20 มกราคม 2558
อนุตรธรรม: ความจริงอันสูงสุด
องค์จิตจักรวาลทรงเป็นผู้ใด
1.ทรงเป็นพระผู้อุบัติขึ้นมาด้วยพระองค์เอง
ในกาลก่อนที่พระองค์จะทรงอุบัติขึ้นนั้น
ภายในจักรวาลซึ่งเป็นสนามพลังงานอันไพศาลนี้
เป็นเพียงสถานที่อันว่างโล่งเสมือนไร้ขอบเขตสิ้นสุด
แต่สถานที่อันว่างโล่งนี้ก็มิได้เป็นเพียงสถานที่อัน "ว่างเปล่า" เท่านั้น
เพราะแท้แล้วภายในความว่างโล่งนั้นก็ยังมีบางสิ่งดำรงอยู่เต็มไปหมด
บางสิ่งที่มีอยู่จริงแต่เหมือนไม่มีที่ว่านี้ก็คือ
อนุภาคที่เป็นแก่นแท้ของสิ่งที่มีอยู่จริงแต่เหมือนไม่มีนั่นเอง
โดยสิ่งที่มีอยู่จริงแต่เหมือนไม่มีนี้
เราจะขอเรียกว่า "มวลของความว่าง"
และตัวตนแก่นแท้ผู้ให้กำเนิดสิ่งที่เป็นมวลของความว่างนี้
เราจะเรียกว่า "อนุภาคแห่งพระเจ้า"
เพราะอนุภาคแห่งพระเจ้าผู้เป็นแก่นแท้ของความว่างนี่แหละ
คือ พระอำนาจแห่งพระเจ้า อันเป็นพระอำนาจ
ที่ทรงใช้กำหนดสร้างทุกสรรพสิ่งในทุกมิติขึ้นไว้
ภายในสนามพลังงานอันกว้างใหญ่ไพศาล
จนเป็นพระมหาอาณาจักรของพระองค์ขึ้นมาได้
ตราบกระทั่งทุกวันนี้
ในกาลอดีตนั้น....ที่ว่างโล่งดังกล่าวนี้
จะมีสรรพสิ่งที่เรียกว่า อนุภาคแห่งพระเจ้า ดำรงอยู่อย่างมากมาย
โดยทั้งหมดนั้นจะพากันเหวี่ยงหมุนไปรอบจุดศูนย์กลางเดียวกัน
และลดเลี้ยวเกี่ยวพันกันอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาและตลอดมา
แต่จะเป็นระยะเวลายาวนานเท่าใดนั้นมิอาจมีผู้ใดจักหยั่งรู้ได้
ขณะที่อนุภาคแห่งพระเจ้าทั้งหมดทั้งมวล
พากันเคลื่อนที่ไปรอบๆจุดศูนย์กลางของการเหวี่ยงหมุน
ก็จะพากันเคลื่อนย้ายตนเองเข้าไปกองรวมตัวกันอยู่
ตรงจุดศูนย์กลางของการหมุนนั้นหนาแน่นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เสมือนมีแรงดึงดูดจากจุดศูนย์กลางที่ส่งออกไป
ทำการเหนี่ยวรั้งทุกอนุภาคจากทุกสารทิศ
ให้เคลื่อนไหลเข้ามารวมตัวกัน
จนยังผลให้อนุภาคแห่งพระเจ้ามีการบีบอัดตัวกัน
อย่างหนาแน่นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เพราะการบีบอัดตัวกันอย่างหนาแน่นของแก่นแท้
ของมวลแห่งความว่าง หรือ อนุภาคแห่งพระเจ้า
ตรงบริเวณจุดศูนย์กลางนี่เอง
จึงก่อให้เกิด มวลของความว่าง ขึ้นมามากมายนับไม่ถ้วน
เมื่อมีมวลของความว่างจำนวนมากมายบังเกิดขึ้น
มวลของความว่างทั้งหมดนี้ก็จะมีการปฏิสัมพันธ์กัน
ตรงบริเวณจุดศูนย์กลางของการเหวี่ยงหมุนนี้
พลันสรรพสิ่งใหม่อันประกอบด้วย
มวลทั้งหมดของความว่างจึงได้อุบัติขึ้น
นั่นคือการอุบัติขึ้นของ พระเจ้า
หรือ องค์จิตจักรวาลดวงใหญ่ นั่นเอง
