30 มีนาคม 2563

" ประสบการณ์ CoVID19 " สิ่งดีๆที่จะช่วยให้ท่าน "รอด"



"ประสบการณ์ CoVID19"
****************************
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

เราจัด "ยาแรง" ขนานที่ 7 ให้นักเรียนโลก
ที่กำลังอยู่ในกระบวนการ "ไซโคโชว์" ขั้น 2
ในบทเรียนกิจกรรม ชื่อ "โควิด-19"
ให้ทุกคนได้เผชิญกับเงื่อนไขใหม่
จากการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของไวรัส
หลังจากพวกเขาเข้าสู่ภายในร่างกายมนุษย์
ในเวลาไม่เกิน 30 วัน เท่านั้น

นั่นคือ เมื่อเข้าสู่ร่างกายภายในแล้ว
ถ้าพบว่าใครคนนั้นมีการสั่งสมประจุลบมาก
โคโรน่าไวรัสตัวที่กินประจุลบ
จากเม็ดเลือดจนอิ่มตัวแล้ว
ก็จะรีบแบ่งตัวทำการขยายพันธุ์เพิ่มทันที
ถ้าใครมีประจุลบเกาะอยู่กับเม็ดเลือดแดงมาก
ไวรัสก็จะทำการแบ่งตัวขยายพันธุ์เพิ่มมาก
เพื่อจะช่วยกันเก็บกินประจุลบให้หมด
ตามหน้าที่ของไวรัสที่ถูกกำหนดไว้อย่างนั้น

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

ในดีย่อมมีเสีย ในเสียย่อมมีดี
ในการแบ่งตัวจากหนึ่งเป็นสองของไวรัสนี้
เป็นการแบ่งประจุไฟฟ้าออกจากกันด้วย
โดยตัวที่เป็นบวกเมื่อกินประจุลบแล้ว
ไวรัสนั้นก็จะเป็นกลางทางไฟฟ้าไม่บวกไม่ลบ
ต่อเมื่อแบ่งตัวออกจากกันเป็นฝาแฝดแล้ว
ตัวหนึ่งก็จะมีประจุบวกอีกตัวหนึ่งจะมีประจุลบ

ยาแรงที่ท่านจะได้รับก็คือ
ตัวท่านจะมีไวรัสที่เป็นตัวเชื้อโรคเพิ่มขึ้น 
จะมีไวรัสตัวดี 50% อีก 50% เป็นไวรัสตัวร้าย
ไวรัสตัวดีที่เป็นบวกจะช่วยเก็บกินประจุลบ
แต่ไวรัสตัวร้ายที่เป็นลบจะกินประจุบวกแทน
ซึ่งในร่างกายของท่านจะมีบวกมากกว่าลบ
เมื่อบวกถูกทำลายไปมากๆเข้า
เม็ดเลือดแดงก็จะเหลือน้อยลง

ซึ่งไวรัสตัวร้ายเหล่านี้
จะพากันเดินทางไปพร้อมกับเลือดที่มีประจุลบ
ซึ่งเป็นทั้งเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดดำ
โดยเม็ดเลือดดำจะถูกขนส่งไปฟอกที่ปอด
เจ้าไวรัสวายร้ายจึงพากันไปทำงานอยู่ที่ปอด
เพื่อคอยดักกินประจุลบจากเม็ดเลือดแดงอยู่ที่นั่น

จึงยังผลให้เซลปอดที่ถูกไวรัสยึดเกาะฝังตัวอยู่
เมื่อรู้ตัวว่ามีข้าศึกตัวร้ายกำลังบุกรุกตนจนอักเสบ
จึงออกคำสั่งทำลายตัวเองพร้อมเชื้อโรคทันที
แต่เนื่องจากเชื้อไวรัสมีจำนวนมากๆๆๆขึ้นเรื่อยๆ
ขณะที่มนุษย์คนนั้นขยันผลิตประจุลบตลอดเวลา
เซลปอดจึงทำลายตัวเองไปเรื่อยๆจนชำรุด
แล้วในที่สุดปอดก็พังระบบการหายใจก็ล้มเหลว
อันเกิดจาก "น้ำท่วมปอด" นั่นเอง

ด้วยเหตุนี้เอง
มนุษย์จึงสรุปว่า "โคโรน่าไวรัส" 
เป็นไวรัสที่โจมตีระบบทางเดินหายใจ
คือ ทั้งปอดและหลอดลม
จนทำให้เสียชีวิตด้วยทางเดินหายใจล้มเหลว

ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าโคโรน่าไวรัส
เข้าสู่ร่างกายมนุษย์ผ่านทางจมูกปากและตา
เมื่อมันยึดเกาะเนื้อเยื่อของทางเดินหายใจ
แล้วพบว่าใครคนนั้นมีเลือดที่เป็นลบอยู่
ก็จะเจาะฝังตัวเข้าไปในเส้นเลือดนั้นทันที
เพื่อดักกินประจุลบที่เม็ดเลือดลำเลียงผ่านมา

