19 มีนาคม 2563

กลับมาตามสัญญาเพื่อช่วยพาท่านให้รอด...พญานกฟีนิกซ์


สนทนาประสาจิตจักรวาล

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราได้กล่าวความจริงให้ท่านรู้กันมาแล้วว่า

1.ไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์อู่ฮั่น หรือ โควิด19
เป็นเชื้อโรคที่ถูกสร้างขึ้นในห้องแลป
ด้วยเทคโนโลยีตัดต่อพันธุกรรมของ "มอด"
เพื่อเป้าหมายที่จะใช้เป็นอาวุธเชื้อโรค
ในการโจมตีฝ่ายตรงข้ามให้อ่อนแอแพ้พ่าย
อย่างไม่สามารถตั้งรับล่วงหน้าได้

2.เมื่อสร้างเสร็จแล้ว
ก็นำเอาอาวุธร้ายที่ผลิตสร้างขึ้นนี้
ให้คนของตนจำนวน 2 คน
รับหน้าที่เข้าไปปล่อยของในถิ่นที่หมาย
คล้ายๆกับการวางระเบิดก่อวินาศกรรมนั่นเอง
ซึ่งในภารกิจนี้คนปล่อยของทั้งสองคน
ก็ถูกอาวุธเชื้อโรคที่พวกตนพาไป
ทำร้ายเสียเองจนเสียชีวิตก่อนใครแล้วทั้งคู่

เพราะคนที่ถืออาวุธเชื้อโรคนี้เข้าไปปล่อย
ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนพาติดตัวไปนั้นมันอันตรายถึงชีวิต
เจ้านายสั่งให้ไปใช้ให้ทำก็ต้องทำตาม
เนื่องจากเป็นภารกิจลับสุดยอดจึงให้รู้ไม่ได้

3.รัฐบาลของฝ่ายก่อสงครามชีวภาพ
โดยใช้เชื้อไวรัสตัดต่อพันธุกรรมเป็นอาวุธนี้
ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มทุนโลกระดับเศรษฐี
ให้การสนับสนุนในการค้นคว้าวิจัยและผลิต
ซึ่งเบื้องหลังของคนใจร้ายเหล่านี้ก็คือ "มอด"

โดยพวกมอดต้องการความอยู่รอดบนโลกนี้
และไม่ต้องการต่อสู้ทำสงครามกับมนุษย์
จึงแลกเสรีภาพด้วยเทคโนโลยีที่ใช้ฆ่าชาวโลก
เพื่อลดจำนวนประชากรโลกให้น้อยลง
ชาวมอดก็จะสามารถมีที่ยืนบนพื้นโลกได้
แทนที่จะมุดโพรงต่ออุโมงค์อยู่ใต้ดินใต้ทะเล
หรือต้องคอยแอบๆซ่อนๆเหมือนที่ผ่านมา

ขณะที่ฝ่ายมนุษย์ใจโหด
ก็สามารถครองอำนาจเป็นจ้าวโลก
สามารถยึดเอาทรัพยากรธรรมชาติของพระบิดา
บนแผ่นดินของประเทศอื่นตามที่ตนต้องการได้
เช่น น้ำมันดิบ และสินแร่ต่างๆ เป็นต้น

4.ฑูตสวรรค์ทั้งหลายในพระบิดาฯ
ซึ่งเป็นช่างเทคนิกผู้ปฏิบัติการชำระโลก
ได้ตรวจสอบแล้วพบว่าอาวุธเชื้อโรค
ที่ฝ่ายเริ่มก่อการศึกสงครามจะนำเข้ามาใช้นี้
เป็นไวรัสโคโรน่า H1N1 ที่ถูกตัดต่อพันธุกรรม
แล้วนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการขายยาและวัคซีน
อันเกิดจากการกลัวติดโรคระบาดของคนทั้งโลก
จนประสบผลสำเร็จมาแล้ว 2 ครั้งใหญ่ๆในอดีต
โดยมีระยะเวลานำมาใช้ห่างกันราว 10 ปี

นอกจากนั้นเชื้อไวรัสโคโรน่าดังกล่าวนี้
ก็ยังถูกใช้เป็นอาวุธก่อโรคระบาดในประเทศหนึ่ง
ซึ่งมีสถานะทางการเมืองการทหารและเศรษฐกิจ
อยู่ในระดับมหาอำนาจในภูมิภาคนั้น
โดยใช้เหตุโรคระบาดสร้างความมีอำนาจเหนือ
เพื่อบีบคั้นให้ผู้นำประเทศนั้นยอมเป็นพวกตน
แทนที่จะเลือกเข้าข้างฝ่ายที่เป็นศัตรูกับตน
จนประสบผลสำเร็จอย่างง่ายดายมาแล้วด้วย

