28 มกราคม 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 28/01/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

ถ้าท่านต้องการจะตายไปจากภพชาตินี้
โดยไม่ต้องการย้อนกลับมาเกิดเป็นมนุษย์โลก
เพื่อจะทุกข์จะแก่จะเจ็บจะป่วยจะตายแล้วเกิดใหม่
หรือเมื่อตายแล้วไม่ต้องตกนรกไม่ต้องมีสังสารวัฏอีก
ซึ่งคนนำทางตาบอดเรียกว่าเข้าถึง พระนิพพาน นั้น
ท่านจะใช้วิธีคิดแบบจิตมนุษย์หรือคิดแบบไร้มิติไม่ได้

คำว่า อย่าคิดแบบจิตมนุษย์ หมายถึง
อย่าคิดโดยใช้ตรรกะเพื่อเข้าถึงสัจธรรมความจริง
ในเรื่องของนิพพานด้วยสมองซีกซ้ายเด็ดขาด
เพราะไม่มีมนุษย์คนไหนจะเข้าถึงความจริงนี้ได้
เพราะเรื่องของ "นิพพาน" นั้นมันเป็น อนุตรธรรม
ซึ่งพระบิดาพระองค์เดียวเท่านั้นที่จะทรงบอกท่านได้

ความคิดอย่างมีตรรกะของคนนำทางตาบอดก็คือ
ถ้าพวกตนต้องการหยุดการเวียนว่ายตายเกิด
ต้องการหยุดการมีสังสารวัฏหรือหยุดวัฏสงสาร
เพื่อจะหนีทุกข์พ้นทุกข์หรือดับกองทุกข์ทั้งหลายได้
พวกเขาต่างล้วนเชื่อกันว่ามีหนทางเดียวเท่านั้นก็คือ
จะต้องดับอัตตาตัวตนของจิตวิญญาณ
เพื่อทำลายอัตตาให้เป็น "อนัตตา" คือไม่มีตัวตนให้ได้
เพราะเชื่อว่า "จิตวิญญาณ" เป็น "ตัวตน" ที่ทำให้เกิด

ดังนั้น
พวกเขาจึงปลีกวิเวกเพื่อไปนั่งวิเคราะห์จิตตนเองว่า
อัตตาตัวตนของจิตวิญญาณนั้นมันคืออะไรกันแน่
ในที่สุดพวกเขาก็จับเอา "ขันธ์ 5" มาเป็นจำเลย

ขันธ์ 5 ก็คือรูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาณ
พวกเขาจึงหลงผิดคิดว่าขันธ์ทั้งห้านี่แหละ
คือตัวตนที่แท้จริงในการเกิดเป็นมนุษย์ของตน
เพราะมองว่ามนุษย์ทุกคนล้วนมีขันธ์ 5 กันทั้งนั้น

พวกเขาจึงหาทางจะดับขันธ์ 5 ของตนกันให้จงได้
ทั้งๆที่แท้จริงแล้วนั้น "ขันธ์ 5" เป็นกลไกของจิต
ที่พระบิดาทรงออกแบบติดตั้งเอาไว้ให้มนุษย์ใช้
เพื่อเป็นเครื่องมือที่จะสั่นสะเทือนใน สองมิติ ได้
ถ้าไม่มีขันธ์ 5 มนุษย์ก็เป็นคนสองมิติไม่ได้
มนุษย์ก็ไม่สามารถใช้ความรักช่วยค้ำจุนโลกได้

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

ความหลงผิดเพราะคิดผิดจนเชื่อผิดอีกอย่างหนึ่ง
ซึ่งคนนำทางตาบอดกระทำต่อจิตวิญญาณตนเอง
รวมทั้งลากพาคนอื่นๆให้ "หลงทาง ตามไปด้วย
เพราะพวกเขาไม่รู้ความจริงระดับ "อนุตรธรรม"
นั่นคือไม่รู้ว่าจิตที่พวกเขากำลังใช้ขณะเป็นมนุษย์
ซึ่งเป็นจิตที่พวกเขามุ่งทำลายอัตตาของขันธ์ 5 นั้น
เป็น จิตหยาบ มิใช่จิตวิญญาณผู้มาเกิดเป็นมนุษย์