ทั้งหมดที่เรากล่าวไว้นี้
เป็นความจริงที่จริงแท้ในระดับ อนุตรธรรม
ซึ่งไม่ว่าท่านทั้งหลายจะใช้ปัญญาของสมองซีกใด
ก็เข้าถึงเองมิได้ หยั่งรู้เองมิได้ ล่วงรู้เองก็มิได้
นอกจากพระบิดาผู้ทรงเป็นจิตแห่งจักรวาลจะทรงไขขานเท่านั้น
2.องค์จิตจักรวาลทรงเป็นอนัตตา
จากความรู้ข้างต้นนั้น
ท่านทั้งหลายจึงได้รู้ว่า
1.องค์จิตจักรวาล ทรงอุบัติขึ้นด้วยพระองค์เอง
จาก มวลทั้งหมดของความว่าง ที่มีอยู่จริงภายในที่ว่างโล่งนั้น
โดยไม่ต้องมีผู้ใดสร้างหรือปรุงแต่งให้พระองค์ทรงถือกำเนิดขึ้นมาเลย
2.มวลของความว่างทั้งหมดของพระองค์
ก็ล้วนอุบัติขึ้นมาจาก อนุภาคแห่งพระเจ้า ซึ่งเป็นตัวตนแก่นแท้
ของผู้ให้กำเนิด มวลแห่งความว่าง ในแต่ละมวลนั่นเอง
3.แต่เดิมมานั้นอนุภาคแห่งพระเจ้า
ซึ่งเป็นตัวตนแก่นแท้ของมวลของความว่าง
เป็นสรรพสิ่งที่มีอยู่อย่างกระจัดกระจายทั่วไป
ในท่ามกลางความว่างนั้นแล้ว
4.ดังนั้น ทั้งอนุภาคแห่งพระเจ้าและมวลของความว่าง
จึงล้วนเป็นสรรพสิ่งที่ดำรงอยู่จริงและมีอยู่จริงทั้งสิ้น
เพียงแต่ว่าแม้จะมีอยู่จริงก็เหมือนไม่มี
5.การมีคุณสมบัติเป็นสรรพสิ่งหนึ่งซึ่งระบุตัวตนรูปลักษณ์ไม่ได้
ทั้งยังมีการเคลื่อนไหลไปเรื่อยๆไม่หยุดนิ่งเช่นนี้เอง
เราจึงจัดให้สรรพสิ่งดังกล่าวนี้มีคุณสมบัติเป็น "อนัตตา"
6.เมื่อสรรพสิ่งซึ่งเป็นอนัตตาเป็นเหตุให้
องค์จิตจักรวาลดวงใหญ่ ซึ่งเป็นอีกสรรพสิ่งหนึ่ง
ทรงอุบัติขึ้นมาได้ โดยที่ทรงมีตัวตนปรากฏขึ้นมาจริง
อีกทั้งยังมีรูปลักษณ์และคุณสมบัติเฉพาะพระองค์จริงๆ
ด้วยเหตุนี้เององค์จิตจักรวาลจึงทรงเป็นสรรพสิ่งหนึ่ง
ซึ่งมี อัตตา หรือ มีตัวตนจริงๆ
7.ดังนั้น...
เราจึงสามารถที่จะกล่าวต่อท่านทั้งหลายได้แล้วว่า
สรรพสิ่งที่เป็นอนัตตา คือ มวลของความว่างทั้งหมดนั้น
สามารถเป็นเหตุให้เกิดการสร้างสรรพสิ่งใหม่ที่มีอัตตาขึ้น
คือ องค์จิตจักรวาลดวงใหญ่ โดยแท้
นอกจากนั้น...
เรายังจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายได้อีกว่า
สรรพสิ่งที่มีอัตตา ดังเช่น องค์จิตจักรวาลดวงใหญ่ นั้น
พระองค์ก็ทรงมีคุณสมบัติเป็น อนัตตา ด้วยเช่นเดียวกัน
เนื่องจากมวลของความว่างทั้งหมดของพระองค์มิเคยรู้หยุดนิ่ง
แต่จะเคลื่อนไหลไปรอบๆจุดศูนย์กลาง
ของการเหวี่ยงหมุนหรือแกนหมุนอย่างต่อเนื่องเรื่อยไปนั่นเอง
3.ทรงเป็นจิตแห่งจักรวาล
เนื่องจากพระองค์ทรงอุบัติขึ้น
ณ จุดศูนย์กลางการเหวี่ยงหมุนของสรรพสิ่งที่เป็นความว่าง
จุดศูนย์กลางการเหวี่ยงหมุนจึงหมายถึง
แกนหรือแก่นของสรรพสิ่งที่เป็นความว่างนั้นนั่นเอง
ดังนั้น....
