06 มกราคม 2558

ปัญหาก๊าซเรือนกระจกแก้ไขได้



เหตุแห่งภาวะโลกร้อน
ในมิติที่ท่านไม่รู้

เรื่องของปัญหาก๊าซเรือนกระจกที่ก่อภาวะโลกร้อนนั้น
ชาวโลกโจษขานกันมานานแล้ว
ทั้งสาเหตุแห่งการเกิด ทั้งปัญหาที่ติดตามมา
แต่ดูเหมือนว่าทั้งๆที่รู้ปัญหากันค่อนข้างดี
จนกระทั่งบัดนี้มนุษย์โลกก็ยังไม่สามารถเข้าถึง
กลวิธีที่จะแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนกันอย่างเป็นรูปธรรมได้

ไม่ชัดเจนทั้งแผนการแก้ไขปัญหา ในระยะสั้น ระยะยาว
ไม่ชัดเจนทั้งกลยุทธ์ ไม่ชัดเจนทั้งกุศโลบาย
ไม่ชัดเจนว่าจะรับมือกับภาวะโลกร้อน
ที่นับวันจะรุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อยๆกันอย่างไรแน่

ทางการที่รับผิดชอบก็ไม่ชัดเจนว่า
จะมีแผนการอย่างไรที่จะรณรงค์ให้ประชากรโลก
ลุกขึ้นมามีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อปัญหานี้
ด้วยการถือเป็นนโยบายแห่งชาติ

แต่สิ่งที่รู้ๆกันอยู่มีเพียงเรื่องเดียว
คือการสามัคคีกันตื่นตัวของประชากรโลก
ไปในทางหวั่นกลัวปัญหาจากภาวะโลกร้อน
ที่จะมีผลกระทบต่อการดำรงชีพของตนเองเท่านั้น

มนุษย์รู้แค่สาเหตุ
จึงแก้ปัญหาโลกร้อนไม่ได้

มนุษย์ได้เรียนรู้กันมาแล้วว่า
ภาวะโลกร้อนเกิดจาก Green House Effect

Green House Effect ก็คือ 
ผลด้านลบอันเกิดจากก๊าซเรือนกระจก
จำพวกก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการเผาไหม้
และที่เกิดจากการหายใจออกมาของสัตว์และมนุษย์
ก๊าซจำพวกไฮโดรคาร์บอน  และอื่นๆ

เมื่อมันเกิดขึ้นบนพื้นโลกไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม
พวกมันก็จะพากันลอยตัวสูงขึ้นไปในชั้นบรรยากาศ
เมื่อลอยขึ้นไปจนสูงถึงระดับหนึ่งแล้ว
มันก็จะหยุดอยู่ตรงนั้น
โดยจะไม่ลอยตัวสูงขึ้นไปกว่านั้นอีกแล้ว
แต่มันจะพากันปกคลุมหุ้มห่อดาวเคราะห์โลกดวงนี้ไว้
เสมือนกักเก็บโลกเอาไว้ภายในนั่นเอง

พอนานปีเข้าก๊าซเรือนกระจกเหล่านี้
ก็จะพากันสั่งสมจนพอกพูนหนาขึ้นๆเรื่อยๆ

ปัญหาที่เกิดผลกระทบต่อโลกก็คือ
เมื่อรังสีความร้อนจากดวงอาทิตย์ตอนกลางวัน
ถูกส่งผ่านเข้ามาตกกระทบในระบบโลกแล้ว
ตามปกติรังสีความร้อนส่วนหนึ่ง
ก็จะสะท้อนกลับออกไปนอกระบบโลกได้

แต่ปรากฏว่าประดาก๊าซเรือนกระจกเหล่านี้
กลับทำตนเป็นอุปสรรคต่อการสะท้อนกลับ
ของรังสีความร้อนจากดวงอาทิตย์ที่ถูกสงเข้ามา
โดยมันจะปิดกั้นการสะท้อนกลับออกไป
ของรังสีความร้อนเอาไว้จำนวนหนึ่งด้วย

มนุษย์ทราบดีว่า
ถ้ายังปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อยู่ต่อไปเรื่อยๆ
การสะสมของก๊าซเรือนกระจก
ที่ปกคลุมหุ้มห่อโลกเอาไว้มันก็จะหนาขึ้นเรื่อยๆ
นี่จึงเป็นที่มาของความตื่นกลัวของประดาชาวโลก
ในห้วงเวลาที่ผ่านมาอย่างที่รู้ๆกันอยู่