5.ทีมงานฑูตสวรรค์ของพระบิดาฯ
ทำการวิจัยเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่
ที่พวกเขาหมายจะใช้เป็นอาวุธทำลายอรินี้แล้ว
พบว่า "จุดแข็ง" ของเจ้าไวรัสที่ถูกสร้างขึ้นนี้
มีดังนี้ คือ

 ทั้งสัตว์เล็กที่เลี้ยงลูกด้วยนมและสัตว์ใหญ่
ที่มีโครงสร้างทางชีวภาพในระดับเซล
ซึ่งมีลักษณะเดียวกันกับมนุษย์นั้น
สามารถเป็นพาหะถ่ายโรคระหว่างกันได้

 เมื่อเชื้อไวรัสนี้เข้าสู่ร่างกาย
จะผ่านเข้าทางช่องจมูกและปาก
ด้วยการหายใจเข้าไปก็ได้
หรือจะติดไปกับน้ำดื่มและอาหารก็ได้
หรือเกิดจากการใช้มือจับช้อนหยิบอาหาร
ที่ติดเชื้อโรคนี้อยู่ใส่เข้าปากรับประทาน
หรือใช้มือแหย่รูจมูกและแคะขี้ฟันก็ได้ทั้งนั้น
ซึ่งเป็นจุดอ่อนจากทีเผลอของมนุษย์นั่นเอง

ที่เรากล่าวนี้เป็น "จุดอ่อน" ของพวกท่าน
แต่เป็น "จุดแข็ง" ของไวรัสโคโรน่าเขาล่ะนะ


 จุดแข็งของเชื้อไวรัส โควิด-19 อีกอย่างก็คือ
บริเวณที่มีอากาศหนาวเย็น หรือชื้นแฉะ
มันจะมีชีวิตอยู่ได้นานมากจนยากบอกอายุขัยได้
เชื้อโรคนี้จึงแพร่ระบาดได้ดีมากในฤดูหนาว
หรือระบาดได้รวดเร็วมากในเมืองหนาวๆ
เพราะตัวมันถูกเพาะสร้างขึ้น
ภายในห้องแลปที่หนาวเย็น
ห้องแลปก็อยู่ในพื้นที่ๆมีอากาศหนาวเย็นด้วย

 จุดแข็งต่อมาของไวรัสโควิด-19 ก็คือ
ในประดาหนามแหลมคล้ายมงกุฎรอบๆตัวไวรัสนี้
จะมีหนามอยู่ 4 อัน ที่ถูกสร้างขึ้น
ให้มีความสามารถในการยึดเกาะ
ผนังของทางเดินหายใจส่วนต้น
บริเวณลำคอหรือคอหอยได้ดีมากและติดแน่น

จนแม้ร่างกายจะไอๆๆเพื่อขจัดมันออกมา
ก็ยากกว่าไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดอื่น
คนที่รับเชื้อเข้าไปแล้ว
จึงยากที่ธรรมชาติจะช่วยได้ด้วยการไอเอาออกมา
เพราะพวกมันจะยึดติดผนังหลอดลม
และเยื่อบุภายในโพรงจมูกเสียจนแน่น

ที่สำคัญคือคนที่ติดเชื้อนี้
จะไม่มีทั้งเสมหะและน้ำมูก
ที่จะช่วยนำพาเชื้อโรคออกมาง่ายๆ
ด้วยวิธีธรรมชาติ

 จุดแข็งของไวรัสโควิด-19
ประการต่อมาก็คือ
บริเวณชั้นนอกของตัวไวรัสโคโรน่าพันธุ์ใหม่นี้
จะถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วย "ไขมัน"
เมื่อเข้าไปในร่างกายมนุษย์และได้กินประจุลบ
จนเป็นกลางทางไฟฟ้าแล้วคือไม่ลบไม่บวก
เม็ดเลือดขาวที่มีชีวิตในกายมนุษย์
ก็จะค้นพบสิ่งแปลกปลอมคือไวรัสที่อิ่มแล้วนี้ทันที
ปกติแล้วเม็ดเลือดขาว
ก็จะพากันล้อมกรอบเชื้อไวรัสที่ไร้ประจุไฟฟ้า
แล้วใช้ฮอร์โมนแห่งความตายย่อยสลาย
เจ้าไวรัสร้ายก็จะละลายกลายเป็นโปรตีน
เพื่อขับออกจากร่างกายของมนุษย์ไปในที่สุด

