03 มีนาคม 2561

คลื่นความถี่ของสนามแม่เหล็กโลก


พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
คลื่นความถี่ของสนามแม่เหล็กโลก
ก็เป็นพลังงานชนิดเดียวกันกับพลังงานจักรวาล
ดังที่เราเคยกล่าวมาแล้วว่า
พลังงานจักรวาลเป็นพลังงานพื้นฐาน
ที่องค์จิตจักรวาลทรงกำหนดสร้างขึ้นไว้
ภายในทรงกลมรูปชามสองใบคว่ำประกบกันอยู่
แล้วจึงกำหนดสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายขึ้นที่ในนั้น
ขณะที่สนามแม่เหล็กโลก
เป็นคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก
อันเกิดจากจิตสามนึกด้านบวกของมนุษย์
ซึ่งผลิตสร้างพลังงานจิตด้านบวกออกมา
แล้วถูกเหนี่ยวรั้งลงไปในแกนโลก
เพื่อไปจุดระเบิดอะตอมธาตุออกซิเจน
ที่เหนียวหนืดคล้ายตังเมที่ในนั้น
ผลผลิตจากการระเบิดแบบ Nuclear Fissions
ก็คือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าด้านบวกที่แผ่ออกมา
คลื่นความถี่สนามแม่เหล็กโลกนี่แหละ
เป็นคลื่นความถี่ชนิดเดียวกัน
กับคลื่นพลังงานจิตด้านบวกของพวกท่าน
และคลื่นพลังงานจักรวาลของพระบิดา
ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า
ทุกสรรพสิ่งไม่ว่ามีชีวิตหรือเป็นแค่วัตถุมวลสาร
ที่มีความสมดุลอยู่ในตนเองอย่างมั่นคง
อันหมายถึงสั่นสะเทือนภายในตนเองเป็นปกติ
มีความสุขสงบเป็นสุญตาได้ตลอดเวลา
ก็จะสามารถล่องลอยอยู่ในสนามพลังงาน
ได้อย่างปกติสุขเหมือนรอบๆตัวเองไม่มีอะไร
เพราะการหมุนเวียนแลกเปลี่ยนพลังงาน
ระหว่างมนุษย์กับสนามพลังงานรอบตัว
ระหว่างสรรพสิ่งนั้นๆกับสนามพลังงานรอบตัว
ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์และทุกสรรพสิ่ง
ในสนามพลังงานรายรอบตัวเอง
มันเป็นไปอย่างสมดุลและคงที่อยู่ตลอดเวลา
แต่หากเมื่อใดก็ตาม
มนุษย์คนใดหรือสรรพสิ่งใดก็ตาม
เกิดการเสียสมดุลจากการสั่นสะเทือนในตนเอง
โดยถ้าเป็นมนุษย์ก็เกิดจากจิตสามนึกบกพร่อง
จนสั่นสะเทือนจิตใจตนเองไปในทางต่ำ
คลื่นพลังงานจิตที่ผลิตสร้างออกมา
ก็จะเสียสมดุลกับสนามพลังงานแห่งเอกภพทันที
ซึ่งในยามปกติพลังงานรอบตัวที่บวกมากกว่า
ก็จะเคลื่อนไหลเข้าไปเติมเต็มให้จนสมดุล
มนุษย์คนนั้นก็จะรู้สึกเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ
อวัยวะร่างกายก็ไม่มีอาการป่วยไข้หรือบกพร่อง
เมื่อแรกสร้างมนุษย์โลกขึ้นไว้ในเอกภพ
ชาวโลกเสรีจึงล้วนมีอายุขัยยืนยาวเป็นร้อยๆปี
เพราะบรรพบุรุษพวกท่านทั้งหลายนั้น
มีสภาวะจิตสามนึกที่เป็นบวก สงบ และสมดุล
