20 มกราคม 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 20/01/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงให้ท่านทั้งหลายรู้ว่า
คำว่า นิพพานเทียมเท็จ นั้นเราหมายถึง

1.ความเชื่อที่ว่า
ใครก็ตามเมื่อตายไปจากภพชาตินี้แล้ว
จิตวิญญาณของผู้นั้นจะไม่ย้อนกลับมาเกิดอีก
รวมทั้งจะไม่ไปเกิดใหม่ในภพภูมิใดๆอีกด้วย
เป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้องตรงจริงแต่อย่างใด
เมื่อเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้องตรงจริง
สภาวะนิพพานที่ว่านี้จึงเป็น "นิพพานเทียมเท็จ"

ที่เป็นนิพพานเทียมเท็จก็เพราะเหตุว่า
จิตวิญญาณนั้นๆเมื่อตายไปจากภพชาตินี้แล้ว
แม้จะไม่ย้อนคืนกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกก็ตาม
แต่จิตวิญญาณนั้นก็จะยังคงดำรงอยู่ในจักรวาลนี้
เพราะจะไม่สามารถ "ดับหาย" ไปไหนได้

ที่จิตวิญญาณนั้นๆดับหายไปไหนไม่ได้
เพราะจิตวิญญาณเป็น "กล่องพลังงาน"
ซึ่งมีรูปทรงเรขาคณิตเป็น 6 เหลี่ยมมุม
โดยมีน้ำหนักมวลทางพลังงานเฉพาะตัว
รวมกับน้ำหนักของผลกรรมทั้งด้านบวกด้านลบ
ซึ่งจิตวิญญาณถือติดตัวมาจากอดีตชาติด้วย
เพื่อทำการแก้ไขและชดใช้มันให้หมดสิ้น
แต่ผลกรรมเก่านี้ยังคงมิได้รับการแก้ไขชดใช้
จึงยังผลให้จิตวิญญาณนั้นมีน้ำหนักมวลมากอยู่
ทำให้โลกและจักรวาลดึงดูดเหนี่ยวรั้งเอาไว้
ซึ่งไม่ต่างจากมวลก้อนเมฆแม้จะเบาหวิวแค่ไหน
ก็ยังหลุดพ้นออกไปจากแรงดึงดูดเหนี่ยวรั้งมิได้

ดังนั้น
จิตวิญญาณของคนที่เชื่อในนิพพานเทียมเท็จ
จึงพากันหลงทางนิพพานตามๆกันไปเป็นแถว
โดย "หลุดลอย" ขึ้นไปติดค้างอยู่บนสวรรค์มายา
ซึ่งอาจเรียกว่า "สวรรค์เทียมเท็จ" ก็ได้

เมื่อจิตวิญญาณยังหายตัวไปจากจักรวาลไม่ได้
ตามความเชื่อของคนกลุ่มนี้ที่มีกันมาตั้งแต่ต้น
แสดงว่าจิตวิญญาณนั้นๆก็ยัง "นิพพาน" ไม่จริง

2.ความเชื่อที่ว่า
พวกเขาจะนิพพานได้ก็ต่อเมื่อต้อง "ดับอัตตา"
เพราะถ้าจิตวิญญาณยังมีอัตตาตัวตนอยู่
พวกเขาก็จะหยุดการเวียนว่ายตายเกิดไม่ได้

โดยพวกเขาเชื่อว่า "ขันธ์ 5"
เป็นองค์ประกอบหลักแห่งอัตตาตัวตน
ถ้าสามารถดับขันธ์ 5 ได้สิ้นตนก็นิพพานได้แล้ว
ทั้งชีวิตในทุกภพชาติที่ผันผ่านมา
พวกที่เชื่อในเรื่องนี้จึงพยายามกระทำที่จิตตนเอง
ด้วยการละทิ้งสังคมเพื่อจัดการขันธ์ 5 ให้ได้

พวกเขากำหนดใช้ตัวชี้วัดกันเองง่ายๆว่า
ถ้าสามารถปฏิบัติจิตจนว่างไปจาก ความทุกข์ ได้
โดยเอาความสุขจากความสงบของจิตเป็นตัวชี้วัด
แสดงว่าพวกตนหรือเขาคนนั้นเข้าถึงนิพพานแล้ว
เพราะเชื่อว่าถ้าไม่ทุกข์แล้วแสดงว่าไม่มีตัวตนแล้ว

