#สนทนาประสาจิตจักรวาล
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ความรู้ในโลกนี้มีตั้งมากมาย
เมื่อท่านสัมผัสรู้ดูเห็นสิ่งใดก็ตาม
ท่านจะทำตัวแบบ "ไม่อะไรกับอะไร" ไม่ได้
เพราะท่านมีหน้าที่ต้องเรียนรู้ให้เข้าใจ
เพราะท่านมีหน้าที่ต้องเรียนรู้ให้เข้าถึง
ในทุกๆสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตท่าน
การเรียนรู้จะช่วยให้ท่านเป็นคนเก่งขึ้น
การเรียนรู้จะช่วยให้ท่านฉลาดขึ้น
การเรียนรู้จะช่วยให้ท่านเป็นคนดีมากขึ้น
การเรียนรู้จะช่วยให้ท่านรอบรู้มากขึ้น
แน่นอนว่า
ท่านต้องเรียนรู้ให้เป็น
ท่านต้องฉลาดที่จะเรียนรู้
โดยอาศัยกลไกอายตนะทั้งหก
ทำงานร่วมกันกับจิต
และความฉลาดของสมองสองซีกที่ท่านมีอยู่
อย่างมีประสิทธิผลเท่านั้น
มีนักปฏิบัติธรรมหลายราย
พยายามปิดกั้นการเรียนรู้ของตนเองไว้
ด้วยการพยายาม "ไม่อะไรกับอะไร"
เพราะเหตุว่า "กลัวจิตตก" หากรู้อะไรอะไรเข้า
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
การที่ท่านเรียนรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร
แล้วเกิดอาการจิตตก
ท่านจึงปฏิเสธการเรียนรู้ด้วยการวางเฉยนั้น
มันทำให้ท่านเสียหายถึง 3 สิ่งด้วยกัน
1.สิ่งแรกก็คือ ท่านหมดโอกาสที่จะได้รู้
ความรู้ใหม่นั้นเพราะการไม่อะไรกับอะไร
2.สิ่งที่สองก็คือ ท่านหมดโอกาส
ที่จะพัฒนาจิตใจของท่านให้สูงขึ้น
เพราะการไม่อะไรกับอะไรนั้น
มันจะยังผลให้จิตหมดโอกาสได้รับบททดสอบ
การชำระจิตใจให้ใสสวยในชีวิตประจำวัน
จึงเกิดการล้มเหลวและเสียชาติเกิด
เพราะเสียเวลาที่ได้รับโอกาสให้มาเกิด
เพื่อปรับปรุงแก้ไขพัฒนาจิตใจไปเปล่าๆ
3.สิ่งที่สามก็คือ ท่านหมดโอกาส
ที่จะพัฒนาสติปัญญาของสมองของท่าน
เพราะการปฏิเสธไม่อะไรกับอะไร
มันทำให้ท่านไม่รู้ไม่เข้าใจปัญหา
เมื่อไม่รู้ปัญหาการใช้สติปัญญาขบคิดจึงไม่มี
เพราะท่านได้แต่กลัวจิตตกเกินเหตุ
ดังนั้น
ถ้าท่านต้องการพัฒนาจิตตปัญญาให้สูงขึ้น
ท่านจึงจะทำตัวแบบ "ไม่อะไรกับอะไร" ไม่ได้
ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า
ถ้าเผชิญปัญหามากท่านก็จะได้ใช้ปัญญามาก
ความฉลาดปราดเปรื่องก็จะเพิ่มพูนมากขึ้น
ถ้าเผชิญปัญหาจนเสียสมดุลบ่อยๆหรือจิตตก
ความฉลาดทางจิตก็จะยกระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ
การไม่ยอมเรียนรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
โดยไม่ยอมอะไรกับอะไร
จนดูเหมือนว่าจิตท่านสงบสมดุลนั้น
มันมิได้หมายความว่าจิตท่าน
ว่างไปจากอารมณ์หยาบๆรายวัน
โดยปราศจากกิเลสตัณหาหมดสิ้นแล้วนะ
แท้แล้วมันแค่เพียงสงบอยู่ชั่วคราวเท่านั้นเอง
อารมณ์ขยะในจิตใจท่านน่ะ
ไม่ต่างจากบ้านข้างเคียงของท่านนั่นแหละ
การที่คนข้างบ้านเขาอยู่เงียบๆ
ก็มิได้หมายความว่าบ้านเขาไม่มีคนอยู่
จิตใจท่านก็เช่นกัน
การที่มันสงบว่างไปจากอารมณ์ขยะน่ะ
เป็นเพราะขณะนั้นไม่มีการยั่วยุมันต่างหาก
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
18-03-2018