จากการคอยดูแลสภาวะจิตตนเองอย่างใส่ใจ
ซึ่งต่างจากพวกท่านส่วนใหญ่ในปลายยุคนี้
ที่มุ่งเอาแต่ใจตนโดยไม่สนสมดุลของจิตเลย
พวกท่านจึงขาดพลังงานธรรมชาติหล่อเลี้ยง
ชีวิตของท่านจึงไม่ต่างจากต้นกล้าไม้
ที่ไร้พลังงานแสงอาทิตย์และขาดแคลนน้ำ
ต้นกล้าแต่ละต้นคนแต่ละคน
จึงมีแต่เติบตายเพราะโตต่อไปเรื่อยๆไม่ได้
ยิ่งทุกวันนี้
ท่านทั้งหลายที่เป็นมนุษย์
ยังทำให้จิตสามนึกตนเองตกต่ำมากๆ
จนไม่สามารถช่วยโลกของตน
ผลิตสร้างพลังอำนาจแม่เหล็กโลกกันได้
พลังงานแม่เหล็กโลกที่เป็นหนึ่งเดียวกัน
กับพลังงานจักรวาลของพระบิดา
ก็อ่อนแอปริมาณน้อยไม่เข้มข้น
จึงยังผลให้สนามพลังงานรอบๆตัวมนุษย์โลก
ขาดแคลนไม่เพียงพอที่จะช่วยเติมเต็ม
ให้แก่เครื่องยนต์แห่งกรรมมนุษย์คนไหนได้
ดังนั้น มนุษย์โลกทั้งหลาย
จะมีคนป่วยเพราะอวัยวะภายในชำรุดมากขึ้น
จะมีคนโง่ที่ไม่รู้ว่าตนเองโง่มากขึ้น
จะมีคนชั่วที่ไม่รู้ว่าตนชั่วมากขึ้น
จะมีคนตกเป็นทาสกิเลสตัณหามากขึ้น
จะมีคนงมงายกับอวิชชาและอุปาทานมากขึ้น
จะมีคนหลงทางไปนิพพานมากขึ้น
ฯลฯ
ถ้าท่านไม่ต้องการที่จะเป็นหนึ่งในนั้น
ก็ให้เร่งถือครองลูกแก้วสองดวงให้มั่นคงไว้
คือ มหาสติ และ ปณิธานแห่งนิพพาน
ที่พระบิดาทรงประทานผ่านมาทางเราให้ท่าน
เมื่อนานหลายเพลามาแล้วนั่นแหละ
เพราะท่านจะสามารถสร้างสมดุลให้ตนเอง
แล้วแบ่งปันให้คนรอบข้างและทุกสรรพสิ่งได้
เพียงแค่ท่านถือครองแก้วสองดวงไว้เท่านั้น
ท่านจะมีความสดชื่น
อยู่ท่ามกลางความเหี่ยวเฉาของผู้อื่นได้
ท่านจะสงบสมดุล
อยู่ท่ามกลางสังคมที่วุ่นวายไม่สมดุลได้
ท่านจะมีอายุขัยยืนยาว
ไม่เกิดการตายของกายสังขารก่อนวันตายจริง
ให้โลกวิญญาณต้องวุ่นวายไม่สมดุลได้
ท่านจะไร้โรคาและไม่เจ็บป่วย
เพราะกลไกอวัยวะภายในชำรุดบกพร่อง
อันเกิดจากการกระทำต่อตนเอง
ที่มิใช่โรคอันเกิดจากกฎแห่งกรรมได้
แน่นอนว่า
ท่านไม่ต้องเรียกหา #พลังจักรวาล
จากจอมยุทธอุตริตนใดให้ช่วยเหลือท่าน
เพราะท่านพึ่งพาตนเองได้จนไม่ป่วย
เพราะร่างกายท่านไม่ขาดพลังงาน
เนื่องจากมีจิตสามนึกดี...ดี๊...ดี...
พระบิดาทรงกำหนดกลไกการพึ่งตนเอง
เอาไว้ให้ลูกๆทุกคนเข้าถึงได้ง่ายๆอยู่แล้ว
การไปพึ่งคนอื่น
ช่วยดูดพลังงานจักรวาลผ่านตัวเขาคนนั้น
แล้วถ่ายเทผ่านมาให้ท่านน่ะ
มันทั้งเสี่ยง! มันทั้งเสียว! มันทั้งไม่ปลอดภัย!
ต่อร่างกายและจิตวิญญาณของท่านนะ
เราจะบอกความจริงนี้ให้รู้ไว้
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
3-03-2018