09 กรกฎาคม 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 9/07/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
เรื่องของ #นิพพาน กับเรื่องของ #การหลุดพ้น
ที่คนสอนธรรมะพวกคนนำทางตาบอดสั่งสอนกันอยู่
มันมิใช่เรื่องเดียวกันนะแต่มันเป็นคนละเรื่องกัน
โดย “นิพพาน” นั้นเป็นสภาวะที่จิตหยาบหรือจิตคน
ถูกชำระ #กองกิเลส ทั้งหลายซึ่งเป็นขยะอยู่ในขันธ์ 5
ได้หมดจดอย่างสิ้นเชิง คือ #ดับการเกิดดับ สนิทแล้ว
จึงยังผลให้จิตหยาบของท่านผู้นั้นเข้าถึงความพร้อม
ต่อการปฏิบัติหน้าที่เพื่อ #จิตวิญญาณ ของตนเองได้
 
ถ้าจิตหยาบยังดับการเกิดดับของกิเลสในขันธ์ห้าไม่ได้
จิตหยาบนั้นก็จะยกระดับแรงสั่นสะเทือนทางด้านบวก
ให้สูงขึ้นจนเป็นหนึ่งเดียวกันกับจิตวิญญาณตนเองมิได้
เหตุเพราะกิเลสซึ่งนำไปสู่ตัณหาราคะอารมณ์ขยะต่างๆ
มันจะคอยถ่วงรั้งจิตให้สั่นสะเทือนในมิติที่สูงขึ้นไม่ได้
อีกทั้งยังจะขับเคลื่อนพฤติกรรมขยะออกมาภายนอก
จนเป็นเงื่อนไขลบของคนรอบข้างที่จะ #หมุนกรรมจักร
แทนการ #หมุนธรรมจักร ร่วมกันอีกต่างหากด้วย
 
เราจึงขอกล่าวความจริงที่เป็น #อนุตรธรรม ว่า
พวกท่านจักต้องศึกษาสัจธรรมเพื่อปฏิบัติธรรมให้ถูกต้อง
โดยให้รู้ว่าการปฏิบัติธรรมคือการฉลาดดำเนินชีวิตในสังคม
ด้วยการปฏิบัติตนไปตามธรรมชาติคือไม่ดัดจริตไม่คิดอุตริ
มีความสุขกับการเป็นมนุษย์มีความสงบระงับอยู่ในสังคม
มีมหาสติในตนเองท่ามกลางความวุ่นวายจากคนรอบข้าง
มีปณิธานแห่งนิพพานเพื่อหลุดพ้นอย่างมั่นคงและจงใจ
 
จงอย่าปล่อยให้จิตวิญญาณจมปลักอยู่กับกองกิเลส
ด้วยการหิวกระหายกิเลสอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก
โดยอ้างว่าต้องทำมาหากินต้องทำมาหาเก็บเพราะกลัวอด
อันเป็นที่มาของการกลัวจนสู่การอยากเป็นเศรษฐีมีลาภยศ
จนไม่มีช่องว่างระหว่างวันเพื่อทำภารกิจของจิตวิญญาณ
แถมยังใช้เวลาเสาะแสวงหากลอุบายสไตล์มอดมารมาใส่ตัว
เพื่อสั่งจิตวิญญาณให้ช่วยเรียกทรัพย์สินเงินทองโชคลาภ
ให้ตอบสนองกิเลสตัณหาราคะของจิตหยาบอีกต่างหาก
โดยไม่รู้ว่าการสั่งจิตใต้สำนึกแทนการใช้จิตสามนึกแบบมนุษย์
มันคือการทำให้ “จิตวิญญาณตนเอง” เกิดการ “ตายผ่อนส่ง”
จนในอีกไม่ช้าท่านผู้นั้นก็จะเข้าถึงสภาวะการ #ตายก่อนตาย
โดยจิตวิญญาณบรรลุภารกิจเป็นมนุษย์มิได้กลับบ้านก็ไม่ได้
 
