28 มีนาคม 2563

"ประสบการณ์ CoVID19" ความมืดที่ไม่ไร้แสงสว่าง




"ประสบการณ์ #CoVID19"

****************************

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย...
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

การทำสงครามกับเชื้อโรค "โควิด-19"
ซึ่งเป็นปรากฏการณ์การแพร่ระบาดครั้งใหญ่
ที่ทำให้มีผู้ติดเชื้อแล้วซึ่งกำลังรักษาตัวอยู่
กับผู้ที่กำลังกักตัวเพื่อเฝ้าดูอาการ
ในฐานะของผู้สุ่มเสียงว่าจะติดเชื้อโรคร้ายนี้
ไปจนถึงผู้ป่วยที่เสียชีวิตในประเทศต่างๆทั่วโลก
มีจำนวนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆดังทราบกันอยู่แล้วนั้น

ถ้าท่านมองด้วยการคิดแบบจิตมนุษย์
ก็จะกล่าวว่าเป็นปรากฏการณ์โรคระบาดตามปกติ
ที่ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาตินั้น
จะมีโรคระบาดจนทำให้คนทั้งโลกต้องตาย
เป็นจำนวนแสนจำนวนล้านและจำนวนหมื่นๆคน
หมุนวนกันไปในทุกๆ 10-100 ปีตลอดมา

จะอย่างไรก็ตามเราก็ยังขอยืนยันอยู่ดังเดิมว่า
การตั้งข้อสังเกตดังกล่าวของคนทั่วๆไป
เป็นการมองภาพมายาที่เห็นแค่เบื้องหน้าเท่านั้น
แต่ภาพจริงที่อยู่เบื้องหลังของโรคระบาดทุกครั้ง

ถ้าไม่เกิดจากพ่อค้าผู้ผลิตยาใจร้าย
ทำการวิจัยเพื่อผลิตไวรัสอันตรายในห้องแลป
แล้วทำการ "ปล่อยของ" ในประเทศที่ล้าหลัง
ซึ่งเป็นประเทศที่มีความอ่อนแอด้านสาธารณสุข
เพื่อสร้างปรากฏการณ์โรคระบาดหรือ "ไวรัสบูม"
จนทำให้ผู้คนเกิดความตื่นกลัวกันไปทั่วโลก
โดยมีสื่อมวลชนช่วยกันสร้างความกลัวให้ฟรีๆ
ในที่สุดก็จะมีบริษัทยาในประเทศหนึ่ง
ออกมาประกาศการค้นพบตัวยาสำคัญ
ที่จะรักษาเยียวยาผู้ป่วยให้หายหรือรอดตายได้
รวมทั้งผลิตวัคซีนป้องกันโรคระบาดนั้นได้ด้วย
ยังผลให้วงการแพทย์และ ปชช.ทั้งโลกที่แตกตื่น
พากันถอนหายใจโล่งอกและสำนึกขอบคุณ
บริษัทยาเทวดารายนั้นไปตามๆกัน

ที่เราเรียกว่าบริษัทยาเทวดาก็เพราะว่า
ก่อนที่จะนำไวรัสพันธุ์เพาะจากแลป
ไปทำการปล่อยของเพื่อใช้งานจริงนั้น
แลปจากบริษัทเดียวกันก็ได้ผลิตยาและวัคซีน
เตรียมเอาไว้ขายล่วงหน้าแล้วด้วยนั่นเอง
จึงเห็นได้ว่าพวกเขาใช้เวลาในการปล่อยของ
เพื่อหวังผลด้านการขายไม่เกิน 3 เดือน
ก็มียาวิเศษกับวัคซีนออกขายได้ทันควันแล้ว

ท่านทั้งหลายจักต้องรู้เอาไว้ว่า
ถ้านักวิจัยไม่รู้จักเชื้อโรคร้ายตัวนั้นมาก่อน
กว่าจะพบว่าเป็นไวรัสชนิดใด จุดอ่อนคืออะไร
กว่าจะรู้ว่าต้องจัดการกับมันยังไงให้อยู่หมัด
กว่าจะพบจะสร้างตัวยาที่ต้องการนั้นได้
กว่าจะนำไปทดลองใช้ในสัตว์ก่อนจะใช้กับคน
เพื่อรับรองความปลอดภัยและมั่นใจว่าได้ผลนั้น
เวลาสั้นๆเพียงไม่กี่เดือนนั้นมันเป็นไปไม่ได้
ถ้ามิใช่ความฟลุ้คก็ต้องเก่งเกินมนุษย์เท่านั้น
ที่จะผลิตตัวยากับวัคซีนออกมาใช้ได้ทันควัน

นอกจากนั้น
ความจริงเบื้องหลังโรคระบาดร้ายๆของโลก
นอกจากจะมีที่มาจากพ่อค้ายาใจร้ายแล้ว
มันยังมีเบื้องหลังลึกลับยิ่งกว่านั้นอีก

