07 กันยายน 2560

จงอย่าเข้าไปแบกรับกรรมแทน



#คอบคำถาม คุณ‎ ปัณณภัสร์ ภ.พ.‎

ขอเรียนถามท่านอาจารย์ว่า
แบบไหนคือการแทรกแซงกรรมของผู้อื่น
และแบบไหนที่ไม่ใช่....

กราบขอบพระคุณค่ะ

Answer:
*********
1.มนุษย์แต่ละคนล้วนมีกรรมเป็นของตนเอง
คำว่า "กรรม" ในที่นี้หมายถึง การกระทำ
ที่ก่อให้เกิดผลกรรมซึ่งเป็นผลของการกระทำ
ดังกล่าวนั้นขึ้นมา

2.ผลกรรมอันเกิดจากการกระทำของมนุษย์
จะเกิดขึ้นทั้งสองมิติในทุกการกระทำเสมอ
ผลกรรมที่เกิดขึ้นในมิติโลกทางกายภาพ
เช่น ถ้าทำร้ายเขาทำให้เขาเจ็บปวดเจ็บแค้น
ผลกรรมที่เกิดก็คือจะถูกเขาตอบโต้แก้แค้น
ด้วยการทำร้ายกลับคืนมาเช่นเดียวกัน

ขณะที่กรรมเดียวกันนั้น
ยังก่อให้เกิดผลกรรมในอีกมิติหนึ่งด้วย
ซึ่งเป็นมิติคู่ขนานกับมิติโลกทางกายภาพ
โดยที่สองตาเปล่าของมนุษย์มองไม่เห็น
นั่นคือ ผลกรรมในมิติของจิตวิญญาณ
ซึ่งอยู่ในรูปของพลังงานนั่นเอง

3.ผลกรรมที่เกิดขึ้นในมิติทางพลังงาน
ด้านของจิตวิญญาณที่เป็นแก่นแท้ของมนุษย์
จะถูกบันทึกไว้ที่จิตใต้สำนึกของคนๆนั้น
ในรูปของ #บุรพกรรมแม่เหล็ก
ซึ่งเป็นอนุภาคประจุไฟฟ้าทั้งบวกและลบ

โดยพระพุทธองค์ทรงเรียก "ผลกรรม"
ที่เกิดขึ้นมานี้ว่า #วิบากกรรม นั่นเอง

ถ้าเป็นกรรมดีก็จะเกิดเป็นอนุภาคประจุบวก
ถ้าเป็นกรรมชั่วก็จะเกิดเป็นอนุภาคประจุลบ

4.ถ้ามนุษย์ก่อกรรมใดๆไว้ในภพชาตินี้
ก็จักต้องเจอวิบากกรรมนี้ในชาติหน้า
โดยจักต้องพบเจอเรื่องราว เหตุการณ์
หรือสถานการณ์ต่างๆพร้อมตัวตนบุคคล
ที่เกี่ยวข้องกับรหัสบุรพกรรมในอดีตทุกคน
อย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งหมด

ที่ต้องกลับมาพบกันอีกในชาติใหม่
ก็เพื่อเข้าไปอยู่ในสถานการณ์แบบเดิมอีก
#โดยมีตนเองกับคนทุกคนที่เกี่ยวข้อง
#ต้องมาร่วมกันสร้างสถานการณ์เดิมๆนั้น

เพื่อให้แต่ละคนแต่ละฝ่ายได้รับโอกาส
ที่จะตัดสินใจครั้งใหม่เสียให้ถูกต้อง
เมื่อได้เผชิญเงื่อนไขเดิม
ที่ต่างเคยกระทำต่อกันไว้
ถ้าใครตัดสินใจด้วยจิตสามนึกที่ถูกต้อง
กรรมที่ก่อผิดบาปนั้นไว้ก็จะเป็นโมฆะ
บุรพกรรมแม่เหล็กดังกล่าวนั้น
ก็จะเกิดความเป็นกลางทางไฟฟ้า
คือไร้คุณสมบัติแห่งกรรมทันที

5.ถ้าใครเป็นคู่กรรมกับใคร
คนทั้งคู่ที่เกี่ยวกรรมร่วมกันมา
ต่างจะต้องทำหน้าที่ของตนต่อกัน
ให้ดีที่สุดเท่าที่จะกระทำได้
เพื่อจะผ่าน "บททดสอบ" นั้นๆไป

แน่นอนว่า
การกระทำที่ดีที่สุดต่อกันก็คือ

ต้องรักให้ได้แม้เขาจะทำตัวไม่น่ารัก
ต้องให้อภัยเขาให้ได้แม้เขาไม่น่าให้อภัย
ทั้งยังต้องคิดตัดสินใจกระทำตอบให้ถูกต้อง
ด้วยการใช้ปัญญาของสมองให้ได้อีกด้วย
ในลักษณะของการ #ก่อการดี
แม้ว่าเขาคนนั้นจะทำไม่ดีต่อท่านก็ตาม