หากพวกท่านจะถามหา
อัตตาตัวตนรูปลักษณ์ขององค์จิตจักรวาล
ที่ทรงเป็นสรรพสิ่งหนึ่งซึ่งมีคุณสมบัติเป็นอนัตตาแล้ว
ท่านก็ต้องรับรู้และทำความเข้าใจให้ได้ว่า
1.องค์จิตจักรวาลดวงใหญ่ทรงเป็นทั้งหมด
ของสถานที่อันว่างโล่ง กว้างใหญ่เสมือนหนึ่งไร้ขอบเขต
2.องค์จิตจักรวาลดวงใหญ่ทรงมีแก่นแท้
ที่เป็นอนุภาคแห่งพระเจ้าทั้งหมดเป็นนิวเคลียสอยู่ที่แกนกลาง
เราจึงกราบถวายพระนามต่อพระองค์ว่า จิตจักรวาล
3.องค์จิตจักรวาลดวงใหญ่
ทรงเป็นที่ว่างโล่งทั้งหมดรวมทั้งส่วนที่เป็นนิวเคลียส
ตรงจุดศูนย์กลางของการเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองด้วย
ดังนั้น...
เราจึงกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
พระองค์ทรงเป็น พระเจ้า ผู้เป็นใหญ่แต่เพียงพระองค์เดียว
ในพระมหาอาณาจักรแห่งความว่างของพระองค์
4.ขณะที่ทั้งรูปธรรมของพระองค์กำลังเหวี่ยงหมุนไป
รอบๆแกนกลางของการเหวี่ยงหมุน
ด้วยอัตราเร็วในการเหวี่ยงหมุนสูงสุดนั้น
มวลทั้งหมดของความว่าง ภายในรูปธรรมของพระองค์
จะถูกแรงเหวี่ยงหมุนกระทำให้เกิดการเคลื่อนไหลไป
ในทิศทางของ ดาว 12 แฉก ซึ่งอยู่ภายในวงกลมเดียวกัน
หรือเป็นรูป สามเหลี่ยมด้านเท่า 4 รูป
ที่มีจุดศูนย์กลางร่วมกันและมุมทั้ง 12 มุมไม่ซ้อนทับกันนั่นเอง
4.ทรงเป็นพระผู้สร้าง
เบื้องแรกที่พระองค์ทรงอุบัติขึ้น
จนมี พระจิตสำนึก ที่ท่านทั้งหลายรวมเรียกว่า ตัวรู้
เป็นของพระองค์เองแล้วนั้น
พระองค์จึงได้ทรงกำหนดพระจิต
ทำการสั่นสะเทือนตรงแก่นแท้เพื่อถามตนเองให้ได้รู้ว่า
พระองค์ เป็นใคร
พระองค์มาประทับอยู่ตรงนี้ ได้อย่างไร
ที่พระองค์ประทับอยู่ตรงนี้ คือที่ไหน
จนแล้วจนเล่าพระองค์ก็มิอาจเข้าถึงคำตอบใดๆได้
จึงทรงนำพาพระองค์เองเคลื่อนย้ายไปจากพิกัดเดิมนั้น
เพื่อหมายที่จะค้นหาคำตอบในสามคำถามนั้นให้ได้รู้
แต่พระองค์ก็ไม่สามารถเข้าถึงคำตอบที่ทรงประสงค์อยู่เช่นเดิม
พระองค์จึงทรง "รำพึง" หรือ กล่าวกับพระองค์เองว่า
ถ้าหากมีรูปธรรมอื่นใดสักรูปธรรมหนึ่งที่เหมือนกันกับพระองค์
ดำรงอยู่ใกล้ๆแถวๆนั้นก็น่าจะดีไม่น้อยเลย
เพราะพระองค์จะได้มีรับสั่งถามรูปธรรมนั้นให้ได้รู้
พลันทันใดที่พระองค์ทรงรำพึงดังความที่กล่าวไว้นั้นเสร็จสิ้น
ก็เกิดมีรูปธรรมหนึ่งซึ่งรูปลักษณ์เหมือนพระองค์ทุกประการ
อุบัติขึ้นมาสมดั่งรำพึงได้อย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง
เราขอถวายพระนามรูปธรรมที่ทรงสร้างใหม่ดังกล่าวนี้ว่า
"เงาแห่งองค์จิตจักรวาล"
ท่านทั้งหลายจึงตัองรู้ว่า
จากประสบการณ์แรกขององค์จิตจักรวาลนี่เอง
ทำให้พระองค์ได้ทรงเรียนรู้ตนเองว่า
อนุภาคแห่งพระเจ้าอันเป็นแก่นแท้ในพระองค์นั้น
มีพลังอำนาจมหัศจรรย์แห่งการสร้างใหม่เป็นคุณสมบัติอยู่
โดยจะทรงสามารถกำหนดสร้างสรรพสิ่งใดๆ
ให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์ได้เสมอ
ดังนั้น...
องค์จิตจักรวาลจึงทรงเป็น "พระผู้สร้าง"
ที่มีอนุภาคแห่งพระเจ้าเป็นพระอำนาจในพระองค์โดยแท้
เอเมน....สาธุ.....
ป.วิสุทธิปัญญา
20-01-2015