25 กันยายน 2560
สนทนาประสาจิตจักรวาล 3
#สนทนาประสาจิตจักรวาล
พี่น้องที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ความหมายของคำว่า #สุญญตา
ตามมรรควิถีแห่งจิตจักรวาลก็คือ
1.คำว่า "สุญญตา"
มาจากคำว่า "สุญญ" ประสมกับคำว่า "ตา"
2.คำว่า "สุญญ" หรือ ศูนย์
หมายถึง ความไม่มีอยู่ หรือ ความว่าง
3.คำว่า "ตา" หมายถึง
กลไกอวัยวะเพื่อการสัมผัสรู้ดูเห็นสรรพสิ่ง
ของเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
อันประกอบด้วย
ตา หู จมูก ลิ้น กาย และจิต
ที่เรียกว่า "อายตนะทั้ง 6" นั่นเอง
4.ดังนั้น
คำว่า #สุญญตา โดยรวมแล้ว
จึงหมายถึง การว่างไปจากอายตนะทั้งหก
6.การว่างไปจากอายตนะทั้งหก
หมายถึง มี "ตา" แต่เหมือนไม่มี
นั่นคือ
มีตาที่สามารถรับรู้ดูเห็นได้เป็นปกติ
มิได้เป็นผู้มีดวงตาพิการแต่อย่างใด
มีตาไว้เห็นเพื่อเรียนรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
โดยที่จิตใจมิได้สั่นไหวเสียสมดุลไป
จนเกิดกิเลส ตัณหา ราคะทั้งหลายขึ้นมา
เพราะไม่หยิบเอาสิ่งที่เห็นนั้น
มาเป็นเงื่อนไข
การที่ "ตา" มองเห็นสิ่งใด
แล้วรับรู้ว่าอะไรเป็นอะไรด้วยจิตสงบได้
คือความหมายของคำว่า #สุญญตา
7.การว่างไปจากอายตนะทั้งหก
หมายถึง มี "หู" แต่เหมือนไม่มี
นั่นคือ
มีหูที่สามารถรับรู้รับฟังได้เป็นปกติดีอยู่
มิได้เป็นผู้มีหูพิการแต่อย่างใด
มีหูไว้ฟังเพื่อเรียนรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
โดยที่จิตใจมิได้สั่นไหวเสียสมดุลไป
จนเกิดกิเลส ตัณหา ราคะทั้งหลายขึ้นมา
เพราะไม่หยิบเอาสิ่งที่รับฟังนั้น
มาเป็นเงื่อนไข
การที่ "หู" ได้ยินได้ฟังสิ่งใด
แล้วรับรู้ว่าอะไรเป็นอะไรด้วยจิตที่สงบได้
คือความหมายของคำว่า #สุญญตา
8.การว่างไปจากอายตนะทั้งหก
หมายถึง มี "ลิ้น" แต่เหมือนไม่มี
นั่นคือ
มีลิ้นที่สามารถรับรู้รับรสได้เป็นปกติดีอยู่
มิได้เป็นผู้มีลิ้นพิการแต่อย่างใด
มีลิ้นไว้ลิ้มรสเพื่อเรียนรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
โดยที่จิตใจมิได้สั่นไหวเสียสมดุลไป
จนเกิดกิเลส ตัณหา ราคะทั้งหลายขึ้นมา
เพราะไม่หยิบเอารสชาติที่รับรู้นั้น
มาเป็นเงื่อนไข
การที่ "ลิ้น" รับรู้รสชาติ
แล้วรู้ว่าเป็นรสชาติอะไรด้วยจิตสงบได้
คือความหมายของคำว่า #สุญญตา
9.การว่างไปจากอายตนะทั้งหก
หมายถึง มี "จมูก" แต่เหมือนไม่มี
นั่นคือ
มีจมูกที่สามารถรับรู้กลิ่นได้เป็นปกติดีอยู่
มิได้เป็นผู้มีจมูกพิการแต่อย่างใด
มีจมูกไว้ดมเพื่อเรียนรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
โดยที่จิตใจมิได้สั่นไหวเสียสมดุลไป
จนเกิดกิเลส ตัณหา ราคะทั้งหลายขึ้นมา
เพราะไม่หยิบเอากลิ่นที่รับรู้นั้น
มาเป็นเงื่อนไข
การที่ "จมูก" ได้รับสัมผัสรู้กลิ่นใด
แล้วรับรู้ว่าอะไรเป็นอะไรด้วยจิตสงบได้
คือความหมายของคำว่า #สุญญตา
10.การว่างไปจากอายตนะทั้งหก
หมายถึง มี "ผิวกาย" แต่เหมือนไม่มี
นั่นคือ
มีผิวกายที่สามารถรับรู้ได้เป็นปกติดีอยู่
มิได้เป็นผู้มีผิวกายพิการแต่อย่างใด
มีผิวกายอยู่เพื่อเรียนรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
โดยที่จิตใจมิได้สั่นไหวเสียสมดุลไป
