#พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
#ทรงโปรดเวไนย (ภาค 3)
To Whom It May Concern:
*****************************
บุตรรักแห่งบิดาทั้งหลาย
พี่ๆน้องๆที่ <3 แห่งเราทั้งหลาย
"เสียงกัมปนาท กราดเกรี้ยว เสียวระทึก
ดั่งยามดึก ฟ้าผ่า พาแตกตื่น
ครูสั่งศิษย์ กีดกัน ทุกวันคืน
ห้ามยุ่งยื่น เป็นมิตร จิตจักรวาล"
คำถามที่ 2:
************
อาจารย์อาวุโสท่านเดียวกันกับ
ผู้ที่สั่งศิษย์สาวกของตนไว้ว่า
ห้ามเข้ามาศุึกษาธรรมกับจิตจักรวาล
ห้ามยุ่งเกี่ยวกับอาจารย์ปริญญา ตันสกุล
โดยเด็ดขาด
ยังมีคำกล่าวกึ่งถามแต่ไม่ถาม
ต่อผู้ที่ตนออกคำสั่งห้ามอีกด้วยว่า
2)เธอกำลังทำอะไร?
เธอกำลังไม่เคารพอาจารย์
ไม่เทิดทูนธรรมนะ
วิเคราะห์คำกล่าวและคนกล่าว:
*******************************
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
อาวุโสท่านนี้ที่กล่าวว่า
#เธอกำลังไม่เคารพอาจารย์
#ไม่เทิดทูนธรรม
เราเห็นว่าคนกล่าว
น่าจะกล่าวอย่างขาดสติ
ไม่มึนก็เมาไม่เมาก็สับสนในตนเอง
ไม่สับสนในตนเองเพราะคิดไม่ตก
ก็คงจะกล่าวออกมาอย่างขาดสติ
ถามว่าทำไมเราจึงวิเคราะห์เช่นนี้
คำตอบก็คือเพราะเรามองว่า
คุรุท่านนี้น่ะคงต้องเข้าใจผิด
ในศิษย์ของตนเป็นแน่
หรือถ้าไม่เข้าใจผิด
ก็คงเพราะมีจิตระแวง
เนื่องจากการที่ศิษย์ของตน
แวะเข้ามาศึกษา
หาองค์ธรรมนอกกำมือตน
กับแหล่งความรู้นี้
ที่มีนามว่า #จิตจักรวาล นั้น
ไม่เห็นจะเป็นเรื่องเลวร้าย
เหลวไหลที่ตรงไหน
ไม่เห็นว่าจะลบหลู่ครู
ให้เสื่อมศรีที่ตรงไหน
ไม่เห็นว่า
จะไม่เทอดทูนธรรมที่ตรงไหน
ศิษย์ของท่านย่อมสามารถ
เรียนรู้อะไรๆกับคุรุคนไหน
ในโลกกว้างได้
เพื่อทำให้เขารอบรู้และฉลาดมากขึ้น
ซึ่งน่ายินดีสำหรับครูผู้รักศิษย์ด้วยซ้ำ
ที่ศิษย์ของตนเป็นคนใฝ่รู้เยี่ยงนี้
ที่ศิษย์ของตนไม่เป็นศิษย์โง่ๆ
อยู่กับครูอาวุโสแค่คนเดียวชั่วชีวิตนี้
ท่านทำตนเหมือนกับว่า
ในบรรณพิภพนี้น่ะ
มีเอกแห่งคุรุอยู่คนเดียวเท่านั้น
คือท่านเอง
ถ้าไปเรียนรู้กับครูคนอื่นๆแล้ว
มันจะทำให้ท่านอับอาย
เสื่อมเกียรติศักดิ์ศรี
เพราะคนอื่นใดในโลกนี้
ท่านมองว่าเป็นครู
ที่ต่ำต้อยกว่าท่านทั้งนั้น
ดังนั้น
ด้วยเหตุผลดั่งว่ามานี้เอง
ท่านจึงสรุปเอาดื้อๆเลยว่า