ความจริงทั้งหมดที่เรากล่าวมานี้
เป็นความจริงจากการคิดแบบจิตมนุษย์ที่สรุปกันว่า

สาเหตุหรือตัวการที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน
จนนำไปสู่ความไม่สมดุลของดินฟ้าอากาศ
ซึ่งนับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้นก็คือ
ก๊าซเรือนกระจก ทั้งหลายนี่เอง

ชาวโลกจึงพากันสรุปลงตรงที่ว่า

1.ภาวะโลกร้อนเกิดจากก๊าซเรือนกระจก

2.ผู้ผลิตสร้างก๊าซเรือนกระจกขึ้นมาในระบบโลก
เป็นจำนวนมากที่สุดก็คือ "มนุษย์" เอง

3.มนุษย์ผลิตสร้างก๊าซเรือนกระจกทั้งหลาย
จากโรงงานอุตสาหกรรม จากการเผาไหม้ของก๊าซและน้ำมัน
จากท่อไอเสียรถยนต์และเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น

4.ถ้าจะหยุดปัญหาภัยพิบัติธรรมชาติ เช่น น้ำแข็งขั้วโลก
ที่พากันละลายอย่างรวดเร็ว หรือ การเกิดพายุหมุน
การเกิดอุทกภัย การวิปริตแปรปรวนของดินฟ้าอากาศ และอื่นๆ
ให้ได้ผล ก็ต้องแก้ปัญหาก๊าซเรือนกระจกให้ได้ก่อน

5.การแก้ปัญหาก๊าซเรือนกระจกที่มนุษย์คิดได้ คือ 
การรณรงค์ให้ชาวโลกหยุดสร้างก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้นมาอีก

พี่ๆน้องๆแห่งเราทั้งหลาย
ทั้ง 5 ข้อคร่าวๆที่เรากล่าวมามันคือการคิดแบบจิตมนุษย์
ที่วิเคราะห์ด้วยสมองซีกซ้ายแล้วได้พบเจอแต่ "สาเหตุ"
เมื่อรู้เห็นเพียงสาเหตุก็มุ่งแก้ไขไปตามสาเหตุที่รู้เห็นนั้น
ผลก็คือ.....จนป่านนี้นับหลายปีที่ผ่านมา
โลกก็ยังประสบปัญหาภาวะโลกร้อนอยู่ดังเดิม

ต้นเหตุเแห่งการเกิด
กับสาเหตุที่มันเกิดไม่เหมือนกัน

ท่านทั้งหลายจะต้องรู้ว่า
ต้นเหตุ แห่งการเกิดปัญหาก็คือ "ต้นธาร" ของปัญหา
อันเป็นบ่อเกิดแห่งปัญหาที่เป็นจุดเริ่มต้น
หรือเป็นจุดเริ่มแรกของปัญหาทั้งหมดนั่นแหละ

ส่วน สาเหตุ แห่งการเกิดปัญหาก็คือ 
การมองเห็นที่มาของปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น
แค่เพียงเฉพาะจุด เฉพาะประเด็น
โดยเป็นการมองปัญหาที่เกิดขึ้น
ไปตามสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นอยู่
หรือพิจารณาไปตามปัญหาที่เผชิญอยู่ตรงหน้าเท่านั้น

ถ้าต้องการจะแก้ไขปัญหาใดก็ตาม
หากท่านมองเห็นแต่ "สาเหตุ" ของปัญหานั้น
ท่านก็จะคิดวิธีแก้ไขปัญหานั้นไปตามสถานการณ์
ซึ่งในชีวิตจริงนั้นท่านจะพบว่า
เมื่อแก้ปัญหานี้แล้ว
ก็จะเกิดปัญหาใหม่ตามมา
ให้ต้องคิดอ่านแก้ไขกันอีกเสมอ

พวกที่ชอบมองอะไรๆแบบ "จุลภาค" 
คือมองแต่ส่วนย่อย
ก็มักจะถนัดกับการแก้ไขปัญหาแบบนี้เสมอ

ถ้าท่านต้องการแก้ไขปัญหาใดๆ
ให้สะเด็ดน้ำกันจริงๆแล้ว
ท่านจึงต้องรู้จักมองปัญหา
แบบองค์รวมหรือแบบ "มหภาค" เอาไว้ด้วย

