12 กรกฎาคม 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 12/07/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
#โจทย์ข้อแรก ที่ศัตรูของมนุษย์ต้องทำให้สำเร็จ
เพื่อให้พวกตนดำรงชีวิตอยู่ในระบบโลกนี้ได้ตลอด
คือต้องจัดการให้ความเข้มสนามแม่เหล็กโลกลดลง
หรือต้องจัดการให้สนามแม่เหล็กโลกเปลี่ยนไป
เป็นแบบที่เครื่องยนต์แห่งกรรมของพวกตนต้องการ
 
เมื่อพวกศัตรูรู้ความจริงได้แล้วว่า
พลังอำนาจแม่เหล็กโลกที่เข้มข้นแข็งแกร่งนั้น
เกิดจากแรงสั่นสะเทือนทางจิตสามนึกด้านบวก
ในแบบ #พลังร่วมแห่งหมู่คณะ ของมนุษย์โลก
ที่เป็นผลผลิตจากการสั่นสะเทือนของจิตหยาบ
เมื่อมีสิ่งเร้าผ่านอายตนะภายนอกเข้ามากระทบจิต
จนเกิดเป็นความรักเพื่อให้และเกิดปัญญาเพื่อเรียนรู้
 
โดยเดิมทีพระบิดาหรือพระผู้เป็นเจ้าทรงออกแบบไว้
ให้จิตหยาบสั่นสะเทือนตอบสนองสิ่งเร้าด้วย"ขันธ์ทั้งสี่"
ซึ่งเป็นกระบวนการง่ายๆมิใช่ขันธ์ห้าอย่างในปัจจุบัน
เมื่อตาหูจมูกลิ้นหรือกายได้สัมผัสกับสิ่งเร้าภายนอก
คลื่นพลังงานจากการสัมผัสก็จะถูกส่งไปยังตาที่สาม
คือต่อม “ไพเนียล” ให้ #รับรู้ ว่ามีสิ่งเร้าอยู่ภายนอก
จิตหยาบตรงตาที่สามก็จะสร้างกระบวนการสั่นสะเทือน
เพื่อการตอบสนองสิ่งเร้าหรือเงื่อนไขนั้นทันที
 
ขันธ์ที่ 1 ก็คือ #รูปขันธ์
อันเป็นขั้นตอนแรกที่จิตจะรับรู้ดูเห็นรูปธรรมนามธรรม
ที่กลไกอายตนะภายนอกส่งเป็นรหัสสัญญาณเข้ามาให้
 
ขันธ์ที่ 2 ก็คือ #สัญญาขันธ์
อันเป็นขั้นตอนที่สองเมื่อจิตเกิดการรับรู้สิ่งเร้านั้นแล้ว
โดยจิตหยาบหรือจิตมนุษย์จะสั่นสะเทือนเป็นความรัก
เพื่อตอบสนองสิ่งเร้าที่ตนรับรู้ได้ทุกรูปแบบเสมอ
ไม่ว่าจะเป็นรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เหตุการณ์ เรื่องราว
ไม่ว่าสิ่งนั้นมันจะเป็นเงื่อนไขที่ดีหรือร้ายต่อตนเองก็ตาม
พระบิดาได้ทรงออกแบบให้นำความรักจากสัญญาขันธ์
ออกมาตอบสนองสิ่งเร้าทั้งหลายนั้นได้โดยอัตโนมัติ
เพราะจิตหยาบมีความรักบริสุทธิ์ให้ใช้แค่คุณสมบัติเดียว
ที่ได้รับการแบ่งภาคออกมาจากจิตวิญญาณแก่นแท้
ซึ่งเป็นจิตวิญญาณผู้ถือกำเนิดจากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น
จึงไม่มีคุณสมบัติทางจิตอย่างอื่นให้เลือกใช้นั่นเอง
 
ในขั้นตอนของ “สัญญาขันธ์” นี้
ถ้าสิ่งที่จิตสัมผัสรู้ดูเห็นนั้นตนเคยมีประสบการณ์มาก่อน
จิตก็จะระลึกรู้ได้เองทันทีว่าสิ่งนั้นเรื่องนั้นคืออะไร
ซึ่งพระบิดาทรงกำหนดให้เป็นกระบวนการอัตโนมัติ
เพื่อมิให้มนุษย์บุตรของพระองค์ต้องลำบากยากเข็ญ
แต่ถ้าสิ่งที่จิตสัมผัสรู้ดูเห็นอยู่นั้นตนไม่เคยมีประสบการณ์
ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรมาก่อนจิตก็จะกระตุ้นตนเองอัตโนมัติ
ให้เกิดการสั่นสะเทือนเป็นความอยากรู้อยากเห็นทันที
 
ขั้นตอนที่ 3 ก็คือ #สังขารขันธ์
อันเป็นขั้นตอนที่สามเมื่อจิตเกิดการรับรู้สิ่งเร้านั้นแล้ว
ขั้นตอนนี้จิตหยาบจะตอบสนองสิ่งเร้านั้นด้วยความรัก
โดยท่านจะมองเห็นความน่ารักของสิ่งนั้นๆได้ง่ายๆ
เพราะพระบิดาทรงสร้างทุกสรรพสิ่งไว้รายรอบตัวท่าน
ให้มีคุณสมบัติเหมือนกันในความแตกต่างอันหลากหลาย
นั่นคือ ความน่ารักน่าชมน่าทนุถนอมและน่าอนุรักษ์
 