เพราะพวกเขาไม่รู้ความจริงว่า
พระบิดาแห่งจิตวิญญาณหรือพระผู้สร้าง
ได้ทรงออกแบบและวางแผนเอาไว้ให้
จิตวิญญาณผู้มาเกิดเป็น "คนสองมิติ" หรือมนุษย์
จักต้องแบ่งภาคตนเองออกมาเป็นกลุ่มพลังงาน
ซึ่งพระบิดาทรงอนุญาตให้เราเรียกว่า "จิตหยาบ"
เพื่อให้จิตหยาบรับเอาคุณสมบัติของจิตวิญญาณ
พร้อมภาระหน้าที่ทั้งหมดรวมทั้ง "ขันธ์ 5" ไว้
จะได้ใช้ทำหน้าที่แทนจิตวิญญาณขณะเป็นมนุษย์

โดยสิ่งใดที่จิตหยาบกระทำไม่ว่ามันจะผิดหรือถูก
จิตวิญญาณในฐานะของผู้มอบอำนาจให้ทำแทน
จักเป็นผู้รับผิดชอบในผลกรรมนั้นๆเสมือนทำเอง
เช่น ถ้าจิตหยาบทำผิดบาปจิตวิญญาณก็จะตกนรก
ถ้าจิตหยาบสร้างบุญกุศลจิตวิญญาณก็รับอานิสงส์
ถ้าจิตหยาบหลงมิติจิตวิญญาณจะหลงทางนิพพาน
โดยจิตวิญญาณของท่านจะไม่สามารถปฏิเสธได้

ดังนั้น
ความผิดพลาดอันยิ่งใหญ่ของมนุษย์ก็คือ
การเชื่อว่าดับขันธ์ 5 แล้วจิตวิญญาณจะเป็นอนัตตา
คือ "ไม่มีตัวตน" อะไรอีกแล้วเพราะเป็นอนัตตาแล้ว
โดยอ้างเอาจากการฝึกให้จิตว่างไปจากความทุกข์
โดยอ้างเอาจากการปลีกวิเวกจนไม่ก่อกรรมใหม่เพิ่ม
เป็นเครื่องชี้วัดตัดสินว่าถ้าพวกตนทิ้งกายสังขารไป
ก็จะเข้าถึงพระนิพพานได้อย่างจริงแท้แน่นอนแล้ว

ทั้งๆที่จิตหยาบซึ่งเป็นตัวแทนจิตวิญญาณ
ที่พวกเขากำลังพยายามจะดับสลายมันอยู่
กับขันธ์ 5 ที่พวกเขาพยายามจะดับมันทิ้งนั้น
พระบิดาได้ทรงออกแบบเอาไว้ให้แล้วว่า
ทั้งสองสิ่งนี้จะดับสลายไปเองเมื่อมนุษย์ตาย
โดยจิตวิญญาณจะรับเอาผลกรรมที่จิตหยาบก่อ
รวมทั้งคุณสมบัติของตนและขันธ์ 5 คืนกลับมา
ก่อนที่เครื่องยนต์แห่งกรรมจะเน่าสลาย

การหลงผิดกระทำผิดเช่นที่เรากล่าวมานี้
มันก็ไม่ต่างจากการ "เกาผิดที่คัน" นั่นแหละ
เพราะต้องการจะกระทำต่อจิตวิญญาณ
แต่ดันไปกระทำที่ "จิตหยาบ" แทน
จนต้องเสียเวลากันมาหลายๆภพชาติแล้ว

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

ถ้าพวกท่านต้องการดับการเวียนว่ายตายเกิด
ถ้าพวกท่านต้องการดับการมีสังสารวัฏ
ถ้าพวกท่านต้องการดับกองทุกข์ทั้งปวง
จงอย่าไปคิดให้มันยากเลยพี่ๆน้องๆแห่งเรา

เพียงแค่ท่านเรียนรู้จากพระโอวาทพระบิดา
ให้หาทาง "หมุนธรรมจักร" ด้วยรักและปัญญา
จากเงื่อนไขทั้งดีและร้ายของคนรอบข้างให้ได้
โดยต้องไม่แสร้งทำเป็นคนที่มีอายตนะพิการ
โดยไม่ต้องมีการละทิ้ง "สังคม" คนรอบข้าง
เพื่อก้าวตามมรรควิถีจิตจักรวาลของพระองค์
ขยะในชีวิตและในจิตวิญญาณของพวกท่าน
มันจะดับสิ้นจนเหลือแต่ความว่างเท่านั้นเอง

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
28/01/2022