โดยจะต้องระลึกเอาไว้เสมอว่า
ต้นเหตุแห่งการเกิดปัญหาทั้งหมด
กับสาเหตุแห่งการเกิดปัญหานั้นๆมันไม่เหมือนกัน

ถ้าท่านจะแก้ไขปัญหาใดๆให้ลุล่วงแท้จริงนั้น
ท่านจะต้องตอบตนเองให้ได้ว่า
จะต้องแก้ที่ "ต้นเหตุแห่งปัญหา"
หรือจะต้องแก้ที่ "สาเหตุของปัญหา"
หรือว่าจะต้องแก้ไขมันทั้งสองอย่างกันแน่

วิธีคิดพิจารณาเพื่อแก้ปัญหา
ภาวะโลกร้อน

1.ภาวะโลกร้อน ต้นเหตุแท้จริงเกิดจากอะไร
เกิดจากการที่ก๊าซเรือนกระจกหลายชนิด
ลอยตัวขึ้นไปจากพื้นโลกไปปกคลุมหุ้มห่อโลกไว้
แล้วไม่ยอมหลุดพ้นออกไปจากระบบโลก

2.ทำไมก๊าซเรือนกระจกหลายชนิด
จึงไม่ยอมลอยตัวหลุดพ้นออกไปจากระบบโลก
เพราะก๊าซเรือนกระจกทั้งหลายเป็นก๊าซมวลหนัก
เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ประกอบด้วย
ก๊าซคาร์บอนกับก๊าซออกซิเจนจับคู่กันอยู่ หรือก๊าซ
กำมะถันออกไซด์ อันประกอบด้วยก๊าซกำมะถัน
กับก๊าซออกซิเจน เป็นต้น

ก๊าซเหล่านี้จะมีน้ำหนักมวลมาก
จึงมีผลต่อแรงโน้มถ่วงของโลก
โดยที่เมื่อลอยตัวขึ้นสูงถึงระดับหนึ่งแล้ว
ก็จะหลุดลอยพ้นออกไปจากระบบโลกไม่ได้
เพราะโลกจะดึงดูดเหนี่ยวรั้งเอาไว้นั่นเอง

3.ทำไมในอดีตที่ผ่านมาจึงไม่มีปัญหานี้เกิดขึ้น
มนุษย์เพิ่งจะมาค้นพบว่า
ตนเองกำลังเผชิญกับปัญหาจากภาวะโลกร้อนอย่างจริงจัง
เมื่อราวๆสี่ห้าสิบปีที่ผ่านมานี่เอง

ดังนั้น....
สิ่งอันน่าขบคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้จึงมีอยู่ว่า

3.1 ทำไมปัญหาเรื่องก๊าซเรือนกระจก
จึงเพิ่งจะมาเกิดขึ้นในยุคหลังนี่

เพราะโลกเพิ่งจะมีก๊าซขยะจำพวกนี้หรือ

เพราะก๊าซขยะจำพวกนี้
ได้สะสมอยู่ในบรรยากาศโลกติดต่อกันมานานแล้ว
แต่เพิ่งจะมาถึงจุดวิกฤติดังปรากฏอยู่ในขณะนี้เช่นนั้นหรือ

เพราะยังมีสาเหตุอื่นที่ตัวเองยังตั้งสมมติฐานไม่ได้
จึงคิดไม่ออกว่าเป็นเพราะสาเหตุใดกระนั้นหรือ

3.2 ทำไมก๊าซเรือนกระจก
จึงหนีแรงดึงดูดของโลกแล้วหลุดพ้นออกไปไม่ได้

เพราะก๊าซเรือนกระจกที่เป็นขยะอวกาศนี่
พวกมันเพิ่งจะมีน้ำหนักมวลมากกว่าในอดีตเช่นนั้นหรือ

เพราะโลกเพิ่งจะมีแรงโน้มถ่วงเพิ่มขึ้น จึงเหนี่ยวรั้งก๊าซขยะ
ที่มีน้ำหนักมวลมากเหล่านี้เอาไว้ได้เช่นนั้นหรือ

เพราะยังมีสาเหตุอื่นอีก ที่ท่านเองยังตั้งสมมติฐานไม่ได้
จึงคิดไม่ออกว่าเป็นเพราะสาเหตุใดกระนั้นหรือ