เมื่อท่านหยิบยื่นความรักบริสุทธิ์ให้กับสิ่งนั้นแล้ว
จิตก็จะใช้ความอยากรู้อยากเห็นจากสัญญาขันธ์
ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญที่จิตวิญญาณได้ถือติดตัวมา
จากด่านนภาลัยเพื่อให้ใช้งานในตอนที่เกิดเป็นมนุษย์
โดยเมื่อใดที่จิตวิญญาณสามารถหลุดพ้นกลับบ้านได้
ค่อยแวะลงตรงประตูมิติคือ #ด่านนภาลัย
เพื่อนำเอาคุณสมบัติที่เป็นความอยากรู้อยากเห็นนี้
กลับไปคืนตรงวิหารสีขาว ณ ด่านแห่งนี้ก่อน
จึงจะสามารถหลุดพ้นจากห้องทดลองของพระบิดา
คือ เอกภพหรืออนันตจักรวาลอันไพศาลนี้ได้
 
ดังนั้น
พวกท่านจึงสามารถใช้ความรักกับความอยากรู้
นำไปสู่กระบวนการเรียนรู้ด้วยจิตตปัญญาด้านบวก
ที่เรารวมเรียกว่า #จิตสามนึกด้านบวก นี่แหละ
โดยใช้พลังอำนาจจิตด้านบวกอันเกิดจากความรัก
ขับเคลื่อนกระบวนการคิดของสมองสองซีกของท่าน
เพื่อวิเคราะห์และสังเคราะห์สัจธรรมตามพลังปัญญา
ในอันที่จะกระทำตอบสนองต่อสิ่งเร้าทุกรูปแบบ
เพื่อเป็นเงื่อนไขด้านบวกต่อกันได้อย่างง่ายดายยิ่ง
ซึ่งมันคือ #การหมุนธรรมจักรร่วมกัน อย่างต่อเนื่อง
ตามที่พระองค์ทรงออกแบบไว้นั่นเอง
 
ขั้นตอนที่ 4 ก็คือ #วิญญาณขันธ์
อันเป็นขั้นตอนสุดท้ายของจิตที่ทรงออกแบบไว้
ให้มนุษย์เป็น “คนสองมิติ” ด้วยขันธ์ 4 มาตั้งแต่แรก
 
โดยขณะที่จิตสั่นสะเทือนในมิติทางพลังงาน
เพื่อการขับเคลื่อนสติปัญญาของสมอง
ให้เกิดเป็นกายกรรม วจีกรรม ตอบสนองสิ่งเร้า
ในมิติทางกายภาพในขันธ์ที่ 3 ดังกล่าวแล้ว
จิตหยาบของมนุษย์ก็ยังเป็นเหตุให้ต่อมไร้ท่อต่างๆ
เกิดการสั่นสะเทือนตามในมิติทางพลังงานไปด้วย
ซึ่งเราเรียกว่าจิตสั่นสะเทือนใน #มิติคู่ขนาน กัน
เพื่อผลิตพลังงานจิตด้านบวกเหวี่ยงออกมาให้โลก
อันเป็นภารกิจของจิตวิญญาณที่พากันขันอาสามา
ช่วยกันใช้ความรักค้ำจุนสมดุลโลกเอาไว้ให้ได้
ให้ทำหน้าที่กัน 6 หมื่นปีต่อหนึ่งยุคโดยไม่ต้องตาย
 
ที่เรากล่าวมาเรื่อง “ขันธ์ 4” ข้างต้นนี้
เพื่อบอกความจริงที่เป็น #อนุตรธรรม ให้รู้ทั่วกันว่า
เดิมทีคนสองมิติอย่างพวกท่านทั้งหลายนั้น
พระบิดาทรงเมตตาออกแบบไว้ให้ใช้แค่ขันธ์ 4
มิใช่ขันธ์ 5 อย่างยุคปลายนี้แต่อย่างใด
หากท่านอ่านทบทวนที่เรากล่าวถึงกระบวนการขันธ์สี่
เพื่อทำความเข้าใจกันหลายๆรอบแล้วจะรู้ได้เองว่า
การเป็นคนสองมิติเพื่อสั่นสะเทือนจิตหยาบด้วยรัก
และเพื่อใช้สติปัญญาของสมองสองซีกอย่างฉลาดนั้น
มันมิได้ยุ่งยากและมิได้ลำบากปฏิบัติอะไรเลย
 
แต่พอมันเป็นขันธ์ 5 เท่านั้นแหละ
มนุษย์โลกทั้งหลายก็ “งานเข้า” นับตั้งแต่บัดนั้น
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
 
ผู้ที่ทำให้พวกท่านล้มเหลวในการเป็นมนุษย์
เพราะไม่สามารถปฏิบัติภารกิจทางจิตวิญญาณ
ในการใช้เมตตาธรรมช่วยกันค้ำจุนโลกเอาไว้ให้ได้
หรือร่วมมือร่วมใจกันหมุนธรรมจักรไม่ได้
เพราะถูกศัตรูของมนุษย์เข้าแทรกแซงกระบวนการ
เพื่อทำให้สิ่งง่ายๆกลายเป็นเรื่องยุ่งยากซับซ้อน
 
จนยังผลให้พลังงานแม่เหล็กโลกต้องอ่อนแอลง
จนทำให้ดาวโลกเสียสมดุลรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
เจ้าของโลกเองกลับต้องอยู่ในระบบยากขึ้นทุกวัน
ขณะที่ศัตรูผู้เป็นมอดทุกตัวกลับกระดี๊กระด๊ายิ่งขึ้น
เพราะพวกเขามีความแข็งแรงและอยู่ง่ายขึ้นทุกวัน
 
พวกเขาจัดการอย่างไรกับมนุษย์บ้าง
โปรดติดตามความจริงระดับอนุตรธรรมในครั้งหน้า
 
กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตาลูกแกะทุกตัว
 
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
12/07/2022