17 มกราคม 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 17/01/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
สัจธรรมความจริงของโลกที่พวกท่าน
สามารถเข้าใจและเข้าถึงได้ด้วยสมองสองซีก
คงมีแต่ "โลกิยธรรม" และ "โลกุตรธรรม" เท่านั้น
ความจริงระดับ อนุตรธรรม มนุษย์เข้าถึงเองมิได้

โลกิยธรรม หมายถึงสัจธรรมความจริง
ที่มนุษย์ทุกคนสามารถที่จะเข้าถึงมันได้
ด้วยกลไกอายตนะสัมผัสภายนอกทั้งห้าคือ
ตา หู จมูก ลิ้น และกายสัมผัสทำการ "รับรู้"
แล้วใช้จิตร่วมกับสติปัญญาของสมองซีกซ้าย
เพื่อ "เรียนรู้" สิ่งนั้นๆด้วย วิธีวิเคราะห์วิจารณา
ให้ได้รู้ความจริงว่าอะไรเป็นอะไร

แน่นอนว่า
ท่านจักต้องมีความฉลาดในการใช้กลไกอายตนะ
เพื่อสัมผัสรู้ดูเห็นสรรพสิ่งและเรื่องราวต่างๆ
ที่น่าสนใจใฝ่รู้และเป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิต
อีกทั้งท่านยังต้องมีความฉลาดในการใช้จิตหยาบ
"นึก" ตั้งคำถามเพื่อให้ได้คำตอบที่ตนต้องการด้วย
ถ้าจิตนึกถามตนเองไม่ได้ถามไม่เป็นหรือถามไม่ตรง
สมองซีกซ้ายก็จะสร้างกระบวนการคิดให้ท่านไม่ได้
เพราะสมองไม่รู้ว่าจิตหยาบต้องการให้คิดเรื่องอะไร

นอกจากนั้นท่านต้องรู้จักจัดเรียงลำดับการคิดว่า
ไหนควรคิดก่อนหลังอย่างมีลำดับและเป็นระบบด้วย
เพราะสมองสามารถที่จะ คิดได้ทีละเรื่อง เท่านั้น
จิตจะกำหนดให้สมองคิดพร้อมกันหลายเรื่องไม่ได้
ถ้าท่านฝืนทำสมองของท่านก็จะเครียดและคิดไม่ออก
เนื่องจาก พระบิดา ทรงออกแบบไว้ให้เช่นว่านี้

เมื่อท่านสามารถใช้จิตหยาบ นึก คำถาม
เพื่อสั่งให้สมองซีกซ้ายสร้างกระบวนการคิดได้แล้ว
ตัวท่านก็ต้องรู้จักใช้หลักการและเหตุผลเป็นด้วย
เพราะสมองซีกซ้ายมีสติปัญญาให้ท่านใช้เพื่อคิด
ในลักษณะของการ วิเคราะห์แยกแยะ ข้อมูลนั้นๆ
ด้วยหลัก อิทัปปัจยตา โดยยึดเหตุและผลเป็นสำคัญ

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

ท่านทั้งหลายจงจำเอาไว้เสมอว่า
ประสิทธิผลของการคิดด้วยจิตกับสมองซีกซ้าย
เพื่อเรียนรู้ความจริงต่างๆด้าน "โลกิยธรรม" ที่ว่านี้
มันจะอ่อนด้อยจนขาดประสิทธิภาพเสมอ
ถ้าท่านปฏิบัติอย่างไม่ถูกต้องดังต่อไปนี้ คือ

1.ตั้งคำถามตนเองไม่เป็นจนไม่รู้ว่าตนคิดอะไร
2.คิดพร้อมกันมากกว่าหนึ่งเรื่องสมองจะเออเร่อ
3.ไม่เรียงลำดับขั้นตอนในสิ่งที่คิดจนเป็นภาระสมอง
4.คิดโดยมีข้อมูลไม่ครบจนทำให้ตัดสินใจผิดพลาด
5.ขาดการคิดรอบครอบและคิดไม่รอบด้าน
6.คิดขณะจิตไม่สงบสมดุลจนทำให้ท่านไร้เหตุผล
7.คิดในสิ่งไม่ควรคิดจึงคิดทุกเรื่องจนเสียเวลาเปล่า