หากท่านจะมองให้เห็นภาพ
ก็สังเกตดูพฤติกรรมของ "ยุง" ตัวที่เกาะท่านสิ
ไม่มียุงตัวไหนตะกละเกาะปุ๊ปเจาะปั๊ปหรอก
เขาจะเกาะนิ่งๆก่อนแล้วใช้ปากแหลมๆ
ที่มีหนวดอยู่สองเส้นคล้ายหนวดแมลงสาป
ทำการส่ายไปส่ายมาเพื่อควานหาประจุลบ
ที่เม็ดเลือดแดงจะลำเลียงผ่านมาทางนั้น

โดยหนวดยุงสองเส้นจะสามารถรับรู้คลื่นไฟฟ้า
จากกระแสเลือดที่จะไหลผ่านมาตรงนั้นได้ว่า
เส้นเลือดไหนจะมีประจุลบไหลผ่านมาบ้าง
เจ้า "ยุง" ก็จะใช้ปากเจาะลงไปในเส้นเลือดนั้น
เพื่อดักดูดเอาเลือดเสียหรือเลือดชั่วออกมาให้
ยุงที่กินเลือดจนอิ่มแล้วก็จะบินจากไป
พอมันวางไข่แล้วภายใน 7 วันมันก็ตาย

แต่โคโรน่าไวรัสที่กินประจุลบจากเลือดจนอิ่ม
พวกเขาจะต่างจากยุงก็ตรงที่พวกเขาไม่ตาย
ยังแบ่งตัวขยายพันธุ์เพิ่มทำร้ายท่านได้อีกด้วย

ท่านทั้งหลายจึงต้องรู้ว่า
การที่พระบิดาสร้างตัวเชื้อโรคขึ้นมา
ก็เพื่อให้ช่วยกำจัดประจุลบจำนวนไม่มาก
ที่มนุษย์อาจสติแตกจิตตกเมื่อเจอบททดสอบ
ที่ตนร่วมออกแบบขีดเขียนกันขึ้นมาเอง
เพราะรักไม่ได้ ให้อภัยไม่เป็น 

ในอดีตกาล
มนุษย์จึงไม่เคยป่วยเป็นโรคตายเพราะเชื้อโรค
บรรพบุรุษส่วนใหญ่ล้วนมีอายุขัยยืนยาวทั้งนั้น

โรคระบาดร้ายแรง โรคประหลาดๆ
ไม่เคยมีในระบบโลกเหมือนยุคหลังนี้
ที่คนส่วนใหญ่ตายเพราะป่วยด้วยโรคร้าย
มากกว่าการตายเพราะโรคชรา

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะบอกความจริงให้ท่านรู้ว่า

ใครที่รับเชื้อโรคมรณะนี้เข้าสู่ร่างกาย
โดยเป็นผู้มีมหาสติและมีปณิธานแห่งนิพพาน
ที่มุ่งปฏิบัติบำเพ็ญกันมาอย่างเคร่งครัด
ตามมรรควิถีจิตจักรวาลมานานแล้ว
จนมีเม็ดเลือดแดงที่ประจุลบยึดเกาะอยู่
ไม่เกิน 30%ของจำนวนเม็ดเลือดแดงทั้งหมด
ที่มีอยู่ในร่างกายของท่านผู้นั้น

เราขอยืนยันว่าพวกท่านจะปลอดภัย!!!
เพราะเชื้อไวรัสจะไม่ขยายพันธุ์ในกายท่าน
เมื่อพวกเขาเข้าสู่ร่างกายท่าน
เก็บกินประจุลบจำนวนไม่มากจนหมดสิ้น
พวกเขาก็จะถูกเม็ดเลือดขาวเข้าสลายอัตตา
เพราะกินอิ่มแล้วไร้พิษสงไปไหนไม่รอด
เหมือนยุงที่กินเลือดจนอิ่มบินไม่ไหวนั่นแหละ
ส่วนไวรัสตัวที่เป็นบวกที่เหลืออยู่
เมื่อเห็นว่าร่างกายของคนนั้นไม่มีลบให้กินอีก
พวกเขาก็จะพากันออกจากร่างกายท่าน

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

ถ้าท่านจะทำกิจกรรมไซโคโชว์ขั้นที่สองนี้
ด้วยการดำเนินไปให้ตลอดรอดฝั่ง
โดยไม่ป่วยหรือไม่ตายเสียก่อนแล้ว
นอกจากจะระวังไม่ให้ติดเชื้อ
เมื่อติดเชื้อแล้วต้องไม่แพร่เชื้อให้คนอื่น

