11 มกราคม 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 11/01/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ภารกิจหลักของท่านในการมาเกิดเป็นมนุษย์
ก็คือท่านต้องร่วมมือกันกับคนรอบข้างทุกคน
ช่วยกันทำหน้าที่เป็น "เพื่อนร่วมงาน" กับโลก
ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัวหรือคนในสังคมก็ตาม

คำว่า เพื่อนร่วมงาน กับโลกในที่นี้หมายถึง
พวกท่านทุกคนจักต้องใช้เครื่องยนต์แห่งกรรม
สั่นสะเทือนจิตหยาบผ่านกระบวนการของ "ขันธ์ 5"
คือ รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาณ
ซึ่งเป็นกระบวนการของจิตหยาบในระบบอัตโนมัติ
ที่องค์พระบิดาแห่งจิตวิญญาณทรงติดตั้งเอาไว้ให้
แต่ท่านต้องสั่นสะเทือนมันทางด้านบวกเท่านั้น

พระองค์ทรงออกแบบให้พวกท่าน
ใช้หน้าต่างห้าบานคือ ตา หู จมูก ลิ้นและกายสัมผัส
สัมผัสสิ่งเร้าจากสิ่งแวดล้อมและคนรอบข้างทุกคน
แล้วใช้สิ่งเร้าต่างๆนั้นเป็น เงื่อนไข ของจิตหยาบ
เพื่อกระตุ้นให้เกิดกระบวนการของขันธ์ห้าดังกล่าว
ในรูปแบบของ ธรรมจักร ให้จงได้

การ "หมุนธรรมจักร" ในที่นี้เราหมายถึง
จิตหยาบ ของท่านสามารถสั่นสะเทือนขันธ์ห้าได้
ด้วย ความรักบริสุทธิ์ หรือ "รักเพื่อให้" นั่นเอง
ทั้งนี้ไม่ว่าเงื่อนไขนั้นๆท่านจะพึงพอใจหรือไม่ก็ตาม

โดยท่านจะต้องไม่ตอบสนองเงื่อนไขหรือสิ่งเร้านั้น
ด้วยอารมณ์ขยะรายวันที่เป็นกิเลสตัณหา
เพราะท่านจัดการอารมณ์ขยะของตนได้ด้วย ปัญญา
ในทุกเรื่องราวทุกสถานการณ์และกับทุกคน

ท่านจึงสามารถรักคนที่ทำตัวไม่น่ารักได้
ท่านจึงสามารถให้อภัยต่อคนที่ทำตัวไม่น่าอภัยได้
ท่านจึงสามารถให้สิ่งดีๆกับทุกคนได้อย่างไร้เงื่อนไข
หรือให้โดยไม่คาดหวังว่าจะต้องได้รับสิ่งใดตอบแทน

ถ้าในชีวิตประจำวันของท่าน
หันกลับมาเรียนรู้ที่จะมีทักษะในการรักคนอื่นให้ได้
ในลักษณะของการแลกเปลี่ยน แบ่งปัน และเสียสละ
โดยไม่เอาเปรียบเบียดเบียนกัน ไม่เห็นแก่ตัว ไม่โลภ
ชีวิตแต่ละวันของท่านทั้งหลายก็จะเป็นไปตามธรรม
คือการเป็นสัตว์สังคมตามที่พระบิดาทรงออกแบบไว้
ซึ่งจิตหยาบสามารถใช้ขันธ์ห้าหมุนธรรมจักรได้ด้วย

อีกทั้งคำว่า ทุกข์ กองเล็กกองใหญ่มันจะหายสิ้น
โดยพวกท่านไม่ต้องหนีทุกข์กลัวทุกข์จนซมซาน
เพื่อจะนิพพานด้วยการหาทางตายแล้วหายสาปสูญ
เพราะเชื่อผิดๆว่าตนสามารถดับการเกิดดับของจิตได้
ด้วยวิธีดับขันธ์ห้าซึ่งสวนทางกับ อนุตรธรรม โดยตรง
ทั้งๆที่ควรจะทำให้ตนอายุยืนนับหมื่นปีโดยไม่ต้องตาย
ซึ่งเป็นปฏิบัติการง่ายๆแต่กลับไปคิดไปทำให้มันยาก