เพราะมันเป็นเชื้อโรคที่เกิดจากห้องแลป
ซึ่งใช้เทคโนโลยีด้านชีวภาพขั้นสูงของ "มอด"
ทำการตัดต่อพันธุกรรมมันขึ้นมา
เพื่อใช้เป็นอาวุธลับโจมตีศัตรูคู่อริของตน
ในการก่อสงครามเชื้อโรคหรือสงครามโรค
โดยมุ่งหวังทำลายฝ่ายตรงข้ามที่อยู่คนละขั้ว
ให้อ่อนแอแพ้พ่ายราบคาบไปในทุกๆทาง
เพื่อสร้างอำนาจแห่งความยิ่งใหญ่ให้ตนเอง
ซึ่งกรณีปรากฏการณ์โรคระบาด "โควิด-19" นี้
ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่มนุษย์เป็นผู้ก่อขึ้น
ในแบบที่เรากล่าวความจริงให้ท่านรับรู้ไว้นี้

แต่เนื่องจากพระบิดาฯ
โดยฑูตสวรรค์ผู้เป็นทีมงานช่างเทคนิก
กำลังปฏิบัติการชำระโลกอยู่ทั้งระบบ
เพื่อยกระดับจิตสามนึกของมนุษย์กับโลก
ที่ตกต่ำไปมากแล้วให้สูงขึ้นทางด้านบวก
ก่อนที่จะเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคพลังงานใหม่

ซึ่งปฏิบัติการทางเทคนิกที่จะถูกนำมาใช้ก็คือ
ช่างฯต้องกระตุ้นให้จิตสามนึกมนุษย์กับโลก
สั่นสะเทือนร่วมกันทางด้านบวกให้จงได้
เพราะพระบิดาฯทรงกำกับจิตสามนึก
ของมนุษย์กับของโลกเอาไว้ด้วยกันนั่นเอง

โดยต้องสร้างเงื่อนไขให้โลกสั่นสะเทือนก่อน
จิตสามนึกมนุษย์ก็จะสั่นสะเทือนตาม
หรืออีกทางเลือกหนึ่งก็คือสร้างเงื่อนไขให้
จิตสามนึกมนุษย์เกิดการสั่นสะเทือนก่อน
จิตสำนึกของโลกตรงแกนโลกก็สั่นสะเทือนตาม

การเลือกใช้แผ่นดินไหวแรงๆหรือภัยพิบัติต่างๆ
คือการสร้างเงื่อนไขให้โลกสั่นสะเทือน
เพื่อหมายให้มนุษย์สั่นสะเทือนทางจิตสามนึก
ที่เป็นด้านบวกในระดับที่สูงยิ่งขึ้นกว่าเดิม
แน่นอนว่า ความกลัวตาย จากภัยพิบัตินั้นๆ
คือผลสำเร็จ (Consequence) ที่ต้องการ

ดังนั้น
ไหนๆมนุษย์ใจร้าย
สร้างเชื้อโรคสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมาหมายฆ่ากัน
ฑูตสวรรค์จึงหยิบเอาปรากฏการณ์สงครามโรคนี้
เข้าไว้ในแผนปฏิบัติการชำระโลกเสียเลย
โดยใช้กระบวนการ ไซโคโชว์ ของ "ปริญญา"
เป็นเครื่องมือในการยกระดับจิตตปัญญา
และพัฒนาจิตสามนึกประชากรทั้งโลกด้วยกัน

โดยใช้โลกเป็นห้องฝึกอบรมขนาดใหญ่มหึมา
ใช้ชื่อกิจกรรมในบทเรียนใหญ่นี้ว่า  CoVID19
ซึ่งทุกประเทศทั่วโลกคือกลุ่มใหญ่
ที่จะต้องเผชิญกับเงื่อนไขต่างๆตามสภาพพื้นที่
แต่มีเป้าหมายเดียวกันคือทุกคนบนแผ่นดินโลก
จักต้องสั่นสะเทือนร่วมกันเป็นความกลัวตาย
โดยต้อง "กลัวตาย" อย่างมีมหาสติเท่านั้น
เพราะปรากฏการณ์เกิดไวรัสมรณะระบาดครั้งนี้
คือการสั่นสะเทือนของภัยพิบัติโลก
ที่ถูกใช้เป็นเงื่อนไขให้มนุษย์สั่นสะเทือนด้านบวก
ด้วยการ "รักตัวกลัวตาย" โดยเฉพาะ

ผู้ที่จะสอบผ่านบททดสอบ คือ ผู้ไม่ป่วยเลย
ผู้ที่จะสอบผ่านบททดสอบ คือ ผู้ป่วยแต่ไม่ตาย
ผู้ที่จะสอบผ่านบททดสอบ คือ ไม่แพร่เชื้อให้ใคร

ด้วยเหตุนี้เอง
เราจึงขอกล่าวต่อท่านทั้งหลายว่า
การฝึกอบรมใหญ่โดยใช้โรคระบาดมรณะ
เป็นเครื่องมือในกระบวนการ "ไซโคโชว์"
ซึ่งผ่านขั้นที่หนึ่งมาแล้วพบว่า
ทุกคนทุกฝ่ายทุกประเทศทั่วโลกทั้งห้องเรียน
พากันสอบตกแทบจะทั้งหมด