6.ถ้าในกระบวนการแห่งกรรมของเขา
กำลังดำเนินอยู่โดยมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
เป็นผู้ที่กำลังถูกทดสอบด้วยบททดสอบ
ซึ่งกำลังถูกกระทำที่ไม่ถูกต้องไม่ดีงามอยู่
ปรากฏว่ามี "บุคคลที่สาม" เข้ามาพบเห็น
โดยอาจเป็นเพื่อนหรือญาติพี่น้อง
จึงยื่นมือที่สามเข้าไป #แทรกแซง
เพื่อเข้าไปช่วยเหลือหนึ่งในสองคนนั้น

ถ้าเข้าช่วยคนที่เป็นฝ่ายกระทำไม่ถูกต้อง
โดยรุมกระทำซ้ำเติมฝ่ายที่เป็นผู้ถูกกระทำ
ซึ่งมิใช่หน้าที่หรือกงการอะไรของตนเลย
มันก็จะยังผลให้ผู้ที่ถูกรุมกระทำซ้ำเติม
เสียสมดุลทางอารมณ์รู้สึกนึกคิด
ต่อมือที่สามซึ่งเข้าไปแทรกแซงนั้นทันที

ถ้าฝ่ายผู้กระทำเกิดความรู้สึกยินดี
ที่มีมือที่สามคนนั้นเข้าแทรกแซงช่วยตน
รุมกระทำมิดีมิร้ายต่อคู่กรณีของตนนั้น
แทนที่จะรู้สึกเสียใจไม่ยินดีด้วย
หรือห้ามปรามไว้มิให้เข้ามายุ่งเกี่ยว
มือที่สามผู้ที่เข้าไปแทรกแซง
ก็ได้เข้าไปเกี่ยวกรรมเป็นตัวละครร่วม
กับคู่กรณีทั้งสองโดยไม่รู้ตัวเรียบร้อยแล้ว

7.ถ้าในกระบวนการแห่งกรรมของเขา
กำลังดำเนินอยู่โดยมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
เป็นผู้ที่กำลังถูกทดสอบด้วยบททดสอบ
ซึ่งกำลังถูกกระทำที่ไม่ถูกต้องไม่ดีงามอยู่
ปรากฏว่ามี "บุคคลที่สาม" เข้ามาพบเห็น
โดยอาจเป็นเพื่อนหรือญาติพี่น้อง
จึงยื่นมือที่สามเข้าไป #แทรกแซง
เพื่อเข้าไปช่วยเหลือหนึ่งในสองคนนั้น

ถ้าเข้าช่วยเหลือคนที่เป็นฝ่ายถูกกระทำ
เพราะรู้สึกเดือดร้อนเจ็บแค้นแทน
เนื่องจากทนเห็นคนที่ตนรัก
ถูกรังแกหรือทำร้ายนั้นไม่ได้
จึงก่อการร้ายอย่างใดอย่างหนึ่ง
เพื่อต่อสู้ ตอบโต้ ต่อต้าน ผู้กระทำ
แทนคนที่ถูกกระทำซึ่งเป็นคนที่ตนรัก

มันย่อมยังผลให้ฝ่ายที่กระทำไม่ดี
เกิดการเสียสมดุลทางอารมณ์รู้สึกนึกคิด
ต่อมือที่สามผู้ที่เข้าไปแทรกแซงเขา
ด้วยการก่อการร้ายต่อเขาด้วยเช่นเดียวกัน

ดังนั้น
ผู้ที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกรณีกรรมของผู้อื่น
โดยขาดสติ มีการเลือกข้างและมิใช่หน้าที่
ล้วนเป็นการ #แทรกแซงร่วมกรรม ทั้งสิ้น

8.ดังนั้น
การเข้าช่วยเหลือใครก็ตามที่ท่านเห็นว่า
เขากำลังตกทุกข์ได้ยากหรือมีปัญหา
ก็ต้องฉลาดช่วยเหลือและต้องใช้ปัญญาด้วย

หนึ่ง- จงอย่าเข้าไปแบกรับกรรมแทน
สอง- จงอย่าเข้าไปต่อสู้แก้แค้นแทน
สาม- จงอย่าเข้าไปคิดตัดสินใจแทน

พฤติกรรม 3 ประการนี้แหละ
คือ การ "แทรกแซงกรรม" ของผู้อื่น
ที่มันจะทำให้จิตวิญญาณตนเองเดือดร้อน
ต้องพลอยเกี่ยวกรรมร่วมกับคนอื่นเขา
โดยไม่จำเป็นอะไรเลย

จงหยุดพฤติกรรมเหล่านี้เสีย
อย่าเที่ยว "เจือก หรือ เผือก" โดยไร้สติเลย
มุ่งนิพพานรีบกลับบ้านทางจิตวิญญาณ
ไปกราบพระบาทพระบิดาที่ทรงรออยู่
ภายในภพชาตินี้ก่อนปิดยุคจะดีกว่า

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
7-09-2017