ดังนั้น
ท่านจึงไม่สมควรหลับตาก้าวตามคนนำทางตาบอด
ที่พาพวกท่าน "หลงทางนิพพาน" กันมาตลอด
โดยแปลความหมายคำสอนพระศาสดาผิดพลาด
เพราะขาดทักษะการใช้พลังอำนาจด้านจิตตปัญญา
เนื่องจากพวกท่านถูกฝึกให้ "เชื่อตาม" เพื่อทำตาม
มากกว่าจะฝึกทักษะการใช้สมองสองซีกเพื่อคิดรู้

ท่านจงสังเกตกันเอาเองเถิดว่า
บนเส้นทางการปฏิบัติธรรมของคนนำทางตาบอด
ที่พาท่านทั้งหลายทำตามแบบงงๆกันอยู่นั้น
จะอยู่ในรูปแบบของการละทิ้งสังคมเสียเป็นสำคัญ
โดยปฏิเสธคนรอบข้างผู้ช่วยสร้างเงื่อนไขบวกลบ
เพื่อกระตุกกระตุ้นท่านใช้ขันธ์ห้าหมุนธรรมจักรได้

เวลาพวกเขาสอนธรรมะแก่ท่าน
แทบจะทั้งหมดล้วนเป็นหลักการหลักคิดหลักธรรม
โดยชาวบ้านอย่างท่านจะได้ฟังองค์ความรู้มากมาย
แต่สุดท้ายก็นำมาใช้ในชีวิตจริงในสังคมกันไม่ได้
เพราะว่าในคำสอนนั้นเต็มไปด้วย การวิเคราะห์จิต
ซึ่งเป็นพฤติกรรมภายในของจิตมากกว่าอย่างอื่น
เนื่องจากผู้สอนชำนาญการนั่งวิเคราะห์จิตตนเอง
จากปฏิบัติการด้านเท็คนิกสมาธิทั้งชีวิต

การปฏิบัติธรรมของพวกเขาจึงมุ่งที่การปฏิบัติจิต
เพราะพวกเขา ติดทุกข์ อันเกิดที่ในจิต
โดยพวกเขาลืมคิดไปว่าความทุกข์ทั้งปวงของตนนั้น
เกิดจาก ปัญหา ที่มาจากพฤติกรรมของคนรอบข้าง
ที่ทำให้ท่านต้องทน ต้องแก้ไข ต้องหาทางออก
ซึ่งเกิดจากปัญหาในการอยู่ร่วมกันเป็นสังคมนั่นเอง

การเรียนรู้ที่จะรักคนรอบข้าง
การเรียนรู้ที่จะละวางการเห็นแก่ตัว
การเรียนรู้ที่จะละชั่วแล้วหมั่นทำความดี
การเรียนรู้ที่จะยอมรับความแตกต่าง
การเรียนรู้ที่จะไม่สร้างปัญหาให้ผู้อื่น
การเรียนรู้ที่จะเป็นเพื่อนร่วมงานกับโลก
การเรียนรู้ที่จะมีสำนึกแห่งการเป็นผู้ให้

มันจะมีคุณค่ามากกว่า
การแข่งขันกันตีความองค์ธรรมในคัมภีร์
การสั่งสมความรอบรู้ในเรื่องของจิตที่ยากเข้าใจ
การมุ่งทำทุกสิ่งเพื่อให้ตนเองพ้นทุกข์
จนลืมโลกลืมคนรอบข้างลืมภารกิจของจิตวิญญาณ
จนลืมแม้พระผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณของตน
จนลืมแม้กระทั่งจิตวิญญาณแก่นแท้ของตนเอง
ที่รอคอยความช่วยเหลือจากจิตหยาบอยู่ข้างใน

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
11/01/2022