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

การปฏิบัติจิตจนกระทั่งกำหนดรู้ได้ว่า
ตนว่างไปจากทุกข์จากเดิมที่รู้ว่าตนทุกข์อยู่นั้น
มันเป็นการกำหนดรู้ด้วยจิตตัวเดียวกันใช่หรือไม่
มิเช่นนั้นจะรู้ได้อย่างไรว่า "ตน" ไม่ทุกข์แล้ว
แสดงว่าอัตตาตัวตนที่ต้องการดับมันยังคงอยู่
เพราะจิตมันยังบอกท่านได้อยู่ว่าไม่ทุกข์แล้ว

ดังนั้น
ถ้านิพพานตามความเชื่อของพวกเขาเป็นเช่นนี้
แสดงว่าสภาวะนิพพานที่พวกเขามุ่งปฏิบัติกันมา
จึงเป็น "นิพพานเทียมเท็จ" ชัดเจนยิ่งขึ้นอีก

มนุษย์จะเอาความทุกข์ในชีวิตมาเป็นสาระมิได้
เนื่องจากความทุกข์ทั้งมวลเกิดจากตัวมนุษย์เอง
ที่สั่นสะเทือนขันธ์ห้าไม่ได้ใช้จิตปัญญาไม่เป็น
โดยความทุกข์มิได้เกิดจากขันธ์ห้าแต่อย่างใด
แท้แล้วความทุกข์เกิดจาก "ปัญหา" ต่างหาก
ถ้าจัดการปัญหาได้แก้ไขปัญหาที่เผชิญอยู่ได้
พวกท่านก็ดับทุกข์ได้พ้นจากทุกข์นั้นได้แล้ว

ท่านอย่าเอาขันธ์ห้ามาเป็นจำเลยเพื่อกำจัดมัน
เพียงแค่ฉลาดใช้ขันธ์ห้าด้วยความรักและปัญญา
จัดการกับทุกปัญหาในชีวิตอย่างมี มหาสติ
ตัวท่านก็จะเป็น "คนพ้นทุกข์" กันได้แล้ว
ที่สำคัญคือขันธ์ห้าดับเองได้เมื่อท่านตายแล้ว

3.ความเชื่อที่ว่า
นิพพานคือการตายแล้วจิตวิญญาณจะดับสูญ
โดยจิตวิญญาณจู่ๆก็หายไปเหมือนตาลยอดด้วน
ซึ่งไม่สามารถบอกได้ว่าดับสูญไปได้อย่างไร
ทั้งๆที่จิตวิญญาณก็เป็นรูปธรรมทาง "พลังงาน"
อันเป็นมิติเริ่มต้นที่เป็นแก่นแท้ของสิ่งที่มีอัตตา
มันจะสูญหายไปไหนไม่ได้เลย

ความเชื่อเรื่องนิพพานเช่นที่ว่านี้
จึงเป็น "นิพพานเทียมเท็จ" อีกเช่นกัน

4.ความเชื่อที่ว่า
นิพพานคือการตายแล้วจิตวิญญาณจะเป็นอิสระ
โดยไม่มีตัวตนที่จะตกอยู่ใต้อำนาจของสิ่งใดแล้ว

ความเชื่อเรื่อง "นิพพาน" ในประเด็นนี้
ก็เป็น "นิพพานเทียมเท็จ" เช่นกัน

เพราะความจริงมีอยู่ว่า
ถ้าจิตวิญญาณของท่านผู้มาเกิดเป็นมนุษย์ยุคนี้
มิได้เป็นผู้ที่ถูก "คัดทิ้ง" ในปฏิบัติการชำระโลก
เพื่อเปลี่ยนจากยุคพลังงานเก่าสู่ยุคพลังงานใหม่
ด้วยการถูก "ระเบิดทิ้ง" ให้แตกสลายไปแล้ว
จิตวิญญาณนั้นก็จะยังคงอยู่ในอนันตจักรวาลนี้

เพราะว่าอนันตจักรวาลหรือ "เอกภพ"
เป็นห้องทดลองขนาดใหญ่ของพระบิดา
ที่ทุกสรรพสิ่งภายในห้องทดลองขนาดใหญ่นี้
เป็นเอกภพได้ด้วย กฎแห่งการเป็นหนึ่งเดียวกัน
นั่นคือทุกสรรพสิ่งภายในเอกภพนี้
จะดึงดูดเหนี่ยวรั้งซึ่งกันและกันไว้อย่างมั่นคง
ทุกสรรพสิ่งทั้งเล็กใหญ่ทั้งใกล้และไกลกัน
ต่างจะถูกดึงดูดและเป็นผู้ดึงดูดซึ่งกันและกัน
เพื่อดำรงความเป็นเอกภพหรือเป็นหนึ่งเดียวไว้

