13 กรกฎาคม 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 13/07/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
คนที่พูดจาโกหกเพื่อหลอกลวงผู้อื่นนั้น
หมายถึงคนที่มีพฤติกรรมแบบต่างๆดังต่อไปนี้
 
1.พูดในเรื่องที่ไม่ตรงกับความจริง
2.พูดในสิ่งที่ตนไม่รู้หรือรู้ไม่จริง
3.พูดไม่ตรงกับสิ่งที่ตนรู้อยู่
4.พูดเพื่อจูงให้คนอื่นเข้าใจผิด คิดผิด หลงเชื่อ
5.พูดเพื่อเอาดีใส่ตัว แล้วเอาชั่วใส่คนอื่น
6.พูดเพื่อใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่นให้เสื่อมเสีย
 
คนที่เคยพูดโกหกแล้วมีคนเชื่อมีคนคล้อยตาม
คนที่เคยพูดโกหกแล้วทำให้ตนเองพ้นผิด
คนที่พูดโกหกแล้วตนได้รับประโยชน์โภชน์ผล
 
คนพวกนี้ถ้าหากเคยทำสำเร็จได้ครั้งหนี่งแล้ว
การประพฤติผิดบาปในครั้งต่อๆไป
พวกนี้ก็จะกระทำซ้ำได้ง่ายขึ้นยิ่งขึ้น
 
ยิ่งถ้ามีการประพฤติโกหกบ่อยขึ้นๆเรื่อยๆ
เขาคนนั้นก็จะกลายเป็นคนเสพติดการโกหก
โดยเป็นผู้มี "จริตสันดานโกหก" ไปในที่สุด
โกหกทั้งๆที่ไม่มีผู้ใดกดดันให้ต้องพูดโกหกเลย
 
แต่ท่านทั้งหลายจะต้องรู้ว่า
ถ้าท่านทำให้ตนเองมีสันดานโกหกเสียจนเคยตัว
โดยเฉพาะในเรื่องที่ "ใหญ่ขึ้น" กว่าปกติ
อย่างเช่นกรณีนิทานเรื่อง "เด็กเลี้ยงแกะ" แล้ว
หากมีคนจับโกหกได้ท่านก็จะหายนะตลอดชีวิต
เพราะต่อไปจะไม่มีใครเชื่อถือคำพูดของท่านอีกเลย
แม้ครั้งหน้าท่านจะกล่าวความจริงมิได้โกหกก็ตาม
 
นอกจากนั้นถ้าเป็นการพยายามจะโกหก
เพื่อจะทำให้คนอื่นเชื่อในเรื่องไม่จริงที่เป็นเรื่องใหญ่
เพื่อหาประโยชน์ให้ตัวเองด้วยอำนาจกิเลสในจิตตน
ซึ่งมันจะต้องโกหกให้ "แนบเนียน" มากกว่าปกติแล้ว
สิ่งหนึ่งที่จิตมนุษย์ของท่านมันจะเกิดอาการเลยเถิด
คือสร้างเรื่องเท็จเพื่อ "โกหกตัวเอง" ให้สำเร็จก่อน
 
ถ้าท่านสร้างเรื่องเท็จเพื่อโกหกตัวเองได้
โดยทำให้ตนเองเชื่อว่าเรื่องเท็จนั้นเป็นเรื่องจริง
ในทางจิตวิทยาของคนโกหกจำพวกนี้
จะทำให้เกิดความมั่นใจและความกล้าหาญมากขึ้น
ในการกล่าวคำโกหกนั้นเหมือนดั่งมันเป็นเรื่องจริง
เหมือนดั่งคนที่กำลังพูดความจริงทุกประการ
ซึ่งเป็นการประพฤติชั่วโดยไม่รู้ตัวว่าชั่วเพราะไร้สติ
 
นักการเมือง พ่อค้า แม่ค้า นักธุรกิจ
รวมทั้งเจ้าลัทธิอุตริที่มิได้มีองค์ความรู้เป็นของตัว
แต่แอบขโมยเอาความรู้ของครูคนอื่นๆมาทำ "ต้มยำ"
โดยจำของครูคนนี้มาหนึ่งประโยคแล้วเติมเข้าไปอีกสิบ
ซึ่งสิบประโยคที่เติมก็เป็นความรู้ของครูคนอื่นๆทั้งนั้น
แล้วนำมา "ต้ม" คนที่เขาไม่รู้เสียจน "สุก" ว่า
เป็นความรู้อันยิ่งใหญ่ของ "กูเอง" กูสื่อมาเองทั้งนั้น
 
พวกคนหน้าหล่อแต่ใจคดที่ไร้สัจจะและขาดคุณธรรม
เพราะเห็นแก่อำนาจและผลประโยชน์ส่วนตนทั้งหลาย
พวกที่หลอกลวงได้แม้กระทั่งหลอกตัวเองนี้
จะสำแดงการหลอกลวงเพื่อล่าสาวกได้อย่างหน้าด้าน
เพราะไม่สำนึกรู้ว่าตนกำลังทำบาปชั่วและน่าอาย
ยิ่งมีคนโง่ง่ายไปหลงกราบไหว้บูชาเป็นมหาโค้ชเข้า
จิตชั่วก็ยิ่งเหิมเกริมยิ่งหลงตัวเองอวดอุตริมากยิ่งขึ้น
เจ้าลัทธิพวกนี้จึงมีสันดานโกหกตลอดอายุขัยที่เหลือ
เพราะไม่โกหกก็หากินไม่ได้เนื่องจากจะไม่มีใครเชื่อ
จึงต้องแอบลอกเลียนคนอื่นเอามาปรุง "ต้มยำ" ขาย
ภายใต้อำนาจกิเลสทั้งของคนขายและฝ่ายคนซื้อ
 