สำหรับการใช้ ปัญญาญาณ ของสมองซีกขวานั้น
เป้าประสงค์สำคัญก็คือ การสังเคราะห์สัจธรรม
ที่ได้จากผลการคิดวิเคราะห์ค้นหาสัจธรรมความจริง
ด้วย "สติปัญญา" ของสมองซีกซ้ายมาแล้วนั่นเอง
สาเหตุที่ต้องนำความจริงนั้นมา "สังเคราะห์" กันต่อ
ก็เป็นเพราะว่าความจริงด้านโลกิยธรรมที่ได้นั้น
ยังไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการเป็นมนุษย์ได้

การสังเคราะห์โลกิยธรรมเพื่อนำมาใช้ในชีวิตท่าน
ไม่ต่างจากการที่ "พืช" ใช้รากดูดซับสารอาหาร
ที่พระบิดาทรงกำหนดสร้างเอาไว้ให้จากพื้นดิน
เข้าสู่รากแล้วส่งต่อผ่านทางลำต้นไปสู่ใบสีเขียว
เพื่อนำเอาสารอาหารซึ่งเป็นแร่ธาตุต่างๆเหล่านั้น
ทำการ สังเคราะห์แสง ด้วยแดดเพื่อปรุงเป็นอาหาร
ก่อนที่จะนำไปใช้ประโยชน์ในการดำรงชีวิตต่อไป

ในทำนองเดียวกันนั่นแหละท่าน
สัจธรรมระดับโลกิยธรรมก็เป็นแค่ "วัตถุดิบ"
ที่ท่านทั้งหลายจักต้องนำมา "สังเคราะห์"
ด้วยแสงแห่งปัญญาของสมองซีกขวาอีกขั้นหนึ่ง
จึงจะนำมาใช้เป็น "อาหารของจิตวิญญาณ" ได้
อาหารของจิตวิญญาณที่สังเคราะห์ได้แล้วนี่แหละ
ที่เราหมายถึงสัจธรรมระดับ โลกุตรธรรม นั่นเอง

ตัวอย่างเช่น
ถ้าท่านค้นพบความจริงระดับโลกิยธรรมได้ว่า
น้ำจะไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำเสมอ
หากนำความจริงนี้มาสังเคราะห์ด้วยสมองซีกขวา
ท่านต้องได้คำตอบตรงกันที่เป็น "โลกุตรธรรม" ว่า
คนมีมากต้องช่วยเหลือคนมีน้อย
คนที่เป็นผู้ใหญ่ต้องมีเมตตาต่อคนที่เป็นผู้น้อย
ยิ่งมีบุญบารมีสูงมากจักต้องถ่อมตนมาก
น้ำที่ไหลเปรียบได้ดั่งน้ำใจของท่านเอง


จงรีบเร่งติดอาวุธทางปัญญาให้ตนเอง
แล้วรีบเติมน้ำมันให้ตะเกียงของท่านเถิด
พระบิดาทรงติดตั้งสมองให้ท่านไว้สองซีกแล้ว
จงหมั่นพัฒนาทักษะการใช้สมองโดยด่วน
ก่อนที่มันจะเสื่อมไป 10% ในทุกๆ 9 ปี

ยุคนี้เป็นยุคล่าสาวกของมอดมารและเจ้าลัทธิ
ใครที่ยังทำตนเป็นคน "โง่ง่าย" หรือ "ฉลาดยาก"
ใครที่ยังใช้จิตปัญญาเอาชนะกิเลสมารภายในไม่ได้
เช่น ยังอยากเป็นเศรษฐีทั้งๆที่เป็นคนบุญน้อย
หรือยังอยากมีอำนาจเหนือมนุษย์คนอื่นๆ เป็นต้น
ผู้ใดที่ยังคงมีความต้องการลักษณะดังกล่าวนี้
ท่านผู้นั้นก็จะเข้าทางมารกับมอดได้ง่ายมาก

หากพวกท่านเลือกข้างพระบิดา
ก็จงลืมตาก้าวตามเรามาอย่าได้ห่าง
เพราะเราเป็นผู้นำแสงสว่างมาให้พวกท่าน
เพื่อใช้ส่องทางกลับไปกราบพระบาทพระบิดา
จงอย่าหลับตาก้าวเดินในความมืดกันอยู่อีกเลย

กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
17/01/2022