31 มีนาคม 2563

สนทนาประสาจิตจักรวาล "ประสบการณ์ CoVID19 "

"ประสบการณ์  CoVID19"
****************************
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

เมื่อแรกที่ร่างกายของท่าน
ได้รับเชื้อโคโรน่าไวรัสเข้าไปแล้ว
ร่างกายของท่านก็จะยังไม่รู้ว่าถูกไวรัสจู่โจม
เนื่องจากกลุ่มไวรัสผู้บุกรุกจะไม่โจมตีในทันที
ที่เข้าถึงบริเวณหลอดลมคือคอหอย
ซึ่งเป็นทางเดินหายใจส่วนต้นได้

โคโรน่าไวรัสจะใช้หนามพิเศษ 4 เส้น
ที่ได้รับการตัดต่อพันธุกรรมจากห้องแลป
ทำการยึดเกาะเยื่อบุผนังหลอดลม
เพื่อตรวจหาคุณสมบัติทางไฟฟ้าของเม็ดเลือด
ซึ่งเคลื่อนไหลผ่านมาทางนั้นว่าที่เป็นลบมีมั้ย

เมื่อใดที่กลไก Digitallis ของเชื้อไวรัสนั้น
รับรู้สัญญาณทางไฟฟ้าว่าจะมีเม็ดเลือดแดง
แบกขนประจุลบไหลผ่านมา
ก็จะทำการฝังตัวเองทะลุผ่านผนังเนื้อเยื่อ
เข้าสู่ภายในหลอดเลือดของมนุษย์ทันที
เมื่อเม็ดเลือดแดงที่มีประจุลบไหลผ่าน
โคโรน่าไวรัสก็จะเข้าประชิดเม็ดเลือดแดงนั้น
เพื่อจับเอาประจุลบมาเข้าคู่กันกับประจุบวก
ซึ่งเป็นคุณสมบัติทางไฟฟ้าของตนทันที

เม็ดเลือดแดงที่มีขยะประจุลบเกาะอยู่แต่เดิม
ก็จะถูกชำระให้เป็นเม็ดเลือดแดงสะอาดแทน
เชื้อไวรัสเองก็จะมีความเป็นกลางทางไฟฟ้า
ซึ่งเราเคยกล่าวว่า "กินอิ่มแล้ว" นั่นเอง

ถ้าท่านสั่นสะเทือนจิตสามนึกด้านบวกไม่ค่อยได้
โดยปล่อยตนเองให้เป็นทาสทางอารมณ์
เมื่อถูกยั่วยุเย้ายวนได้ง่ายๆเพราะไม่มีมหาสติ
จนลุ่มหลงงมงายไปกับอัตตามายาแห่งโลกิยะ
เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์ของท่าน
ก็จะทำการผลิตสร้างประจุลบขึ้นมามากมาย
เม็ดเลือดแดงก็จะแบกขนมันไปทั่วร่างกาย
เพื่อจะนำไปถ่ายประจุลบทิ้งที่เซลสมองซีกซ้าย

ดังนั้น
ผู้ไม่มีมหาสติและไม่มีปณิธานแห่งการหลุดพ้น
ในการดำเนินชีวิตประจำวันทั้งหลาย
จะเป็นผู้ที่ผลิตสร้างขยะประจุลบขึ้นมา
ให้เม็ดเลือดแดงต้องแบกขนไปถ่ายทิ้ง
ที่เซลสมองซีกซ้ายอย่างต่อเนื่องและมากมาย
เมื่อสมองซีกซ้ายเกิดการสั่งสมประจุลบมากๆเข้า
จะยังผลให้สนามแม่เหล็กไฟฟ้าของสมองซีกซ้าย
เกิดการ "อสมมาตร" คือเสียสมดุลกับสมองซีกขวา

ถ้าปล่อยตนเองให้เป็นเช่นนี้นานๆเข้า
ความเครียดทางประสาท
จากสมองของท่านเสียสมดุลทางไฟฟ้า
จะทำให้ท่านรู้สึก "มึนศีรษะ" หรือปวดสมอง
หากท่านปล่อยตนเองไว้แบบนี้จนเป็นนิสัย
ในที่สุดท่านก็จะป่วยด้วยโรค #ไมเกรน
คือ ปวดหัวซีกซ้ายข้างเดียว

กินยาแก้ปวดหัวรักษาตัวนานแค่ไหนก็ไม่หาย
เพราะนิสัยสันดานทางจิตที่เป็นเหตุแห่งโรค
ไม่ได้รับการแก้ไขเยียวยานั่นเอง
เพราะมุ่งเน้นจัดการความป่วยทางกายภาพ
แต่ไม่ใส่ใจความป่วยทางจิตของตนแต่อย่างใด
ทุกสิ่งทุกอย่างมันล้วนเกิดจากเหตุ
ถ้าเหตุยังไม่ดับผลลัพธ์ที่ไม่ต้องการจึงไม่ดับ