จนเกิดกิเลส ตัณหา ราคะทั้งหลายขึ้นมา
เพราะไม่หยิบเอาสิ่งที่ผิวกายรับรู้นั้น
มาเป็นเงื่อนไข
การที่ "ผิวกาย" ได้สัมผัสกับสิ่งใด
แล้วรับรู้ว่าอะไรเป็นอะไรด้วยจิตสงบได้
คือความหมายของคำว่า #สุญญตา
11.การว่างไปจากอายตนะทั้งหก
หมายถึง มี "จิต" แต่เหมือนไม่มี
นั่นคือ
มีจิตที่สามารถนึกคิดได้เป็นปกติดีอยู่
มิได้เป็นผู้มีจิตพิการแต่อย่างใด
มีจิตไว้นึกคิดเพื่อเรียนรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
โดยที่จิตเองมิได้สั่นไหวเสียสมดุลไป
จนเกิดกิเลส ตัณหา ราคะทั้งหลายขึ้นมา
เพราะไม่หยิบเอาสิ่งที่จิตนึกคิดได้นั้น
มาเป็นเงื่อนไข
การที่ "จิต" นึกคิดสิ่งใดขึ้นมาได้
แล้วเรียนรู้ว่าอะไรเป็นอะไรด้วยจิตสงบได้
คือความหมายของคำว่า #สุญญตา
12.พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
การมีกลไกอายตนะทั้ง 6 เป็นสุญญตา
จึงหมายถึง
การมีและใช้อายตนะของท่าน
ในการสัมผัสรับรู้ทุกสรรพสิ่งเพื่อเรียนรู้
โดยเรียนรู้ว่าอะไรเป็นอะไรเท่านั้น
อย่าให้มีการ #รับรู้แล้วรับเอา เด็ดขาด
หากมีการรับเอาของจิตเกิดขึ้นเมื่อใด
สภาวะจิตเดิมแท้ที่สงบสมดุลอยู่
ก็จะเกิดอาการเสียสมดุลไปทันที
จิตของท่านจะทำการหมุน "กรรมจักร"
แทน "ธรรมจักร" ไปในบัดดล
การรับรู้แล้วรับเอาในที่นี้
เราหมายถึงจิตรับรู้แล้วเกิดการปรุงแต่ง
เป็นอารมณ์รู้สึกนึกคิดต้องการต่างๆนานา
ทำให้สภาวะจิตตกต่ำหม่นมัว
จนไม่อาจเข้าถึงพลังแห่งรักบริสุทธิ์ได้
จนไม่อาจเข้าถึงพลังอำนาจแห่งปัญญาได้
13.ถ้าท่านไม่สามารถเข้าถึง
พลังอำนาจแห่งรักบริสุทธิ์
กับพลังอำนาจสูงสุดแห่งปัญญาได้
ท่านก็มิอาจสอบผ่านบททดสอบจิตสำนึก
ทั้งยากและง่ายในชีวิตประจำวันได้
ท่านก็จะเป็นคนพ้นกรรมไม่ได้
#การเป็นคนพ้นกรรม หมายถึง
ก่อกรรมใดๆแล้วไม่เกิดผลกรรมขึ้นใหม่
เช่น ทำความดีแล้วไม่หวังสิ่งตอบแทน
และไม่กระทำการก้าวล่วงผู้อื่น เป็นต้น
14.ท่านทุกคนสามารถปฏิบัติบำเพ็ญ
จนเข้าถึงสภาวะสุญญตาได้อย่างสิ้นเชิง
ตามวิถีแห่งจิตจักรวาลในชีวิตประจำวัน
อันเป็นการปฏิบัติตนไปตามธรรมชาติ
โดยไม่ต้องข่มจิต ข่มใจ
โดยไม่ต้องทรมานเครื่องยนต์แห่งกรรม
ซึ่งสามารถสำเร็จผลได้ในชาตินี้
แต่ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า
ถ้าท่านเป็นฆราวาสประพฤติธรรม
สภาวะสุญญตาจะสำเร็จผลมิได้
ถ้าท่านยังใช้วิธี #ลี้เข้าป่า #ปลีกวิเวก
หลบไปหามุมสงบอยู่คนเดียว
โดยทอดทิ้งสังคมไป
เพราะเข้าใจว่า "สุญญตา" หมายถึง
การนั่งหลับตาอยู่คนเดียวไม่เห็นอะไร
จะได้ไม่มีอะไรให้ปรุงแต่ง
การนั่งปิดหูเพราะอยู่คนเดียวไม่มีเสียงใคร
จะได้ไม่มีอะไรให้ปรุงแต่ง
การนั่งปิดปากเพราะอยู่คนเดียว
จะได้ไม่พูดกับใครให้มีอะไรต้องปรุงแต่ง
การจำกัดเก็บกดรสอาหารบนปลายลิ้น
เพื่อสร้างความคุ้นชินชาเฉย
มิให้เกิดการปรุงแต่ง
การกินอยู่หลับนอนคนเดียว
จะได้ไม่ต้องสัมผัสกลิ่นและกาย
ให้มีอะไรต้องปรุงแต่ง
จงปฏิบัติบำเพ็ญท่ามกลางฝูงชน
จงปฏิบัติตนไปตามธรรมชาติ
จงฉลาดดำเนินชีวิต
จงเข้าถึงพลังศักดิ์สิทธิ์แห่งจิตและปัญญา
จงอย่าหนีเข้าป่าหมายไปสวรรค์คนเดียว
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
24-09-2017