ดังนั้น
ทุกสิ่งที่ยังดำรงอยู่ภายในจักรวาลอันไพศาลนี้
รวมทั้งจิตวิญญาณของท่านที่เชื่อว่า
ดับอัตตาจนไม่เหลือตัวตนอะไรอีกแล้ว
ก็จักต้องอยู่ภายใต้สัจธรรมความจริงนี้
คือกฎแห่งการเป็นหนึ่งเดียวโดยไม่มีข้อยกเว้น

ดังนั้น
การนิพพานของท่านทั้งหลาย
ในแบบที่จิตวิญญาณหายตัวไปในอนันตจักรวาล
ที่ได้รับอิทธิพลตามกฎของการดึงดูดเหนี่ยวรั้งอยู่
แสดงว่าจิตวิญญาณของท่านยังไม่เป็นอิสระจริง

ถ้าหากจิตวิญญาณของท่านประสงค์นิพพานจริง
มีหนทางเดียวคือจักต้อง หลุดพ้น ออกไป
จากเอกภพหรืออนันตจักรวาลนี้ให้ได้เท่านั้น
โดยต้องไม่มีจิตวิญญาณรูปธรรมใด
แลเห็นจิตวิญญาณท่านยังอยู่ในอนันตจักรวาลอีก

ด้วยเหตุนี้เองความเชื่อเรื่องนิพพานที่ว่า
นิพพานคือการตายแล้วจิตวิญญาณจะเป็นอิสระ
จะไม่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของสิ่งใดๆแล้ว
จึงเป็น "นิพพานเทียมเท็จ" อีกเช่นกัน

5.ความเชื่อที่ว่าถ้าตายแล้วนิพพาน
จิตวิญญาณมนุษย์ทุกคน
จักต้องกลับไปกราบพระบาทพระบิดานั้น
เป็น "ความเท็จ" เป็นสิ่งไร้สาระ

เพราะคนพวกนี้เชื่อกันว่าเมื่อตนนิพพานแล้ว
ถ้าจิตวิญญาณยังมีรูปธรรมอื่นที่มีอำนาจเหนือ
จนจิตวิญญาณยังต้องนอบน้อมถ่อมใจให้แล้ว
มันล้วนเป็นเรื่องไม่จริงเป็นสิ่งที่เชื่อถือไม่ได้
เนื่องจากขัดกับนิยามความเชื่อเรื่องนิพพานของตน
พวกเขาจึงพากันปฏิเสธเรื่องพระเจ้าเป็นพัลวัน

เพราะคนพวกนี้ไม่เคยรับรู้ว่าพระนิเวศน์ของพระบิดา
ซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของจิตวิญญาณของตน
ที่ประดาผู้นิพพานได้แล้วทุกรูปธรรมจักต้องกลับคืน
มิใช่สถานที่หรือดินแดนที่อยู่ในเอกภพอันไพศาลนี้
แต่มันอยู่ภายนอกอนันตจักรวาลที่ท่านอยู่นี้ต่างหาก
ก็คือ แดนนิพพาน หรือ แดนสุญตา นั่นเอง

เราจึงได้กล่าวย้ำต่อท่านทั้งหลายตลอดมาว่า
ถ้าต้องการตายแล้วจิตวิญญาณไม่มาเกิดอีกนั้น
พวกท่านต้อง "หลุดพ้น" ออกไปจากอนันตจักรวาล
ผ่านทางด่านนภาลัยซึ่งเป็นทางออกไปข้างนอก
ถ้าออกไปได้สำเร็จท่านก็จะเป็นอิสระจากทุกสิ่ง
นอกจากพันธะระหว่างท่านผู้เป็นบุตรกับพระบิดา
ที่จักต้องมีสายใยแห่งรักถักทอกันไว้เพียงเท่านั้น

ท่านทั้งหลายจึงต้องรู้ว่า
สภาวะนิพพานที่แท้จริงนั้น
จิตหยาบเป็นผู้นิพพาน
จิตวิญญาณต่างหากคือผู้หลุดพ้น

ดังนั้น
มรรคผลสูงสุดของมนุษย์ทุกชาติศาสนา
จักต้องด้นเดินไปบนเส้นทางสายเดียวกัน
จักต้องมีวิธีบรรลุธรรมที่เรียบง่ายไม่ต้องฝืน
ไม่ต้องสละสมบัติไม่ต้องปัดปฏิเสธการมีสังคม

จงอ่านทวนบทเรียนล้ำค่านี้หลายเที่ยว
เพื่อยังประโยชน์ต่อจิตวิญญาณของท่านบ้าง
เพราะจิตวิญญาณคือตัวตนที่แท้จริงของท่าน
กำลังรอคอยการช่วยเหลือของจิตหยาบ
ซึ่งเป็นดั่งเงาของตัวท่านเองอยู่นานแล้ว

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
20/01/2022