คำตอบสุดท้าย
ในการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน

เราจะชวนท่านทั้งหลายมาร่วมคิดหาคำตอบกับเรา
ต่อกรณีปัญหาภาวะโลกร้อนกันดีกว่า

โดยในขั้นตอนแรกนี้........ 
เราจะมาจัด กระบวนทัศน์แห่งการคิดเชิงวิเคราะห์ กันก่อน

1.ผลของปัญหาภาวะโลกร้อน 
ทำให้น้ำแข็งที่ขั้วโลกละลายเร็วกว่าปกติ

2.จะปล่อยให้น้ำแข็งขั้วโลกละลายเร็ว
และละลายจนหมดไม่ได้ 
มิเช่นนั้นโลกนี้จะเกิดภัยพิบัติรุนแรงอย่างมากมาย

3.มหันตภัยพิบัติธรรมชาติทั้งหลาย 
ล้วนมีต้นเหตุเกิดจากภาวะโลกร้อนแทบทั้งสิ้น

4.ภาวะโลกร้อน เกิดจากก๊าซเรือนกระจก
ก่อให้เกิดปัญหา Green House Effect 

5.เพราะก๊าซเรือนกระจกที่ลอยขึ้นไปห่อหุ้มโลกเอาไว้
ทำให้รังสีความร้อนจากดวงอาทิตย์ที่ตกกระทบโลก
ไม่อาจสะท้อนกลับออกไปในบรรยากาศได้ตามปกติ

6.ถ้าเราสามารถช่วยให้ก๊าซเรือนกระจกพวกนี้
มันหลุดพ้นหนีแรงโน้มถ่วงของโลกออกไปได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว
สิ่งที่เรียกว่า "เรือนกระจก" มันก็ย่อมจะหมดปัญหาทันที

7.เราจะหาคำตอบว่า เพราะอะไรก๊าซเหล่านี้
จึงไม่สามารถที่จะหลุดพ้นออกไปจากระบบโลกได้ดังเดิม

8.เมื่อหาคำตอบพบว่าเป็นเพราะสาเหตุใดแล้ว
เราก็จะมาช่วยกันแก้ปัญหาตรงสาเหตุนั้นต่อไปว่า
เราจะมีวิธีจัดการอย่างไรจึงจะบรรลุผลสำเร็จได้

นี่เป็นคำตอบสุดท้าย

ท่านทั้งหลายจะต้องรู้ว่า
การคิดพิจารณาแบบจิตมนุษย์
ที่เป็นวิชาวิทยาศาสตร์ทางกายภาพนั้น
ใครคิดอ่านตั้งสมมติฐานได้เก่งกว่า คนนั้นฉลาดกว่า
ถ้าใครฉลาดกว่า คนนั้นก็จะค้นพบคำตอบที่ต้องการ

แต่ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า
ในจักรวาลของพระบิดาอันไพศาลนี้นั้น
ยังมีอีกมากมายหลายเรื่องที่อยู่เหนืออำนาจของอายตนะ
ยังมีอีกมากมายที่อยู่เหนือความสามารถของสมองซีกซ้าย
ที่จะใช้สติปัญญาขบคิดเพื่อตั้งสมมติฐานได้อย่างถูกต้อง
เราจะขอกล่าวสั้นๆง่ายๆว่า "เดาไม่ได้" นั่นแหละนะ

ต่อกรณีปัญหาก๊าซเรือนกระจกนี่ก็เช่นกัน
หากมิใช่พระผู้สร้างหรือพระบิดาแล้ว
ก็ยากนักหนาที่จะช่วยให้เราสามารถกล่าวความใดๆ
เพื่อเฉลยความจริงในสิ่งที่ชาวโลกไม่รู้ว่าไม่รู้ให้ท่านได้รับรู้

ดังนั้น....
เราจึงขอกล่าวความจริง
เพื่อเป็นความรู้ใหม่ต่อท่านทั้งหลายเอาไว้ดังนี้

1.โลกเกิดปัญหาก๊าซเรือนกระจกขึ้นมาเพราะสาเหตุว่า 
ประดาก๊าซมวลหนักทั้งหลายที่เกิดขึ้นในระบบโลก
ไม่สามารถหลุดพ้นหนีแรงโน้มถ่วงของโลกออกไปได้
จึงมีการลอยตัวสั่งสมกันอยู่ในชั้นบรรยากาศ

