27 มกราคม 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 27/01/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ถ้าท่านสามารถเข้าถึง สภาวะนิพพาน ได้แล้ว
ภารกิจทางจิตวิญญาณของท่านก็ยังไม่บรรลุนะ
เพราะ "นิพพาน" กับการ "หลุดพ้น" นั้นคนละเรื่อง
จงอย่าเอามาปนเปกันให้มันสับสนอีกต่อไป

คำว่า "สภาวะนิพพาน" ในที่นี้หมายถึง
การที่ "จิตหยาบ" สามารถบรรลุธรรมเบื้องต้น
จนเข้าถึง "โลกิยธรรมและโลกุตรธรรม" ได้สำเร็จ
ด้วยการใช้จิตหยาบหรือจิตมนุษย์นี่แหละ
สั่นสะเทือน "ขันธ์ 5" ให้เกิดเป็น กรรมจักร
ตามที่พระบิดาทรงติดตั้งเอาไว้ให้ตั้งแต่เกิดแล้ว

ต่อจากนั้นถ้าท่านสามารถแทรกแซงกรรมจักร
โดยเปลี่ยนให้เป็น ธรรมจักร ได้เป็นผลสำเร็จ
ตามแบบแผนที่พระบิดาทรงกำหนดเอาไว้ให้ได้
จิตหยาบของท่าน (จิตหยาบนะไม่ใช่จิตวิญญาณ)
ก็จะเข้าถึง สภาวะนิพพานก่อนตาย ในชาตินี้แล้ว

คำว่า "สภาวะนิพพานก่อนตาย" เราหมายถึง
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการที่ท่าน "หมุนธรรมจักร"
ด้วย ความรักเพื่อให้ ในทุกรูปแบบ
เพื่อตอบสนองเงื่อนไขของสิ่งเร้ารอบด้าน
ทั้งเงื่อนไขที่ท่านพอใจหรือไม่พอใจก็ตาม
แทนที่จะหมุนกรรมจักรซึ่งถูกติดตั้งแบบผิดๆไว้

ดังนั้น
สภาวะนิพพานก่อนตายไปจากภพชาติปัจจุบัน
จึงหมายถึงพวกท่านสามารถเข้าถึงสิ่งเหล่านี้ได้

1.ดับขยะในขันธ์ห้าของจิตหยาบได้อย่างสิ้นเชิง
ขยะในขันธ์ห้าที่ว่านี้ก็คือ กิเลส ตัณหา ราคะ
อารมณ์ขยะ อวิชชา สันดาน และ อุปาทาน เป็นต้น

การดับสิ่งเหล่านี้ได้อย่างสิ้นเชิงนี้
แปลว่าท่านสามารถที่จะ "ดับการเกิดดับ" ของมันได้
ซึ่งหมายถึง "นิพพาน" ขยะเหล่านี้ได้สิ้นเชิงนั่นเอง

2.เมื่อท่าน "นิพพาน" ขยะในขันธ์ 5 ได้หมดแล้ว
มันยังจะส่งผลให้ท่าน "ดับผลกรรม" ได้หมดสิ้น
ทั้งกรรมเก่าจากกอดีตและกรรมใหม่ในภพชาตินี้

เพราะจิตที่ว่างไปจากขยะในขันธ์ห้าทั้งหมดแล้ว
เหลือแต่ความรักเพื่อให้ เช่น อดทน อดกลั้น อภัย
หรือจิตที่มีเมตตา กรุณา มุทิตา และ อุเบกขา
ซึ่งใช้สติปัญญาเป็นตัวช่วยสำคัญในการเข้าถึงนั้น
มันจะช่วยให้สอบผ่านบททดสอบ จิตสำนึกแห่งรัก
ที่คนรอบข้างสร้างปัญหาหรือยื่นเงื่อนไขลบมาให้ได้

อีกทั้งจิตที่มีแต่รักเพื่อให้โดยไร้ซึ่งกิเลสนั้น
ท่านจะไม่มีวันก่อกรรมใหม่หรือเกี่ยวกรรมกับใคร
ให้จิตวิญญาณของท่านต้องเดือดร้อนอีกด้วย

ดังนั้น
เมื่อจิตหยาบของท่านดับ "ผลกรรม" ได้หมดสิ้นแล้ว
ตลอดทั้งชีวิตนี้ยังไม่มีการก่อกรรมใหม่ขึ้นมาเพิ่มอีก
ท่านจึงดับการเกิดดับของ "ผลกรรม" ได้อย่างสิ้นเชิง
แสดงว่าท่านนั้น นิพพานกรรม จนหมดสิ้นแล้ว

3.เมื่อจิตหยาบ "นิพพานกรรม" ได้หมดสิ้นแล้ว
มันก็จะส่งผลต่อจิตวิญญาณแก่นแท้ของท่าน
ให้สามารถ "ดับการมีกฎแห่งกรรม" ได้ด้วย
แปลว่าจิตหยาบอยู่เหนือ กฎแห่งกรรม ได้นั่นเอง

ด้วยเหตุนี้เอง
เมื่อจิตหยาบสามารถอยู่เหนือกฎแห่งกรรมได้
ก็จะยังผลให้ "จิตวิญญาณ" แก่นแท้ของท่าน
สามารถที่จะ นิพพานกฎแห่งกรรม ได้ด้วย
เพราะการเป็นทาสกฎแห่งกรรมของจิตหยาบนั้น
จะเป็นเหตุให้จิตวิญญาณของท่านต้องแบกภาระ
ด้วยการเดินทางลงสู่ภพภูมินรกสถานเดียว
เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยรักษาการป่วยด้วยหลงมิติ
ที่จิตหยาบขณะมีชีวิตเป็นมนุษย์เป็นผู้ก่อภาระนี้ให้