ท่านจึงต้องรู้ไว้ด้วยว่า
ถ้าโรคไมเกรนนี้ติดตัวใครไปจนตาย
จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่าน
จะถือเป็นรหัสติดตัวไปเกิดในชาติหน้าด้วย
มันจะกลายเป็นโรคประจำตัวของคนนั้นไป
โดยสาเหตุแห่งโรคมาจากอดีตชาตินี่แหละ
ถ้ารู้ตัวแล้วก็จงอย่าทำร้ายตนเองถึงชาติหน้าเลย

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

โคโรน่าไวรัสตัวใดก็ตาม
ที่ช่วยกำจัดขยะประจุลบให้เม็ดเลือดแดงแล้ว
มันจะมีระยะฟักตัวหรือพักตัวระยะหนึ่ง
หากไม่ถูกย่อยสลายโดยกองทัพเม็ดเลือดขาว
เชื้อไวรัสตัวนั้นก็จะกลายเป็นตัวอันตราย
มันจะเป็นภัยต่อท่านจะไม่เป็นมิตรกับท่านอีก
เพราะมันจะแบ่งตัวขยายพันธุ์เพิ่มเป็นทวีคูณ
โดยมีกึ่งหนึ่งของจำนวนที่เพิ่มขึ้นนั้น
จะมีประจุลบเป็นคุณสมบัติทางไฟฟ้าแทน

สิ่งที่มันจะทำต่อท่านก็คือ
เชื้อไวรัสนี้จะวิ่งเข้าประชิดเม็ดเลือดแดง
ที่มีความเป็นกลางทางไฟฟ้าอยู่
โดยมันจะทำการแลกเปลี่ยนประจุ
กับเม็ดเลือดแดงนั้น
วิธีการแลกเปลี่ยนประจุไฟฟ้าก็คือ
ไวรัสจะเบียดตัวเองไปแย่งจับคู่กับประจุบวก
ที่เม็ดเลือดแดงนั้นมีคู่เดิมเป็นประจุลบอยู่
เมื่อไวรัสแย่งชิงประจุบวกจากเม็ดเลือดแดงได้
มันจะยังผลให้เม็ดเลือดแดงของท่านที่สะอาด
กลายเป็นมีขยะประจุลบติดอยู่แทนในบัดดล

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

มาถึงตอนนี้ท่านจะพบว่า
สาเหตุที่เม็ดเลือดแดงมีขยะประจุลบเกืดขึ้นนั้น
มันมิได้เกิดจากสภาวะจิตตกต่ำอย่างเดียวแล้ว
เจ้าไวรัสที่เปลี่ยนจากมิตรมาเป็นศัตรูนี่ไง
ที่มีส่วนทำให้เม็ดเลือดแดงของท่านมีประจุลบ
เมื่อในระบบเลือดของท่านเสียสมดุลไปทางลบ
เครื่องยนต์แห่งกรรมของท่านโดยไฮโปทาลามัส
ก็จะส่งสัญญาณให้ท่านรู้ คือ เริ่มมีอาการตัวร้อน
บางรายก็จะมีความดันโลหิตสูงกว่าปกติด้วย

ด้วยเหตุนี้เอง
ใครที่ติดเชื้อโคโรน่าไวรัสแล้วจึงมิอาจทันรู้ตัว
ต้องรอให้พบอาการไข้และมีเจ็บคอก่อนด้วย
เนื่องจากวิธีการทำร้ายร่างกายมนุษย์ของไวรัสนี้
มันถูกออกแบบมาให้เป็นอย่างที่เรากล่าวนี้
ใครที่มีร่างกายอ่อนแอเพราะมีโรคประจำตัว
หรือรายที่มีจุดอ่อนบางอย่างที่ไวรัสชอบ
หากรักษาไม่ทันก็จะมีโอกาสเสี่ยงตายสูง
วิธีการลดความเสี่ยงตายที่เหมาะสมที่สุดก็คือ
การป้องกันมิให้ตนเองรับเชื้อโรคนี้เท่านั้น

โชคดีเท่าไหร่แล้ว
ที่การทำสงครามกับเชื้อโรคมรณะครั้งนี้
ได้ถูกหยิบมาใช้เป็นบททดสอบและเป็นบทเรียน
ด้วยกระบวนการ "ไซโคโชว์" ของ #ปริญญา
โดยใช้บทเรียนที่ชื่อว่า "โควิด-19"
เพื่อยกระดับสติปัญญาพัฒนาจิตสามนึกมนุษย์
พร้อมกันทั้งห้องเรียนโลกในเวลาเดียวกัน
และเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ออกแบบวิธีการตั้งรับ
เมื่อต้องเผชิญสงครามเชื้อโรคอีกในครั้งต่อๆไป
เพราะฑูตสวรรค์ได้ตกลงใจจะใช้โรคระบาด
เป็นหนึ่งในภัยพิบัติที่จะจัดการชำระโลกด้วยแล้ว