2.ก๊าซเรือนกระจกจะสั่งสมกันหนาขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ
ถ้ามนุษย์ไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
โลกทั้งระบบก็จะเกิดภาวะวิกฤติทางธรรมชาติ
ที่มิมีผู้ใดจะหลีกเลี่ยงได้พ้น

3.สาเหตุแท้จริงที่ทำให้เกิดปัญหาก๊าซเรือนกระจกขึ้นมา
เป็นเพราะว่า "กลไกและกระบวนการ" 
ที่เคยช่วยให้ก๊าซขยะพวกนี้
หลุดลอยพ้นออกไปจากระบบโลกได้ในอดีตนั้น 
เกิดการ เสื่อมพลังอำนาจ อย่างกระทันหัน
หรืออาจกล่าวสั้นๆได้ว่า "กลไกนั้นชำรุด" นั่นล่ะ

4.กลไกและกระบวนการที่ว่านี้ก็คือ 
สิ่งที่ก่อให้เกิดพลังในการผลักดันก๊าซเรือนกระจก
ซึ่งเป็นก๊าซมวลหนักให้ยกตัวสูงขึ้นไปเรื่อยๆ สูงขึ้นไปเรื่อยๆ
จนหลุดพ้นแรงโน้มถ่วงของโลกออกไปได้นั่นเอง

5.สิ่งที่จะก่อให้เกิดพลังผลักดันก๊าซเรือนกระจกที่เป็นก๊าซมวลหนัก
ให้สามารถยกตัวสูงขึ้นไปเรื่อยๆได้นั้น ในทางธรรมชาติแล้ว
มันจะต้องเป็นสรรพสิ่งซึ่งอยู่ในธรรมชาติด้วยเช่นเดียวกัน
และสรรพสิ่งที่ว่านั้นก็คือ "ก๊าซมวลเบา" 
ที่มีอยู่แล้วในระบบโลกนั่นแหละ

ถูกต้องแล้ว.....

เรากำลังกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
พระบิดาทรงกำหนดให้ก๊าซมวลเบาถ้ามีปริมาณมากพอ
ก็จักสามารถที่จะยกตัวหรือลอยต้วเองขึ้นสูง
เพื่อทำการขับเคลื่อนผลักดันก๊าซมวลหนัก
ให้ลอยตัวสูงขึ้นไปในอวกาศพร้อมๆกันกับตนได้

6.บรรดาก๊าซมวลเบาที่มีอยู่แล้วในระบบโลก 
ที่โลกเคยใช้เป็นกลไกหลักของกระบวนการนี้ตลอดมา
ก็คือ ก๊าซออกซิเจน (Oxygen)

7.ปรากฏว่าราวๆ 50 ปีเศษที่ผ่านมา
ตั้งแต่พวกท่านรู้ว่ากำลังเผชิญหน้ากับภาวะโลกร้อน
อันมีเหตุหลักจากก๊าซเรือนกระจกนั้น
มันเป็นช่วงเวลาที่ดาวเคราะห์โลกดวงนี้
กำลังเริ่มเกิดปัญหา ขาดแคลนก๊าซออกซิเจน อยู่พอดี

นักกีฬาอาชีพเป็นตะคริวกลางสนามแข่งขัน
คนปกติเกิดอาการเหนื่อยง่ายผิดปกติเมื่อต้องออกแรงเล็กน้อย
นักท่องเที่ยวเกิดอาการหน้ามืดหรือวูบขณะชมวิวบนยอดเขา
นกตกลงมาจากฟ้าตายขณะกำลังบินอยู่
ฝูงปลานับพันนับหมื่นนับล้านตัวลอยตายเป็นแพอยู่ริมหาด
ท่านเองรู้สึกซึมๆเซ็งๆเบื่อหน่ายในบางวันโดยไม่พบสาเหตุ
และอื่นๆ เป็นอาทิ

กรณีตัวอย่างเหล่านี้ล้วนมี ต้นเหตุ จาก
ปัญหาการขาดแคลนก๊าซออกซิเจนทั้งสิ้น

8.ยังมีมนุษย์อีกไม่น้อยที่ไม่รู้ว่า
โรงงานผลิตก๊าซออกซิเจนของโลกที่จะใช้ในระบบโลก
เพื่อจัดการกับปัญหาก๊าซเรือนกระจกและอื่นๆนั้น
อยู่ใต้ฝ่าเท้าของพวกท่านที่ตรงใจกลางโลกนี่เอง