ดังนั้น
ค่านิยมของการปฏิบัติธรรมในทุกวันนี้
จึงหนักไปในทางทำบุญเบื้องล่างไปก่อสร้างเบื้องบน
หมั่นทำบุญกันหลายหนเพื่อจะได้บุญกุศลกันหลายๆครั้ง
ซึ่งเป็นพฤติกรรมจิตหยาบที่แสดงออกแบบ #เห็นแก่ตัว
อันเกิดจากถูกกิเลสมารเข้าครอบงำจิตหยาบดั่งสนิมเกรอะ
ยังผลให้จิตหยาบชำรุดจนทำงานเพื่อจิตวิญญาณของตน
และทำงานเพื่อโลกเสรีตามหน้าที่แท้จริงที่ตนต้องทำไม่ได้
 
พอนานวันนานปีผ่านมาจนทุกวันนี้
ผู้ใส่ใจในธรรมหลายคนจึงไม่รู้ว่าตนปฏิบัติธรรมกันทำไม
หลายคนจึงไม่รู้ว่าปฏิบัติธรรมคือปฏิบัติอย่างไรกันแน่
ปฏิบัติธรรมเพื่อ #ให้เขา หรือปฏิบัติธรรมเพื่อ #เอาเอง
จนยังผลให้ผู้ใฝ่ธรรมกลับมีสนิมกิเลสครอบงำจิตหยาบ
โดยมีบทบาทของความโลภปรากฏชัดในการดำเนินชีวิต
เพราะกลัวลำบากกลัวอดหยากเพราะอยากจะเป็นเศรษฐี
 
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
จงดูวิหคนกกาสิงสาราสัตว์ในธรรมชาติสิ
พวกเขาทั้งหมดก็เป็นบุตรของพระบิดาที่ทรงรักทั้งสิ้น
จะไม่ทรงทอดทิ้งสัตว์โลกให้ต้องตายเพราะอดหยาก
จะไม่ทรงยอมให้ลูกๆลำบากในการปลูกพืชผลกินเอง
จึงทรงปลูกพืชผักผลไม้แม้ต้นหญ้าเอาไว้ให้บนแผ่นดิน
เพียงแค่ขยันตื่นเช้าขยันออกหาเก็บกินกันอย่างเสรี
โดยไม่ต้องโลภ ไม่ต้องงกกักตุน ไม่ต้องกลัวอดตาย
แต่พวกมันจะกินกันแค่อิ่มแล้วเหลือไว้ให้ผู้อื่นได้กินต่อ
 
พวกท่านเป็นมนุษย์ฉลาดกว่าสัตว์หลายเท่า
ท่านต้องรู้ว่าพระบิดาทรงปลูกสร้างธัญญาหารไว้มากพอ
เพื่อสนองความต้องการทางกายสังขารให้ท่านมีชีวิตรอด
ใยต้องกลัวอดตายใยต้องกลัวกระหายใยต้องกลัวไม่พอ
พวกท่านสามารถหว่านไถเพาะปลูกอาหารเพื่อกินเองได้
มีหนึ่งสมองกับสองมือที่จะทำรวยทำความเป็นเศรษฐีได้
มนุษย์อย่างพวกท่านมีศักยภาพเจ๋งกว่าสัตว์เสียอีก
ใยยิ่งฉลาดกว่ามีพลังอำนาจมากกว่าสัตว์จนจัดการเองได้
จึงยิ่งขลาดกลัวว่าจะอดตายจะลำบากยากจนกันด้วยเล่า
 
นกกาสัตว์ป่าทั้งหลายสามารถใช้ชีวิตในธรรมชาติได้
เพราะพวกเขาเรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติให้เป็น
พวกเขาไม่ใช้กิเลสเป็นเครื่องนำทางในการดำเนินชีวิต
จิตพวกเขาจึงไม่มีความทุกข์จากการยึดติดสิ่งนั้นสิ่งนี้
จิตจึงไม่มีความรู้สึกหรือความ “รู” สึก ที่อายตนะเป็นเหตุ
อันเป็นที่มาแห่งความทุกข์ดังเช่นที่เกิดกับจิตมนุษย์
 