ปรากฏการณ์โรคระบาดครั้งนี้
ท่านจึงจะเห็นได้ว่า
มนุษย์จะถูกบีบคั้นให้กลัวจะติดเชื้อโรค
มากกว่าจะเน้นให้ "กลัวตาย"
เพื่อให้ใช้ปัญญาคิดหาหนทางป้องกันการติดเชื้อ
ซึ่งเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการเผชิญโรคระบาด

ที่เราไม่เน้นให้เกิดการกลัวตายในกรณีนี้
เพราะมันยังมิใช่เป้าหมายแท้จริงของบทเรียนนี้
เนื่องจากการกลัวตายในสถานการณ์ที่คลุมเครือ
มันมีแต่จะทำให้มนุษย์เสียสติคือ ปสด.
จนไม่อาจจะจัดการเชื้อโรคและตนเองได้
เพราะอาวุธเชื้อโรคที่นำมาใช้ในครั้งนี้
มันมิใช่โคโรน่าไวรัสตัวเดิมแบบซาร์หรือเมอร์ส
ซึ่งเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ยังไม่มีใครรู้จัก

เราจึงเผยความลับให้รู้ล่วงหน้ากันมาแล้วว่า
ถ้าจะคิดค้นยารักษาโรคนี้ได้สำเร็จจริงๆ
หรือจะผลิตวัคซีนป้องกันโคโรน่าไวรัสตัวนี้ได้
มนุษย์ต้องใช้เวลาคิดสูตรและพัฒนาการผลิต
จนทดลองใช้แล้วมั่นใจว่าได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์
นานไม่น้อยกว่า 18 เดือน มิตินี้จึงจะเปิดออก
ซึ่งเป็นเงื่อนไขในปฏิบัติการไซโคโชว์ที่สำคัญ
เพื่อเน้นให้ทุกคนหันหน้าสู้กับเชื้อโรคสถานเดียว
หยุดสู้ไม่ได้ ถอยหลังหนีไม่ได้ ไม่เอาจริงก็ไม่ได้
เพราะมันจะทำให้พวกท่าน "สอบตก"

ดังนั้น
สถิติรายวันจากข่าวสารที่ท่านรับรู้
มันจะมีตัวเลขที่น่าตระหนกคือ "ผู้ที่ติดเชื้อเพิ่ม"
เพื่อกระตุ้นให้ผู้เล่นกิจกรรมร่วมกันนี้
ใส่ใจในบทเรียนกันมากขึ้นทุกวัน

โดยจะมีตัวเลขผู้ป่วยที่รักษาแล้วหาย
สามารถกลับบ้านได้เป็นตัวเลขปลอบขวัญว่า
แม้จะยังไม่มียาที่จะรักษาโรคโดยตรงได้
แต่โอกาสหายไปจากโรคมิใช่จากโลกก็ยังพอมี
ให้เป็นที่มหัศจรรย์ใจได้อยู่เหมือนกัน

 นอกจากนั้นสถิติคนตายโดยภาพรวมแล้ว
ก็ยังไม่ทำให้ท่านทั้งหลายใจหายหรือวิตกจริต
ซึ่งเรากล่าวความจริงต่อท่านแล้วไงว่า
สงครามเชื้อโรคครั้งนี้เป็น "ปฏิบัติการเรียนรู้"
มีผู้อยู่เบื้องหลังปฏิบัติการนี้มิใช่ภัยพิบัติปกติ

ในบทสนทนาครั้งต่อไป

เราจะมากล่าวเรื่องความเสี่ยงติดเชื้อ
และความเสี่ยงตายของมนุษย์
จากพฤติกรรมการดำเนินชีวิตประจำวัน
และจากกรณีกรุ้ปเลือดเจ้าปัญหาด้วย

เราจะ "แฉ" ความลับที่มนุษย์ไม่รู้ว่าไม่รู้
ให้ท่านได้ตาสว่างจิตสว่างยิ่งกว่าเดิม
โปรดยกมือสนับสนุนเราด้วยเช่นเคยนะ

กราบพระบาทขอบพระทัยองค์จิตจักรวาล
พระผู้เป็นเจ้าเหนือสิ่งทั้งปวง
ที่มีพระเมตตาให้ลูกฟื้นคืนกลับมาตามสัญญา
มาคุ้มครองพี่ๆน้องๆให้รอดจากภัยพิบัติ
มาฝึกทักษะการเป็นปลาที่หายใจด้วยปอด
มานำพาจิตวิญญาณทุกท่านกลับบ้านให้ทัน
ก่อนกาลปิดยุคพลังงานเก่าในชาตินี้

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
31/03/2020