รู้แค่ว่าเก่งอะไรกับทำอย่างไรจึงจะเก่ง
มันไม่เหมือนกัน
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านท
การเป็นคนรู้มากแล้วเที่ยวป
ใช่ว่าจะช่วยสร้างความก้าวห
นอกจากท่านจะแฝงกายทำตัวเสม
เพื่อให้คนอื่นที่เขายังงมง
เพื่อให้คนอื่นที่เขายังสับสนกั
ได้หยิบฉวยคว้าท่านมาเป็นคร
ท่านต้องอย่าลืมว่า
การเป็นครูที่แท้จริงนั้น..
มิใช่แค่นั่งเทียนคิดหาความ
หมายจูงใจให้ผู้คนหลงไหลไปก
แล้วจากนั้นท่านก็ทำเป็นสบั
จนบัดนี้ความรู้ที่ดีๆของผู
จนสไลด์เฉียบๆที่ท่านชอบแชร
มันแทบจะล้นหน่วยความจำของเ
แต่ท่านทั้งหลายแลเห็นความจ
ความรู้ดีๆกับสำนวนเท่ห์ๆเห
พี่ๆน้องๆสามารถจดจำแล้วนำม
เพื่อการเปลี่ยนแปลงตนเอง
เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคม
เพื่อการเปลี่ยนแปลงโลก
ให้มีความก้าวหน้าสถาพร
ให้มีสันติสุขแท้จริง
ให้เกิดความปิติและสงบในนิพ
ให้บรรลุในความหมายทั้งสามป
นักเรียนจึงต้องรู้ว่า.....
1.มิใช่ไม่รู้ว่าตนเป็นครูข
ใครๆก็รู้ว่าคนอื่นๆและทุกส
สามารถเป็นครูของตนเองได้ทั
ถ้า "ครู" หมายถึง ผู้มีความรู้ที่ท่านยังไม่ร
ซึ่งเขาสามารถถ่ายทอดความรู
แต่ท่านจะต้องระลึกเสมอว่า
ครูคนแรกและครูคนสุดท้ายต้อ
โดยเฉพาะความรู้ใดๆที่ท่านต
อย่าให้ใครมาจูงจมูกของท่าน
การจะเป็นครูคนแรกและคนสุดท
เอาไว้โอกาสหน้าเราจะมากล่า
2.มิใช่ไม่รู้ว่าตนต้องเก่ง
ท่านทั้งหลายต่างล้วนผ่านปร
ผ่านประสบการณ์การเรียนรู้ก
จนท่านย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่า
ท่านจะต้องมีความเก่งด้านใด
เช่นถ้าท่านต้องเป็นนักขาย
ท่านย่อมต้องรู้ดีว่าท่านต้
ถ้าจะให้เก่งนำเสนอสินค้าเพ
ถ้าท่านจะขายเก่ง ท่านก็จะต้องคิดเก่ง
โดยคิดเพื่อค้นหาจุดขายของส
เมื่อคิดเก่งแล้วท่านก็ต้อง
การพูดเก่ง นำเสนอเก่ง และขายเก่ง
จึงต้องมาจากการคิดเก่ง เป็นต้น
3.มิใช่ไม่รู้ว่าทำไมตนจึงต
ถ้าท่านปรารถนาที่จะทำสิ่งใ
ท่านย่อมรู้ตนเองดีว่า
ถ้าไม่เก่งจริงในสิ่งที่จะท
คงยากที่จะประสบผลสำเร็จ
การดีแต่ขี้คุย ขี้โม้ โอ้อวดผู้อื่น ด้วยคำพูดเท่ห์ๆ
แต่ยังมองไม่เห็นคุณค่าของค
ความใส่ใจที่จะเรียนรู้เพื่
ให้มีความพร้อมต่อการกระทำส
มันก็บังเกิดขึ้นมาอย่างเป็
ดังนั้น....
ปัญหาของท่าน มันจึงมิใช่ทั้งสามอย่างที่
แต่ปัญหาของท่านทั้งหลาย
มันอยู่ที่ 3 ประการนี้มากกว่า คือ
1.ไม่รู้ว่าตนจะเก่งได้อย่า
2.ไม่รู้ว่าตนจะฉลาดได้อย่า
3.ไม่รู้ว่าตนจะเป็นคนดีของ
ด้วยเหตุนี้เอง "ครู" ที่แท้จริง
จึงต้องสามารถสอนให้คนอื่นเ
โดยฉลาดที่จะทำให้ได้อย่างท
บอกว่าเกิดเป็นคนจะต้องเก่ง
บอกแล้วจะมีใครประทับใจสักก
แต่หากบอกแล้วจะให้ใครๆได้ป
จากความเก่งสาระพัดนั้นจริง
ก็ควรจะสอนพวกเขาด้วยว่า
จะต้องทำอย่างไรจึงจะเก่งได
มิใช่ภูมิใจกับความรู้ใหม่
มิใช่ชื่นชมไปกับคำกล่าวเท่
แต่นำมันไปใช้ประโยชน์ในชีว
ไม่ต่างจาก "เก่งแต่ปาก" นั่นแหละนะ
คนที่จะเรียนรู้ความรู้ทำนอ
อย่าไปหลงตื่นเต้นกับความรู
อย่าไปติดอกติดใจกับสำนวนเท
ควรคิดเองต่อไปว่า
ถ้าท่านจะได้ประโยชน์จากควา
ท่านควรสอนตัวเองว่าท่านจะท
ถ้าท่านเป็นนักขาย
ท่านจะพูดเก่งได้อย่างไร
ท่านจะนำเสนอเก่งได้อย่างไร
ท่านจะคิดเก่งได้อย่างไร
ท่านจะขายเก่งได้อย่างไร
ท่านจะปิดการขายได้อย่างไร
ไม่ใช่รู้แต่ว่าท่านต้องทำอ
แต่ท่านต้องรู้ว่า....
ท่านจะต้องทำมันอย่างไรนี่ต่า
เอเมน....สาธุ.....
ป.วิสุทธิปัญญา
7-01-2015