4.เมื่อท่านสามารถ "นิพพานกฏแห่งกรรม"
จนไม่มีนรกให้ต้องเสียเวลาลงไปรักษาเยียวยาแล้ว
ผู้ที่นิพพานขยะในขันธ์ห้าของจิตหยาบได้หมดสิ้น
โดยสามารถสอบผ่านได้ทุกบททดสอบจิตสามนึก
เพราะสามารถหมุนธรรมจักรแทนกรรมจักรได้แล้ว
ยังสามารถสอบผ่าน บทเรียนกรรม จากคนรอบข้าง
ทั้งที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรกันมาและที่ไม่ใช่
ด้วยพลังอำนาจทางปัญญาของสมองสองซีก

ดังนั้น
จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่าน
จึงไม่ต้องไปเกิดในภพภูมิอื่นเพื่อเรียนพิเศษ
ไม่ว่าจะเป็นภพภูมิของสัตว์ นรกหรือสวรรค์มายา
เพื่อแก้ไขจิตสามนึกที่ไม่ถูกต้องเสียให้ถูกต้อง
เพื่อสร้างจิตสามนึกใหม่ให้มันถูกต้องยิ่งกว่าเดิม
อันจะเป็นการเวียนเกิดเวียนตายกันหลายภพภูมิ
ซึ่งเรียกว่า "การมีสังสารวัฏ" นั่นเอง

ด้วยเหตุนี้เองถ้าจิตหยาบไม่สร้างปัญหานี้
ให้เป็นภาระแก่จิตวิญญาณของท่านอีกต่อไป
ก็เท่ากับว่าท่าน "ดับการมีสังสารวัฏ" ได้แล้ว
นั่นคือ นิพพานการมีสังสารวัฏ" ได้แล้วนั่นเอง

5.ถ้าท่านสามารถนิพพานทั้ง 4 ประการ
ตามที่เรากล่าวมาทั้งหมด 4 ข้อข้างต้นนั้นได้
ท่านก็จะสามารถช่วยให้จิตวิญญาณไม่ต้องตาย
เพราะว่าจิตวิญญาณไม่มีหน้าที่ต้องตายอีกแล้ว

ดังนั้น
ตัวท่านเองทั้งจิตหยาบและจิตวิญญาณ
จึงสามารถมีชีวิตเป็นมนุษย์ต่อไปได้คือเป็นอมตะ
มีอายุขัยยืนยาวเป็นร้อยปีพันปีหมื่นปีได้สบายๆ
โดยจะไม่มีการแก่ชรา จะไม่มีการเจ็บป่วย
ไม่ต่างจาก Aliens บนดาวดวงอื่นๆแต่อย่างใด
นี่จึงเป็นการ "ดับการเกิดดับของภพชาติ" โดยแท้

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

เราจึงขอย้ำต่อท่านทั้งหลายว่า
ทั้งหมดนี้เป็นความจริงด้าน อนุตรธรรม
ที่คนทั้งจักรวาลนี้ยังไม่มีผู้ใดรู้มาก่อน
นอกจากท่านที่ได้อ่านพระโอวาทกันอยู่นี้เท่านั้น

ท่านทั้งหลายจึงต้องรู้ว่า
พวกท่านต้องนิพพานก่อนตายเท่านั้น
มิใช่ตายแล้วค่อยนิพพานอย่างที่เชื่อกันอยู่

การที่ท่านจะมุ่งนิพพานขณะเป็นมนุษย์นั้น
มันคือการนิพพานของจิตหยาบนะ
จิตวิญญาณของท่านเป็นแค่้ผู้รับผลมิใช่ผู้ปฏิบัติ
โดยการจะเข้าถึง "สภาวะนิพพาน" ได้
ท่านทั้งหลายจะนั่งหลับตาทำอยู่คนเดียว
ใช้แต่จิตกับปัญญาไม่ใช้อายตนะไม่ใช้อวัยวะ
รวมทั้งไม่ใช้คนรอบข้างในสังคมร่วมปฏิบัติด้วย
ท่านก็จะไม่สามารถนิพพานในสองมิติได้เลย
เพราะท่านไม่ใช้ขันธ์ 5 ที่พระบิดาทรงติดตั้งไว้
แผนการที่ทรงวางไว้ให้เป็นอันผิดแผนจึงล้มเหลว

จงอย่าแปลกใจอีกเลยท่าน
บวชนานแล้วใย "นิพพาน" ไม่ได้เป็นเพราะอะไร

การที่บวชมานานแล้วยังหลงทางนิพพานกันอยู่
เพราะพวกท่านไม่รู้ "อนุตรธรรม" ความจริงที่ว่า
สภาวะนิพพานอันเป็น คุณสมบัติ ของแก่นแท้
กับ "การหลุดพ้น" ซึ่งเป็น พฤติกรรม ของแก่นแท้
มันเป็นคนละเรื่องกันเลยพี่ๆน้องๆแห่งเราทั้งหลาย

จงจำเอาไว้เถิดว่า.....
จิตหยาบต้องนิพพาน
จิตวิญญาณจึงหลุดพ้นได้

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
27/01/2022