คนจำพวกนี้
เป็นพวกที่จะทำให้จิตวิญญาณป่วยเพราะหลงมิติ
จากการมีสันดานพูดโกหกให้ผู้อื่นเสียหาย
แต่โกหกแล้วทำให้ตนเองเป็นฝ่ายได้ประโยชน์
กับพวกเจ้าลัทธิอุตริที่หากินด้วยการขาย "ต้มยำ"
จะถูกส่งตัวลงไปนรกเพื่อดัดสันดานของจิตกับปาก
ด้วยการถูกลงโทษที่ปากและลิ้นให้เจ็บปวดสุดๆ
ให้ทุกข์ทรมานสุดๆเพื่อสร้างสำนึกด้วยปัญญาให้ได้ว่า
ปากเป็นอายตนะสำคัญควรเอาไว้กินแต่สิ่งดีๆ
ควรเอาไว้พูดความจริงพูดแต่สิ่งที่เป็นมงคลเท่านั้น
จะใช้ปากโกหกโป้ปดมดเท็จทำร้ายใครไม่ได้
 
ความเจ็บปวดทุกข์ทรมานของปากกับลิ้น
เพราะถูกลงโทษในแดนนรกนั้น
เป็นการสร้างสำนึกใหม่ทางจิตปัญญา
เพื่อช่วยเยียวยาจิตวิญญาณที่หลงมิตินั่นเอง
อีกทั้งการสร้างสำนึกใหม่ให้ปัญญาแก่จิตวิญญาณ
เพื่อการสำนึกรู้ดีชั่วบุญบาปในนรกนั้นก็แสนทรมาน
เพราะจิตวิญญาณไม่มีสมองเป็นเครื่องช่วยสำนึก
 
ถ้าใครตกนรกเพราะสาเหตุหนักหนานี้
ก็จะต้องใช้เวลาตกนรกกันค่อนข้างนาน
กว่าจะได้กลับขึ้นมาผุดเกิดบนโลกพระบิดาได้อีก
 
แต่สำหรับเจ้าลัทธิอุตริหลอกลวงสาวก
เพื่อแสวงหาลาภผลด้วยวิธีการปรุงต้มยำขาย
โดยขโมยวัตถุดิบและสารตั้งต้นมาจากคนอื่น
จนทำให้สาวกหลงธรรมหลงทางนิพพานกลับบ้าน
ก็จะตกนรกขุมที่ลึกกว่านรกขุมที่สิบสาม
คือนรกอเวจีที่จิตวิญญาณจะถูกหมกไหม้อยู่ในนั้น
โดยจะไม่มีวันได้ผุดเกิดอีกตราบชั่วกาลนิรันดร
เพราะพระบิดาจะส่งลงไปทำหน้าที่ #ถ่วงโลก ไว้
เพื่อมิให้แกนหมุนโลกส่ายขณะที่โลกเหวี่ยงหมุน
 
ส่วนพวกที่ลักขโมยอนุตรธรรมจากพระโอวาท
แม้ได้รับพระเมตตาตักเตือนแล้วมิรู้สำนึกใดๆ
เพราะจิตบอดเนื่องจากมีสนิมกิเลสเกรอะกรังอยู่
ขณะยังมีชีวิตจิตวิญญาณจะถูกสุมเผาด้วยไฟร้อน
แล้วจะถูกโบยด้วยหวายพระบิดาคือถูกสายฟ้าฟาด
กายสังขารจักเป็นเถ้าถ่านจิตวิญญาณจักแตกระเบิด
เพราะกระทำผิดกฎแห่งกรรมของจักรวาลสากล
 
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
 
โลกนี้แม้จะเป็นดาวแห่งทางเลือกเสรี
ชนิดที่ใครเลือกจะทำดีทำชั่วก็ได้
แต่ท่านก็ต้องยอมรับผลกรรมดีชั่วที่ตัวทำนั้น
อย่างไม่มีข้อแม้และไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น
 
พฤติกรรมขโมยความรู้ของคนอื่น
ไปลอกเลียนแบบดัดแปลงหรือทำซ้ำหากิน
นี่ก็จะถูกลงโทษตามกฎหมายฐานละเมิดลิขสิทธิ์
 
พฤติกรรมขโมยอนุตรธรรมพระบิดา
ที่สื่อผ่านพระวจนะพระบุตรเอกแต่เพียงผู้เดียว
ลักเอาไปโดยไม่ถวายพระเกียรติแก่พระองค์
แล้วนำไปกล่าวสอนสาวกของตนให้หลงผิด
เพราะใช้กิเลสบิดเบือนอนุตรธรรมให้เสื่อมเสีย
ทั้งๆที่ตนไม่มีหน้าที่จะกล่าวอนุตรธรรมได้
จึงผิดกฎของจักรวาลฐานก้าวล่วงนั่นแหละ
 
ผู้ใดที่ก้าวล่วงพระผู้เป็นเจ้าตั้งแต่อดีตกาลที่ผ่านมา
ชีวิตบั้นปลายล้วนจบไม่สวยแม้แต่รายเดียว
 
กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา
 
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
13/07/2022