6.พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
เนื่องจากโคโรน่าไวรัสนี้มีไขมันหุ้มตัวมันอยู่
การทำลายเพื่อย่อยสลายมันจึงมิใช่ง่าย
ถ้าคนที่ติดเชื้อโรคนี้มีภูมิต้านทานโรคต่ำ
คือมีเม็ดเลือดขาวที่อ่อนแอกว่าปกติ
หรือในรายที่ป่วยด้วยระบบทางเดินหายใจอยู่
ซึ่งมีเซลเยื่อบุทางเดินหายใจไม่แข็งแรง
เจ้าไวรัสตัวนี้ก็จะยิ่งยึดติดแน่นกว่าในคนปกติ

ถ้ายาที่จะใช้กำจัดไวรัสชนิดนี้
ไม่สามารถเจาะผนังไขมันที่หุ้มตัวมันอยู่ได้
มันก็จะเป็นเชื้อโรคร้ายที่ไม่ตาย

ถ้าคนที่รับเชื้อนี้เข้าไปในร่างกายแล้ว
ไม่อาจสร้างกองทัพเม็ดเลือดขาวเพิ่มได้ทัน
หรือไม่สร้างประจุบวกให้มากขึ้นในร่างกาย
คงสร้างแต่ประจุลบด้วยอารมณ์ขยะรายวันอยู่
ร่างกายก็จะไม่มีภูมิต้านทานพอที่จะสู้โรคนี้ได้
ในที่สุดก็ต้องตายสถานเดียว

7.ทีมฑูตสวรรค์พบว่า
เทคโนโลยีของมอดที่นำมาใช้เพื่องานนี้
ถือว่าก้าวไกลกว่าความจริงของมนุษย์โลกมาก
เพราะสามารถทำให้เชื้อไวรัสพันธุ์ใหม่นี้
เปลี่ยนแปลงตัวเองจนน่ากลัวได้
จากปฏิบัติการในห้องแลปราวๆ 10 ปีเท่านั้น
ทั้งๆที่ไวรัสตัวนี้จะวิวัฒน์ตนเองได้เช่นนี้
ต้องใช้เวลาราวๆ 1 หมื่นปีโลกเลยทีเดียว

8.นอกจากนั้น
ทีมฑูตสวรรค์ผู้รักมนุษย์บุตรพระบิดาที่เป็นคนดี
ก็สามารถค้นพบ "จุดอ่อน" ของโรค "โควิด-19"
ที่เป็นโคโรน่าไวรัสนี้ด้วยแล้วเช่นกัน

เมื่อได้รู้จุดอ่อนและจุดแข็งของข้าศึกแล้ว
จึงไม่ยากเลยที่พวกเราจะคอยช่วยเหลือดูแล
พี่ๆน้องๆชาวโลกเสรีที่เป็นคนดี
ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากโรคร้ายนี้ไว้ได้
ด้วยการควบคุมขีดกรอบจำกัดพื้นที่ไว้
ให้พวกมันอยู่กันเป็นหย่อมๆ
แม้ไวรัสนี้จะสามารถแพร่ระบาดได้
ก็จะควบคุมมิให้เชื้อโรคนี้
มีการแพร่กระจายออกนอกพื้นที่ได้เช่นกัน

แต่ท่านทั้งหลายก็ต้องไม่ประมาท
โดยท่านต้องทำตามคำแนะนำของเรา
ตามที่ได้กล่าวแนะนำไว้อย่างชัดเจน
ในบทสนทนาทั้งสองตอนที่ผ่านมา
อย่างเคร่งครัดและมีวินัยในการตั้งรับด้วย

พระบิดาจึงทรงพิพากษาให้
มนุษย์จำนวนหนึ่งเสียสละชีวิตตนเองไป
มนุษย์ส่วนใหญ่ก็เสียสละตนเองในการรับเชื้อ
เพื่อเข้าคอร์สควบคุมโรคนานราว 14 วัน
หากติดเชื้อก็ยอมเสียเวลารักษาเยียวยา
สู้กับโรคต่อไปอีกนานราวๆ 30-40 วัน ก็หาย
รวมทั้งให้มีสถิติคนติดเชื้อแพร่หลายทั่วโลก

