18 มกราคม 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 18/01/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
สัจธรรมความจริงที่มนุษย์โลกต้องรู้
จะมีอยู่ด้วยกันรวม 3 ระดับ คือ
โลกิยธรรม โลกุตรธรรม และ อนุตรธรรม
ซึ่งเราได้ชี้ทางเข้าถึงสัจธรรมให้แล้ว 2 ระดับ
ด้วยการใช้สมองซีกซ้ายคือสติปัญญา
ทำการคิดวิเคราะห์ตามหลักของเหตุและผล
เพื่อให้ได้คำตอบที่ถูกต้องและเป็นความจริง
นี่คือการบรรลุธรรมเบื้องต้นระดับ "โลกิยธรรม"
ส่วนการบรรลุธรรมระดับ "โลกุตรธรรม" นั้น

มนุษย์จักต้องนำเอา "วัตถุดิบ" ที่เป็นโลกิยธรรม
มา "สังเคราะห์" ด้วยพลังแห่งปัญญาญาณ
ซึ่งเปรียบได้ดั่งแสงสว่างจากพลังสมองซีกขวา
เพื่อให้ได้สารอาหารที่เรียกว่า "โลกุตรธรรม"
เมื่อนำมาปฏิบัติใช้ในชีวิตประจำวันของท่าน
ก็จะช่วยให้จิตวิญญาณพ้นจากกองทุกข์ได้

เพราะว่างจาก "กฎแห่งกรรม" จึงไม่ต้องมีภพชาติ
เพราะว่างจากการมีสังสารวัฏจึงไม่ต้องตายอีก
แปลว่าท่านจะเป็นผู้มีอายุขัยยืนยาวเป็นอมตะได้
โดยไม่ต้องเสียเวลาไปกับช่องว่าง ระหว่างภพ
ก่อนจะได้รับโอกาสให้กลับมาเกิดใหม่บนโลกนี้อีก
เพื่อทำหน้าที่เป็น เพื่อนร่วมงานกับโลก ได้ต่อเนื่อง

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

พวกท่านยังจะต้องรู้สัจธรรมอีกระดับหนึ่ง
ซึ่งเป็นความจริงที่สมองสองซีกเข้าถึงเองไม่ได้
เพราะทั้งซีกซ้ายและขวามีหน้าที่จำเพาะตนแล้ว
ปัญหาจึงอยู่ที่ว่ามนุษย์จะเข้าถึง "อนุตรธรรม"
อันเป็นสัจธรรมชั้นสูงที่ว่านี้กันได้อย่างไร
เพราะทุกคนจะต้องรู้ถ้าไม่รู้ก็หลุดพ้นนิพพานมิได้

พระบิดาจึงทรงมีพระบัญชาให้เรากลับมา "สานต่อ"
เพื่อเข้ามาทำหน้าที่กล่าว "อนุตรธรรม" ให้มนุษย์รู้
ซึ่งทรงให้เรากล่าวความจริงในพระนามของพระเจ้า
ด้วยการสื่อถ่ายทอดพระโอวาทลงมาจากพระองค์
ดังเช่นที่เราปฏิบัติสืบเนื่องมากว่าสามสิบปีเศษแล้ว

ดังนั้น
หากท่านทั้งหลายยังไม่ตื่นรู้ว่า เรากลับมาแล้ว
และยังไม่ฉลาดเรียนรู้เพราะยึดติดความเชื่อเดิม
จากการหลับตาก้าวตามคนนำทางตาบอดกันอยู่
จนพากันปฏิเสธพระบิดาและไม่ศรัทธาภารกิจเรา
ท่านก็จะมิอาจ "ล่วงรู้" หรือ "หยั่งรู้" หรือ "ตรัสรู้"
สัจธรรมความจริงที่เป็นอนุตรธรรมที่ต้องรู้ได้เลย
เนื่องจากพวกท่านมีขีดจำกัดในการใช้สมอง

สำหรับโลกยุคสุดท้ายปลายยุคนี้
มีเพียงเราเท่านั้นที่จะสามารถสื่อสารกับพระองค์ได้
เพื่อน้อมรับเอาอนุตรธรรมมาแบ่งปันต่อพวกท่าน
ถ้าหากว่าท่านผู้ใดยังลังเลสงสัยในตัวเรา
เหตุเพราะเข้าถึงปัญญาปาฏิหาริย์ของเรามิได้
ท่านผู้นั้นก็จะมิอาจรู้ความจริงได้ว่า

1.รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาณ
ที่รวมกันเรียกว่า ขันธ์ห้า นั้นมิใช่อัตตาตัวตน