การที่ศิษย์ท่านมาศึกษาจิตจักรวาล
มันทำให้ท่านต้องอับอายเสื่อมศักดิ์ศรี
เพราะมีคุรุเกรดดีแล้วยังแอบหนี
ไปหาครูผู้ต่ำต้อยคนอื่นอีก
ท่านจึงกล่าวตำหนิว่า
เป็นศิษย์ไม่เคารพอาจารย์
เราจึงขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลาย
และต่อท่านอาวุโสเพิ่มเติมว่า
ถ้าให้เรามองท่านให้สูงขึ้นไปกว่านี้
แทนที่จะมองแค่ว่าท่าน "หลงตัวเอง"
เราก็ยังมองได้อีกว่า
การที่ท่านตำหนิศิษย์อย่างไร้เมตตา
ว่าไม่เคารพอาจารย์
ไม่เทอดทูนธรรมนั้น
มันเป็นคำขู่ให้ศิษย์โง่นั้นหวั่นกลัว
มันเป็นคำกล่าวหาของคนฉลาด
ที่จะทำให้ศิษย์โง่
ซึ่งเป็นคนดีแต่ขลาดเขลา
บังเกิดความขลาดกลัวที่จะทำผิดต่อครู
จนลืมที่จะคิดต่อเพื่อให้ได้รู้ว่า
อันตัวกูไม่เคารพครู
ไม่เทอดธรรมครูที่ตรงไหน
จะได้ไม่ไปเปิดหูเปิดตา
กับครูที่ไหนอีกไงล่ะ
พฤติกรรมชั้นเชิงสูงเยี่ยงนี้เรามองว่า
เป็นพฤติกรรมขู่เข็ญศิษย์สาวก
เพราะกลัวว่าตนจะเสียสาวกไป
กลัวว่าถ้าขืนปล่อยให้ไปศึกษาที่อื่น
ถ้าไปแล้วไปลับไม่กลับคืนสำนัก
แล้วสำนักจะเหลือใครถ้าไร้สาวก
เราจะบอกท่านตรงๆว่า
ถ้ามุ่งเน้นแต่การจะสร้างสำนัก
ด้วยการเพิ่มทวีจำนวนสาวก
ให้เหมือนกับการล่าสมาชิก
ในกลุ่มธุรกิจขายตรงแล้ว
ท่านจะตกหลุมพรางของตัวเองทันที
เพราะท่านจะเห็นว่าสาวกแต่ละคน
มีความสำคัญต่อสำนักเหนือสิ่งอื่น
ซึ่งท่านจะยอมให้เขาขาดหายไปไม่ได้
จึงต้องหาเพิ่มไปเรื่อยๆ
ท่านจึงต้องทำทุกทางทั้งหลอกทั้งขู่
เพื่อให้พวกเขายังต้องอยู่กับท่านตลอด
จึงใช้วิธีง่ายๆแต่ได้ผลเกินคาด
นั่นคือเปิดตลาดขายความกลัว
ต่อสาวกของตน
สอนให้กลัวต่อการไม่เคารพอาจารย์
สอนให้กลัวต่อการผิดสัจจะ
สอนให้กลัวต่อการอกตัญญูไม่รู้คุณ
ซึ่งคนดีๆเขามักจะกลัวทำผิดบาปในเรื่องนี้
วิธีขายความกลัวจึงขายง่ายถ้าศิษย์โง่
ดังนั้น
จึงไม่ยินยอมให้สาวกไปศึกษาที่อื่น
เพราะถ้าเขารู้มากขึ้น ฉลาดขึ้น เก่งขึ้น
พวกเขาก็จะมีความองอาจ
กล้าหาญมากขึ้น
พวกเขาจะยิ่งสนุก
กับการเรียนรู้โลกมากขึ้น
พวกเขาจะต้องไม่หลบมุม
อยู่กับความมืดอีกแล้ว
นี่ไง...คือ ความเสื่อมโทรม
ต่อให้จัดตั้งองค์กรใว้แข็งแกร่งเพียงใด
ก็มิอาจเหนี่ยวรั้งจิตใจของใครได้เลย
เรารู้ว่าอาวุโสทั้งหลายก็รู้
ซึ่งวันนี้เราเป็นคนนอกสำนักก็รู้