หากท่านทั้งหลายยังไม่รู้และไม่เข้าใจว่า
การปฏิบัติธรรมคืออะไร ต้องปฏิบัติอย่างไร
ปฏิบัติธรรมเพื่อใคร ยังไม่รู้ว่าถือศีลปฏิบัติธรรมทำไม
รู้เพียงแค่ว่าตนปฏิบัติตามคำสอนพระศาสดาเท่านั้น
 
หากท่านยังหลงผิดในเรื่องนิพพานกันอยู่
ยังพยายามถามหาว่า “แดนนิพพาน” อยู่ที่ไหนกันอยู่
ยังเพียรดับขันธ์ห้าดับอัตตาเพื่อนิพพานกันอยู่
ยังเชื่อว่าแดนสวรรค์มายาเป็นแดนนิพพานกันอยู่
ถ้าท่านทั้งหลายเป็นผู้มีคุณสมบัติเหลวไหลเหล่านี้
จิตหยาบของท่านก็จะไม่สามารถเข้าถึง “การหลุดพ้น”
ของตัวตนที่แท้จริงของท่านคือจิตวิญญาณผู้มาเกิดได้
เพราะจิตหยาบหลงเสพติดกิเลสจนเมามายไร้สตินั่นเอง
 
ท่านทั้งหลายจงจำไว้ว่า
จิตหยาบมีหน้าที่นำพาจิตวิญญาณของท่าน
ให้เข้าถึงมรรคผลสูงสุดที่มนุษย์ทุกคนต้องทำ
เพื่อช่วยให้จิตวิญญาณคือตัวท่านเองนั่นแหละหลุดพ้น
ด้วยอนุตรธรรมความรู้ใหม่ที่พวกท่านไม่รู้ว่าไม่รู้ดังนี้
 
1.ท่านต้องช่วยให้จิตวิญญาณ
หลุดพ้นเป็นอิสระจากการถูกกักบริเวณไว้ที่พิทูอิทารี
โดยต้องหมุนธรรมจักรด้วยความรักในชีวิตประจำวัน
เมื่อเผชิญบททดสอบทั้งดีร้ายจากคนรอบข้างให้ได้
 
เพราะการยกระดับมิติของจิตหยาบจากมิติที่ศูนย์
มันเกิดขึ้นตั้งแต่นาทีแรกที่มีการปฏิสนธิในครรภ์แม่แล้ว
โดยต้องยกระดับให้ต่อเนื่องสู่มิติที่สูงขึ้นเรื่อยๆให้ได้
เมื่อยกระดับถึงมิติที่ 6 เป็นผลสำเร็จเมื่อไหร่นั่นแหละ
จิตหยาบกับจิตวิญญาณจะสั่นสะเทือนเป็นหนึ่งเดียวกัน
จะยังผลให้จิตวิญญาณหลุดพ้นออกจากที่กักกันนั้นได้
เพื่อขับเคลื่อนเครื่องยนต์แห่งกรรมทำหน้าที่มนุษย์เอง
นี่คือสภาวะแห่งการหลุดพ้นขั้นแรกที่พวกท่านไม่เคยรู้
แต่เป็นหน้าที่ของจิตหยาบจะต้องทำไม่ทำไม่ได้!
 
จงอย่าลืมขอบคุณคนรอบข้างทุกคนด้วย
เพราะพวกเขาคือเพื่อนร่วมงานของท่าน
ที่คอยช่วยยื่นเงื่อนไขดีร้ายมาให้ท่านใช้เป็นเงื่อนไข
เพื่อยกระดับแรงสั่นสะเทือนจิตหยาบทางด้านบวก
สู่มิติที่สูงขึ้นเรื่อยๆตลอดทั้งวันเวลา
ขณะในอดีตที่ผ่านมาท่านมองว่าพวกเขาคือ #ศัตรู
ทั้งไอ้เวรนั่น! อีเวรนี่! เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย วุ่นวายไปหมด
 
2.เมื่อจิตหยาบเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณ
เพราะท่านช่วยให้จิตวิญญาณได้รับอิสรภาพได้แล้ว
ภารกิจแห่งการหลุดพ้นในขั้นที่สูงขึ้นไปอีกก็คือ
 