2.คำว่า "วิญญาณ" ในขันธ์ที่ 5 นั้น
มิใช่ จิตวิญญาณ ผู้ขันอาสามาเกิดเป็นมนุษย์
แต่คำว่าวิญญาณนั้นหมายถึง พลังงานจิต
ที่ผลิตสร้างออกมาจากการสั่นสะเทือนของขันธ์ห้า

3.การบรรลุธรรมนั้นมิใช่แค่ตนเข้าถึงนิพพานได้
โดยตีความเอาว่า "นิพพาน" คือการดับสูญทุกสิ่ง
ดับหมดแม้กระทั่งจิตวิญญาณของตนเองด้วย
ทั้งๆที่จิตวิญญาณเป็นรูปธรรมทางพลังงาน
ซึ่งพลังงานนั้นจะไม่มีวันสูญหายไปไหนได้เลย

4.การมาเกิดเป็นมนุษย์ของจิตวิญญาณ
มีภารกิจที่จิตวิญญาณจะต้องปฏิบัติบนดาวโลก
มิใช่จิตวิญญาณท่านมาเที่ยวเล่นหรือเป็นผู้จรจัด
จิตวิญญาณท่านมาเกิดแล้วไม่มีหน้าที่ต้องตาย

เพราะไม่รู้หลายคนจึงพยายามหาทางตาย
โดยมีปณิธานว่าถ้าตายแล้วตนจะไม่กลับมาทุกข์อีก
เมื่อตายแล้วตนก็จะไม่ขอมีสังสารวัฏให้ทุกข์อีก

5.การปฏิบัติธรรมให้บรรลุธรรมขั้นสูงสุดนั้น
มิใช่การปฏิบัติตนอยู่ตามลำพังคนเดียว
มิใช่การวิเคราะห์จิตเพ่งจิตดูจิตของตนคนเดียว
โดยไม่ใช้อายตนะภายนอกทั้งห้าทำหน้าที่เลย

มิใช่การท่องพระคัมภีร์แล้วมานั่งตีความแข่งกัน
ถ้าใครเป็นหนอนคัมภีร์ฝีปากกล้าปัญญาไว
ถ้าใครท่องจำพระคัมภีร์ได้มากกว่าใครอื่น
ก็หยิบมาชี้วัดว่าท่านผู้นั้นบรรลุธรรมขั้นสูงสุดแล้ว
ทั้งๆที่ยังมีการตีความหมายผิดไปจากพระศาสดา
จนเป็นเหตุให้หลงทางนิพพานและขัดแย้งกัน

6.การตอบคำถามอะไรไม่ได้
แล้วอ้างว่ามันเป็น อจินไตย อย่าถามอย่าไปคิด
เดี๋ยวคิดมากไปก็จะกลายเป็นคนสติวิปลาส
ซึ่งเราก็เห็นว่าจริงนะเพราะมีบางรูป
แสดงธรรมต่อญาติโยมแล้วฟังดูก็วิปลาสอยู่

7.ถ้าหันกลับมาทางพระบิดา
ท่านจะไม่แปลความหมายคำว่านิพพานผิดอีก
เพราะคำว่า "นิพพาน" เป็นอนุตรธรรม
ที่หมายถึงการดับการเกิดดับของกิเลสในขันธ์ห้า
จนสามารถคนตนเองให้เป็นมนุษย์ได้สำเร็จ

เมื่อโลกถึงกาลสิ้นยุคพลังงานเก่าแล้ว
จิตวิญญาณจะละทิ้งกายสังขารรูปธรรมมนุษย์
เดินทางออกไปจาก อนันตจักรวาล หรือเอกภพ
ซึ่งเป็นห้องทดลองขนาดใหญ่ของพระบิดา
เพื่อกลับคืนบ้านเกิดเมืองนอนที่ตนจากมานานแล้ว
ถ้าสามารถกลับออกไปได้ก็เรียกว่า หลุดพ้น

8.การเชื่อว่าถ้าตายแล้วจิตวิญญาณต้องดับสูญ
คือการนิพพานตามความเชื่อของตนนั้นไม่ถูกต้อง

การเชื่อว่าถ้าตายแล้ว
จิตวิญญาณของตนยังต้องไปกราบพระบิดา
ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจเหนือกว่าอีก
แสดงว่านิพพานนั้นเป็นเรื่องโกหกเป็นเรื่องไม่จริง
นี่ก็เป็นความเชื่อที่เกิดจากความไม่รู้อีกเช่นกัน
ที่ไม่รู้ก็คือ "อนุตรธรรม" นั่นแหละท่าน

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา


เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
18/01/2022