เป้าหมายสำคัญในการยอมให้โรคระบาด
ที่ช่างเทคนิกสามารถควบคุมได้ก็คือ

เพื่อต้องการให้ท่านทั้งหลาย
ทั้งภาครัฐบาลและตัวท่านเองแต่ละคน
พาตนเองเข้าสู่สนามรบในสงครามเชื้อโรค
เพื่อหาทาง "ออกแบบ" ในการตั้งรับ
เชื้อโควิด-19 นี้ร่วมกันให้ได้
เพื่อใช้เป็นโมเดลในการต่อสู้ให้มีชีวิตรอด
เมื่อมีเชื้อโรคร้ายตัวใหม่เข้าโจมตีอีกในอนาคต

โดยมนุษย์ด้วยกันเองนี่แหละจะสร้างมันขึ้นมา
เพื่อใช้เป็นอาวุธสงครามทำร้ายฝ่ายตรงข้าม
เพราะ "มอด" มิได้มีฝูงเดียว มิได้มีเผ่าเดียว
ซึ่งแน่นอนว่ามันจักต้องรุนแรงขึ้นกว่าครั้งนี้แน่
ขอให้ท่านลับสติรอเอาไว้ล่วงหน้าได้เลย

คราวนี้เชื้อโรคร้ายที่ท่านทั้งหลายไม่พึงประสงค์
จะก่อตัวขึ้นทางซีกโลกตะวันตก
แล้วแพร่ระบาดมาทางซีกโลกฝั่งนี้บ้าง
ก่อนที่มันจะอาละวาดไปทั่วทั้งโลกเข้าแผนมอด
ขณะที่ผู้เริ่มต้นก่อสงครามครั้งหน้าเอง
ก็จะควบคุมโรคให้อยู่ในวงจำกัดไม่ได้
เหมือนควบคุมไฟป่าที่ลุกลามไม่ได้นั่นแหละ

เราจะกล่าวต่อท่านทั้งหลายว่า

การยอมให้เกิดปรากฏการณ์โรคร้ายระบาด
โดยมีเป้าหมายคือ "การซ้อมรบ" ของพวกท่าน
ก็หวังว่าพวกท่านซึ่งอยู่ใต้ปีกของเรา
จะไม่ขลาดกลัวจนขี้ขึ้นสมองตามสำนวนไทย
จนไม่สามารถครองสติได้ถึงขั้น ปสด.
เพราะกลัวติดเชื้อโรคมากกว่ากลัวตาย

เราขอบอกท่านทั้งหลายว่า
ประสบการณ์ครั้งนี้ของท่าน
ที่จะใช้เป็นแบบแผน
ในการต่อสู้กับเชื้อโรคระบาดในครั้งหน้า
นั่นคือ สิ่งที่พระบิดาปรารถนาจากท่าน
มิใช่ความกลัวติดเชื้อโรคร้ายกับความตาย
ที่พวกท่านส่วนใหญ่ยังขาดสติกันอยู่

จนยังผลให้พวกท่านหลายราย
สอบตกบททดสอบการใช้มหาสติและกฤตสติ
ที่เราสู้อุตส่าห์ปูพื้นฐานให้ไว้ตั้งนานแล้ว

จะมีคนตายมากมายอย่างที่กลัวกันได้อย่างไร
เพราะครั้งนี้เป็นการซ้อมศึกมิใช่สู้ศึก
เพราะใช้กระสุนเทียมยังมิใช่กระสุนจริง

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
สำหรับจุดอ่อนของ "โควิด-19" นี้นั้น
ถ้าใครอยากรู้ก็ให้ชูมือขื้นก็แล้วกันนะ
บทสนทนาครั้งนี้

เรากล่าวต่อท่านทั้งหลาย

ในนามเทพแห่งอัคคี พญานกฟีนิกซ์
ซึ่งเป็นพระจิตวิญญาณแห่งเรา
ที่กลับมาตามสัญญาเพื่อช่วยพาท่านให้รอด


ครั้งนี้เราได้กางปีกกว้างออก
เพื่อรอให้ลูกแกะของพระบิดา
ผู้เป็นดั่งเจ้าสาวของเราที่จำเราได้
พากันเข้ามาซุกอยู่ภายใต้ปีกอันศักดิ์สิทธิ์
เพื่อความปลอดภัยจากสงครามเชื้อโรค
และปลอดภัยจากภัยพิบัติที่กำลังทะยอยมา


ท่านทั้งหลายจงรู้ไว้เถิดว่า
เวลาเดินเล่น เที่ยวเล่น
เวลาที่จะล้อเล่นกับมัจจุราชนั้น
ไม่มีให้มนุษย์ได้ใช้กันอย่างประมาท
ได้ใช้กันอย่างเพลิดเพลินเหมือนอดีตอีกแล้ว

กราบพระบาท
ขอบพระทัยพระบิดาฯที่ทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
19/03/2020