เมื่อติดเชื้อแล้วท่านต้องได้รับความรอด
ท่านยังต้องปฏิบัติดังนี้ด้วย คือ

1.หยุดโกรธ หยุดโลภ หยุดงมงาย
หยุดลุ่มหลง หยุดระแวงสงสัย หยุดอาฆาต
หยุดอิจฉาตาร้อนใคร หยุดหึงหวง
หยุดวิตกจริต หยุดคิดก้าวล่วงใคร ฯลฯ

เพราะจิตที่สั่นสะเทือนเป็นอาการเหล่านี้
มันจะยังผลให้เกิดการผลิตประจุลบใหม่ๆ
เพิ่มขึ้นมาภายในร่างกายอยู่ตลอดเวลา
ซึ่งเป็นอาหารอันโอชะของไวรัสตัวนี้เลย
ถ้าท่านยังไม่ยอมละเลิกละวางในสิ่งนี้เสีย
โดยมัวแต่เถียงแย้งว่าพระศาสดาก็ยังกิน
ในสถานการณ์สงครามเชื้อโรคที่รบกันอยู่
นอกจากนิพพานไม่ได้ก็ยังเสี่ยงตายอีกด้วย

2.หยุดกินเลือดเนื้อของสัตว์เด็ดขาด
เพราะการรับโปรตีนจากสัตว์ทุกชนิดเข้าไป
มันจะเป็นเหตุให้เลือดข้นหรือเหนียวหนืด
ทำให้เม็ดเลือดแดงเคลื่อนตัวช้ากว่าปกติ
จะยังผลให้โคโรน่าไวรัสตัวที่เป็นลบ
เข้าจับเม็ดเลือดแดงเพื่อเกาะกินประจุบวกง่าย
จนสุดท้ายจะทำให้ท่านเสี่ยงกับการตายสูงยิ่ง

ลองไปถามคุณหมอกันบ้างสิว่า
คนที่ตายด้วยไวรัสมรณะนี้ที่ผ่านมานั้น
คนส่วนใหญ่จะมีเลือดกรุ้ปโอทั้งสิ้น
โดยคนที่มีเลือดกรุ้ปโอคือคนที่มีลบน้อย
แต่มีประจุบวกเยอะมากกว่า
ไวรัสตัวร้ายจึงชอบที่จะทำร้ายมากกว่า
ผู้มีเลือดกรุ้ปโอจึงเสี่ยงสูงสุดในคนทั่วไป

3.หยุดดื่มเหล้าเมายา
ที่จะทำให้กลไกทางจิตประสาทบกพร่อง
บรรดายาเสพติดทั้งหลายที่โลกมีอยู่
หากใครเสพเข้าไปในร่างกาย
ต่อมไร้ท่อจะผลิตสร้างประจุลบขึ้นมาทันที

ไม่ว่าจะป่วยติดเชื้อแล้ว
หรือยังไม่แสดงอาการป่วยออกมา
จงอย่าไปข้องแวะแตะเสพยาเสพติดเด็ดขาด
เพราะมันจะทำให้ประจุลบในร่างกายท่าน
เพิ่มขึ้นทวีคูณแปรตามความขาดสติของท่าน
เมานิดหน่อยจำนวนประจุลบจะค่อยๆเพิ่ม
หากเมามากไปจำนวนประจุลบจะพุ่งปรู๊ด

ท่านจึงจะเห็นได้ว่า
คนที่ยังเมาไม่มากหน้าตาจะแดงน้อย
เพราะความดันเริ่มสูงขึ้นทีละน้อย
ส่วนคนเมามากหน้าตาก็จะแดงก่ำมาก
เพราะความดันโลหิตสูงพรวดพราดแล้ว

คนที่ติดยาเสพติดเหล่านี้
ในวันปฏิบัติการชำระโลกครั้งใหญ่
จะถูกระเบิดทิ้งจากแรงดันภายในตนเอง
อันเกิดจากอำนาจประจุลบ
ที่พวกเขาสั่งสมเอาไว้เองโดยแท้

4.หยุดการหักโหมร่างกายเสีย
ท่านจะไม่พักผ่อนให้พอเพียงนั้นไม่ได้
เพราะมันจะทำให้ภูมิต้านทานโรคต่ำ
สมองเฉื่อยช้ากำลังวังชาก็ถดถอย
เมื่อกายเสื่อมพลังจิตก็พลอยเสื่อมตาม
จะยังผลให้กระบวนการทางไฟฟ้าเคมี
ภายในระบบอวัยวะร่างกายเสียสมดุล
จนเป็นจุดอ่อนให้เชื้อโรคโจมตีง่ายขึ้นนั่นเอง

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

บทสนทนาครั้งต่อไป
เรายังมีสิ่งดีๆที่จะช่วยให้ท่าน "รอด" 
นำมากล่าวไว้ในห้องเรียนนี้ที่เดียวในโลกอีก
ใครสนใจก็เชิญเฝ้าติดตามเถิดนะ

กราบพระบาทพระบิดาฯ
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
30/03/2020