รักแต่ตัวเองเพราะกลัวตายจนแทบ ปสด.
รักตัวกลัวตายแต่ยังมักง่ายในการดำเนินชีวิต
รักตัวกลัวตัวเองต้องตายแต่ไม่ใส่ใจผู้อื่นว่า
ตนจะเป็นผู้แพร่เชื้อให้คนอื่นต้องตายหรือเปล่า

รักตัวกลัวตายแต่ไม่ใส่ใจส่วนรวม
ทางการขอร้องให้ช่วยหยุดการแพร่เชื้อ
ด้วยการหยุดอยู่กับบ้านภายใน 14 วัน
ก็หาเรื่องจำเป็นออกนอกบ้านอย่างขาดจิตสำนึก
จนทางการต้องออก พรก.ฉุกเฉินมาบังคับ เป็นต้น
เพราะสำนึกรักชาติของตนเองนั้นไม่มี

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

กิจกรรมไซโคโชว์ของท่านทั้งโลก
จึงต้องถูกยกระดับให้เข้มข้นขึ้น
ด้วยการนำพาทุกท่านเข้าสู่ Mode 2
ซึ่งจะต้องให้ยาแรงขึ้นกว่าเดิม
เพื่อให้ผู้เรียนผู้ถูกทดสอบจิตตปัญญาทุกคน
ได้เผชิญกับเงื่อนไขยากขึ้นยิ่งกว่าเดิม
ซึ่งในบทสนทนาที่ผ่านมานั้น
เราได้เปิดเผยมาแล้วรวม 5 ขนาน

ดังนั้น
บทสนทนาครั้งนี้เราจึงจะขอเปิดเผย
ยาแรงขนานที่ 6 ที่พวกท่านทั้งโลกต้องเผชิญ
นั่นคือ เราและช่างเทคนิกโดยพระบิดา
จะมิได้มีเป้าหมายในการทำกิจกรรมไซโคโชว์
แค่เพียงให้ประสบการณ์ท่านทั้งหลาย
ในการออกแบบเพื่อเอาตัวรอดจากโรคร้าย
หรือเพื่อให้ท่านยกระดับจิตปัญญา
รู้จักรักรู้จักให้ฉลาดใช้ปัญญาให้มากขึ้นเท่านั้น

ยาแรงขนานที่ 6 ก็คือ

ทุกท่านจะต้องยืนหยัดต่อสู้กับโรคร้าย
ด้วยหนึ่งสมองสองมือและสองขาของตนเอง
โดยต้องนำเอาควายทั้ง 7 ตัวที่ท่านมีอยู่
ออกมาใช้ให้เต็มประสิทธิภาพ
เพราะเวทีนี้ไม่มีพี่เลี้ยงอีกต่อไปแล้ว

ถ้าใคร "สอบตก" ซ้ำเดิมอีก
การทำกิจกรรมขั้นที่สองนี้
จะต้องใช้ชีวิตเป็นเดิมพันในการต่อสู้แล้ว

หมายความว่า ในขั้นที่หนึ่งนั้น
ถ้าใครพลาดก็มีโอกาสที่จะเจ็บป่วยได้
แต่หลายคนกลับหายป่วยได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ทั้งๆที่ยารักษาโดยตรงจริงๆยังไม่มี
เพราะคนที่สอบตกจึงติดเชื้อโรคร้ายเหล่านั้น
ยังไม่มีหน้าที่จะต้องตายนั่นเอง
พวกเขาจึงได้รับ "ความรอด" อย่างไรล่ะ

แต่การฝึกอบรมขั้นที่สองนี้
ภายใต้ยาแรงซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ใหญ่กว่า
รวมทั้งสิ้น 6 ขนานที่เราเปิดเผยมาให้แล้วนั้น
การสอบตกสอบได้จะเป็นเรื่องจำเพาะบุคคล
ผู้ที่จะประทานความรอดให้ท่าน
ก็มีเพียงตัวท่านเองเท่านั้

แต่ขอท่านทั้งหลายจงอย่าเพิ่งท้อใจ
ถ้าท่านยังรักพระบิดาศรัทธาเรามิเสื่อมคลาย
เราจะกล่าวความจริงให้ท่านรู้เอาไว้ว่า
ในยาแรงขนานที่ 7 ขนานสุดท้าย
ที่เราจะนำมากล่าวไว้ในที่นี้ในบทต่อไปนั้น
จะเป็นความมืดที่ไม่ไร้แสงสว่าง

เพียงแค่ท่านไม่หลับตา
ก้าวตามคนนำทางตาบอดต่อไปอี
แล้วลืมตาขึ้นเพื่อมองให้เห็นแสงสว่าง
ที่เราฉายส่องทางมาให้ท่าน
ความมืดมนอนธการแต่เดิมจักหายไป

กราบพระบาทพระบิดาฯ

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
28/03/2020