เพียงแค่ท่าน รักกัน 
แล้วแบ่งปันความรักความเมตตาให้แก่กันและกัน
โดยมอบให้กันในทุกรูปแบบที่เป็นรักบริสุทธิ์

รักบริสุทธิ์คือรักที่ไร้เงื่อนไข
รักบริสุทธิ์คือคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก
ซึ่งเป็นพลังงานรูปแบบหนึ่งที่จิตกับกายมนุษย์
ขับเคลื่อนมันออกมาจากข้างในสู่ภายนอก

พลังงานความรักในรูปของคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็ก
อันเกิดจากจิตของพวกท่านแต่ละคน
ที่ถูกขับเคลื่อนออกมาในทุกๆวินาทีนั้น
ในจำนวน 1 % ของทั้งหมด
มันจะถูกเหนี่ยวรั้งลงไปที่แกนโลก
เพื่อใช้ในการผลิตก๊าซออกซิเจน

ก๊าซออกซิเจนที่ผลิตได้จากแกนโลก
จะแทรกตัวผ่านชั้นต่างๆของเปลือกโลก
ขึ้นมาด้านบนพื้นผิวอย่างต่อเนื่องในยามกลางวัน
อันเป็นเวลาที่พวกท่านตื่นนอน
ซึ่งเป็นเวลาที่พวกท่าน
สามารถสั่นสะเทือนจิตใจตนเอง
ให้เกิดเป็น ความรักบริสุทธิ์ มอบให้แก่กันและกันได้

9.ในรอบห้าสิบปีที่ผันผ่านมานั้น
มนุษย์โลกพากันหันหลังให้กับความรัก
หยิบยื่นความรักบริสุทธิ์ให้กันไม่ได้
เพราะตกอยู่ในวังวนของกิเลสตัณหา
ซึ่งนับวันจิตสำนึกแห่งรักจะดิ่งลงๆเรื่อยๆ
ยังผลให้กระบวนการผลิตออกซิเจนในแกนโลก
ต้องประสบกับปัญหาเพราะขาดแคลนเชื้อเพลิง

เชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตออกซิเจน
ก็คือสิ่งที่เรียกว่า "ความรักบริสุทธิ์" โดยแท้

ดังนั้น....
ถ้ามนุษย์ช่วยกันกระทำที่จิตสำนึกตนเองกันทั้งโลก

โดยรักกันให้ได้ ให้กันให้เป็น
โดยรักกันโดยไม่ต้องมีเงื่อนไขอะไร
โดยให้สิ่งดีๆต่อกันได้โดยไม่ต้องมีสิ่งใดแลกเปลี่ยน

หากท่านช่วยให้โลกของท่านไม่ขาดความรักได้
มันก็จะช่วยให้กลไกกระบวนการผลิตก๊าซออกซิเจน
ซึ่งเป็นก๊าซมวลเบาที่แกนโลก
มีประสิทธิภาพสูงมากขึ้นในทันที

ถ้าปริมาณก๊าซออกซิเจนในระบบโลกมีอย่างเพียงพอ
ก๊าซออกซิเจนที่เหลือใช้นี้มันก็จะลอยตัวขึ้นสูง
ขณะลอยตัวขึ้นไปมันก็จะผลักดันให้ก๊าซขยะที่มีมวลหนัก
ซึ่งขณะนี้ลอยตัวเป็นเรือนกระจกอยู่รอบโลกนั้น
พากันลอยตัวสูงขึ้นตามไปด้วย
จนในที่สุดก็จะพากันหนีแรงโน้มดึงของโลกไปได้ทั้งหมด

ปัญหาก๊าซเรือนกระจกก็จะหมดไป
ปัญหาการสร้างภาวะโลกร้อนให้เกิดขึ้นใหม่จะเป็นไปไม่ได้แล้ว

ทั้งหมดที่เรากล่าวมานี้เป็นความจริง
ทั้งหมดที่เรากล่าวมานี้ เรากล่าวตามพระบิดา

ขอท่านทั้งหลายจงรับฟังไว้เพื่อเจริญทางปัญญา
เพื่อสร้างความก้าวหน้าทางวิญญาณกันเถิดนะ

เอเมน....สาธุ.....
ป.วิสุทธิปัญญา
6-1-2014