ท่านทั้งหลายจักต้องช่วยเป็นเงื่อนไขให้คนรอบข้าง
สามารถปลดปล่อยจิตวิญญาณของเขาให้มีอิสรภาพ
ด้วยการเป็นเงื่อนไขด้านบวกต่อทุกๆคนในทุกโอกาส
เพื่อช่วยให้พวกเขาสั่นสะเทือนขันธ์ห้าในจิตหยาบ
ทำการหมุนธรรมจักรตามท่านไปด้วยให้จงได้
หมายถึงชวนพวกเขาให้ไปสวรรค์นิรันดรร่วมกับท่าน
โดยไม่ไปสวรรค์พระนิเวศของพระเจ้าแค่เพียงคนเดียว
จิตวิญญาณของเพื่อนมนุษย์จะเข้าถึงการหลุดพ้นได้
ก็เพราะมีท่านเป็นเงื่อนไขให้ในลักษณะนี้นั่นเอง
จากนั้นพวกเขาก็จะหันไปช่วยคนรอบข้างทุกๆคน
ให้จิตวิญญาณแก่นแท้เป็นอิสระกันได้อย่างต่อเนื่อง
ด้วยการหมุนธรรมจักรร่วมกันแบบแพร่กระจายออก
 
3.การหลุดพ้นในขั้นตอนสุดท้ายก็คือ
เมื่อจิตหยาบของพวกท่าน
สามารถหยุดการตายของกายสังขารคือเป็นอมตะได้
โดยมีพัฒนาการทางจิตตปัญญาและกายสังขาร
อย่างต่อเนื่องได้โดยไม่มีภพชาติไม่มีการเกิดใหม่
เพื่อมาเริ่ม Set Zero จากมิติศูนย์ให้เสียของเก่าที่ทำไว้
 
ถ้าท่านยังครองมหาสติ
ยังมีปณิธานแห่งนิพพานเพื่อการหลุดพ้นอยู่
จนสามารถใช้จิตวิญญาณหมุนธรรมจักรได้บริบูรณ์แล้ว
จิตหยาบจะช่วยให้จิตวิญญาณยกระดับขึ้นจากมิติที่ 6
ไปสู่มิติที่ 7-10 ตามลำดับได้เรื่อยๆอย่างอัตโนมัติ
ในขณะที่ยังมีชีวิตเป็นมนุษย์อยู่ในระบบโลกนี่แหละ
 
จากมิติที่ 10 จิตวิญญาณท่านจะมุ่งตรงสู่ด่านนภาลัย
อันเป็นประตูคอกแกะที่พวกท่านผ่านเข้ามาในเอกภพ
เพื่อถอดถอนบางอย่างออกไว้ที่นั่นขึ้นสู่การมีมิติที่ 11
แล้วรวมตัวกันเป็นหนึ่งกับจิตจักรวาลดวงเล็กผู้มี 11 มิติ
ซึ่งเป็นตัวตนภาคแรกของจิตวิญญาณของท่านเอง
ที่ถูกยึดตรึงไว้ ณ ด่านนภาลัย จนไร้อิสระมานับหมื่นปี
ก่อนที่จะ “หลุดพ้น” ออกไปจากแรงดึงดูดของเอกภพ
 
ทั้งหมดคือ “อนุตรธรรม” ของพระเจ้า
ที่บุตรของพระองค์ที่อยู่ในเอกภพหรืออนันตจักรวาล
ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครรู้ว่าตนไม่รู้ ไม่มีคุรุใดจะบอกท่านได้
นอกจากองค์จิตจักรวาลผู้ทรงรักพวกท่านเสมอ
โดยทรงให้เรากลับมากล่าวพระโอวาทนี้ต่อพวกท่าน
ในพระนามของพระองค์ช่วงก่อนปิดยุคพลังงานเก่า
เพื่อการพิพากษาโลกกับมนุษย์ขั้นสุดท้ายแล้ว
ท่านผู้ใดมีหูมีสติปัญญาที่สามารถใช้มันได้ก็จงฟังเถิด
 
กราบพระบาทพระบิดาผู้ทรงเมตตามนุษย์สุดประมาณ
 
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
9/07/2022