เราจึงขอทักให้ท่านรู้ไว้ด้วยความรัก
ทางออกที่ต้องทำคือ
อย่าเน้นแต่จะล่าสาวก
การสอนสื่อธรรมะมิใช่ธุรกิจขายตรง
เพราะหัวใจของงานสื่อสอนธรรมะ
คือ องค์ธรรมที่ถูกต้องถ่องแท้
ที่จะนำพาจิตวิญญาณพี่ๆน้องๆ
กลับบ้านเกิดเมืองนอน
ได้ถูกทางต่างหาก
ไม่ใช่เน้นที่จำนวนสาวก
ด้วยการมุ่งล่าสาวก
โดยไม่ใส่ใจในคุณภาพของสาวก
จึงเน้นแต่การออกกฏกติกาบังคับ
เพราะสาวกเยอะควบคุมยาก
ถ้ากฏหย่อน
ท่านเห็นรึไม่ว่า
ถ้าเริ่มต้นผิด คิดผิด
มันจะเกิดการสับสนวุ่นวายไปหมด
งานพัฒนาคุณภาพสาวก
งานชำระองค์ธรรมชั้นสูง
ที่อาวุโสแต่โบราณท่านดำเนินการ
ไว้เป็นแบบอย่างที่ดีสืบมา
จึงทำท่าว่าจะเสื่อมคลายลงไปตามกาล
เพราะขาดการชำระว่า
มีองค์ธรรมใดที่มันผิดเพี้ยนไป
ตามกาลสี่ร้อยปีที่ผ่านมาแล้วบ้าง
วันๆจึงได้แต่ภูมิใจในองค์กรจัดตั้ง
แล้วมานั่งหวั่นกลัวสาวกจะหนีหาย
แต่การสร้างความภูมิใจใน "องค์ธรรม"
กลับย่อหย่อนผ่อนคลาย
ไม่รู้กันหรืออย่างไรว่า
#องค์ธรรม ต่างหาก
ที่สำนักจะยืนหยัดได้อย่างองอาจ
ถ้าเป็นคุรุที่แท้จริงแล้ว
เมื่อทราบว่าสาวกของตน
หันหน้ามาศึกษาธรรมจากจิตจักรวาล
คำถามของคุรุผู้รักศิษย์ที่จิตบริสุทธิ์
น่าจะสอบถามศิษย์ของตนว่า
เธอไปเรียนรู้อะไรมาบ้างล่ะ
ช่วยเอ่ยอ้างให้ครูอาวุโสฟังหน่อยได้มั้ย
อาวุโสควรต้องตั้งใจฟังอย่างใส่ใจ
แล้วค่อยๆพิจารณาด้วยปัญญาว่า
#ที่ศิษย์ของท่านไปคาบความรู้มานั้น
#ไหนเป็นอาหารไหนเป็นสารพิษ
โดยวิเคราะห์ให้ศิษย์ฟังเป็นฉากๆ
ด้วยความฉลาดปราดเปรื่อง
ถ้าเมตตาศิษย์จริงท่านควรทำดั่งว่านี้
มันจึงจะสมเกียรติศักดิ์ศรีแห่งคุรุอาวุโส
กับคำกล่าวที่ว่า
#เธอกำลังไม่เคารพอาจารย์
#เธอไม่เทิดทูนธรรม
เราวิเคราะห์ว่าเป็นคำขู่
ที่เกิดจากความกลัวของคนกล่าวขู่
ส่วนจะกลัวอะไรนั้น
เราได้ใช้ปัญญาอันน้อยนิดของเรา
วิเคราะห์ให้ท่านทั้งหลาย
ได้เรียนรู้กันกระจ่างแจ้งแล้ว
ท่านจะเห็นเป็นตัวอย่างได้ว่า
กรณีที่เราต้องมาแสดงธรรมเยี่ยงนี้
ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่า
#ความกลัว มันทำให้เสื่อมจริงๆ
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
22-06-2017
หมายเหตุ:
ใครอยากเรียนต่อ ภาค 4
กรุณาช่วยชูมือสูงๆอีกครั้ง