม่เหล็กนี้
นอกจากจะเป็นตัวกำหนดอายุขัยของแต่ละคนแล้ว
ยังทำหน้าที่ผลิตสร้างกระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนำ
ให้เกิดขึ้นภายในรูปธรรมมนุษย์ของท่านด้วย
เพื่อให้มีพลังงานไฟฟ้าหล่อเลี้ยงเซลอวัยวะร่างกาย
ให้สามารถทำงานได้ในสองมิติอย่างมีสมรรถภาพ

ดังนั้น.....
คนที่จะมีอวัยวะร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ดี
จึงจักต้องมีกลไกดิจิตัลลิสในระบบเซลทั่วทั้งร่างกาย
ที่สมดุลและมีสมรรถนะอย่างเต็มพลังในการทำหน้าที่ของมันด้วย

นอกจากนั้น....
การที่มนุษย์ทุกคนมีพลังจิตหรือพลังงานจิต
ที่สามารถเหวี่ยงออกมาภายนอกร่างกาย

ในรูปของคลื่นพลังงานความรักความเมตตา
ในรูปของคลื่นพลังงานความคิด
ในรูปของคลื่นพลังงานทางอารมณ์ด้านบวกด้านลบ
ในรูปของคลื่นการสื่อสารภาษาจิตที่เป็นภาษาสากล
เพื่อการติดต่อสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับผู้อื่นหรือสรรพสิ่งอื่น
ภายในจักรวาลอันไพศาลนี้ได้นั้น

จักต้องอาศัย สมรรถนะขั้นสูงสุดของชุดกลไกดิจิตัลลิส
ทั้งระบบทั่วร่างกายของท่านด้วย
คุณสมบัติสำคัญที่เกื้อกูลอย่างยิ่ง คือ

1).ท่านต้องเป็นคนจิตใสใจสวย

2).ท่านต้องไม่เจ็บป่วยบ่อยๆ

3).ท่านต้องไม่อยู่ในสถานที่ๆไม่เหมาะสม เช่น

ไม่อยู่ในบริเวณชุมชนแออัดที่มีผู้คนเยอะๆ
ไม่อยู่ในสถานบันเทิงเริงรมย์หรือแหล่งอบายมุข
ไม่อยู่ในบริเวณสถานที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต หรือทรมานสัตว์

ไม่อยู่ในบริเวณใกล้ๆเครื่องกำเนิดไฟฟ้า คอมเพรสเซอร์
มอเตอร์ ไดนาโม หม้อแปลงไฟฟ้าแรงสูง ใต้สายไฟฟ้าแรงสูง

ไม่ใช้เครื่องไดร์เป่าผมครั้งละนานๆเกินไป เป็นต้น

4).ท่านต้องไม่ฆ่าสัตว์ ทรมานสัตว์ ให้เขาโกรธแค้นอาฆาต

ท่านจะต้องไม่เป็นคนชั่ว
ทำตัวพาลเกเรให้ใครอื่นสาปแช่ง

เพราะพวกเขาจะเหวี่ยงพลังจิตด้านลบออกมา
แล้วชุดดิจิตัลลิสของท่านก็จะรับเอาพลังลบนั้นไว้
จะยังผลให้พลังงานชีวิตในร่างกายท่านเสียสมดุลไป
อันเกิดจากสมรรถนะของดิจิตัลลิสลดต่ำลง
จากพลังลบที่รับมาจากสัตว์หรือมนุษย์
ที่ถูกท่านรังแกหรือทำร้ายนั่นแหละ

ถ้าท่านเป็นคนชั่ว ทำตัวไม่ดีเป็นอาจินต์
ลองตรองดูก็ได้ว่าอายุขัยจริงของท่าน
มันจะถูกบั่นทอนลงได้มั้ย......

พลังจิตของท่านจะลดต่ำลง
จนไม่สามารถให้พลังบวกค้ำจุนโลกได้
ตามพันธะสัญญาที่จิตวิญญาณของท่าน
ถือมาเกิดเป็นมนุษย์ด้วยมั้ย......

ท่านคงตอบได้โดยมิต้องเดาหรอกนะ

ดังนั้น
การใช้พลังจิตด้านลบทำร้ายคนอื่นหรือผู้อื่น
จึงมิต่างจากการยื่นอาวุธร้ายทำลายตัวเองโดยแท้

เอเมน.....สาธุ.......

ป.วิสุทธิปัญญา
4-1-2015