16 สิงหาคม 2558

ถ้าต้องการเปลี่ยนแปลงโลก ต้องทำที่จิตสำนึกมนุษย์เท่านั้น




ท่านทราบหรือไม่ว่า
ถ้าต้องการเปลี่ยนแปลงโลก
ทำไมจึงต้องทำที่่จิตสำนึกมนุษย์

คำว่า "โลก (Earth)"
ในที่นี้หมายถึง ดาวเคราะห์โลกเสรี
ซึ่งเป็นหนึ่งในเก้าดวงของระบบสุริยจักรวาลนี้นั่นเอง

คำว่า "เปลี่ยนแปลง (Change)"
ในที่นี้หมายถึง การที่ดาวเคราะห์โลกดวงนี้
เกิดมีอะไรบางสิ่งที่ผิดแผกแตกต่างไปจากเดิม
ซึ่งเป็นไปได้ทั้งด้านบวกคือดีมากยิ่งขึ้น
กับด้านลบคือตกต่ำย่ำแย่ลงไปจากเดิม

คำว่า "จิตสำนึก (Consciousness)"
หมายถึง
การสั่นสะเทือนทางอารมณ์รู้สึกนึกคิดของมนุษย์
เมื่อถูกกระตุ้นหรือปลุกเร้าจากสิ่งเร้าต่างๆ
แล้วขับเคลื่อนออกมาเป็นพฤติกรรมภายนอก
ซึ่งเกิดได้ทั้งด้านบวกและด้านลบ

โดยมีอารมณ์รู้สึกนึกคิดของจิตในขณะนั้น
เป็นตัวกำหนดว่ากำลังสั่นสะเทือนเป็นลบหรือบวก


จิตสำนึกด้านลบเกิดได้อย่างไร
ถ้าสภาวะจิตในขณะนั้น
มีการสั่นสะเทือนอยู่ในย่านความถี่ต่ำ
หรือเกิด "มโนกรรม" ที่เป็นกิเลสตัณหาราคะทั้งปวง
แล้วขับเคลื่อนออกมาเป็นพฤติกรรมภายนอก
ในรูปของ กายกรรม วจีกรรมแล้ว

พระบิดาจะทรงเรียกกระบวนการนี้ว่า
การสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกด้านลบ

นั่นคือ
มันจะเป็นการเริ่มต้นสั่นสะเทือนของจิต
ในรูปของ อารมณ์รู้สึกนึกคิดด้านลบ ขึ้นมาก่อน
เมื่อถูกยั่วยวน ยั่วยุ หรือ ปลุกเร้าแล้ว
จากนั้นอารมณ์รู้สึกนึกคิดด้านลบที่เกิดขึ้น
มันก็จะไปกระตุ้นให้เกิดการสั่นสะเทือน
ทางความคิดของสมองที่เป็นด้านลบ
ที่เรียกว่า "คิดลบ" ต่อไป

จากนั้นสมองที่สั่นสะเทือนเป็นการคิดด้านลบ
ก็จะสั่งการหรือบัญชาให้อวัยวะร่างกาย
แสดงออกหรือกระทำพฤติกรรมภายนอกที่เป็นด้านลบ
ทั้งกายกรรมและวจีกรรมต่อไปในที่สุด

นี่จึงเป็นกระบวนการเกิด พฤติกรรมด้านลบ
จากจิตสำนึกด้านลบในชีวิตประจำวันของมนุษย์
ที่ท่านทั้งหลายควรรู้ไว้


จิตสำนึกด้านบวกเกิดได้อย่างไร
ถ้าสภาวะจิตในขณะนั้น
มีการสั่นสะเทือนอยู่ในย่านความถี่สูง
หรือเกิด "มโนกรรม" ที่เป็นความสุข ความปีติ
ความอิ่มเอิบเบิกบาน ความสงบ และความรัก
แล้วขับเคลื่อนมันออกมาเป็นพฤติกรรมภายนอก
ในรูปของ กายกรรม วจีกรรมแล้ว

พระบิดาจะทรงเรียกกระบวนการนี้ว่า
การสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกด้านบวก

นั่นคือ
มันจะเป็นการเริ่มต้นสั่นสะเทือนของจิต
ในรูปของ อารมณ์รู้สึกนึกคิดด้านบวก ขึ้นมาก่อน
เมื่อถูกกระตุ้น หรือ ปลุกเร้าแล้ว
จากนั้นอารมณ์รู้สึกนึกคิดด้านบวกใดๆที่เกิดขึ้น
มันก็จะไปกระตุ้นให้เกิดการสั่นสะเทือน
ทางความคิดของสมองที่เป็นด้านบวก
ที่เรียกว่า "คิดบวก" ต่อไป

จากนั้นสมองที่สั่นสะเทือนเป็นการคิดด้านบวก
ก็จะสั่งการหรือบัญชาให้อวัยวะร่างกาย
แสดงออกหรือกระทำพฤติกรรมภายนอกที่เป็นด้านบวก
ทั้งกายกรรมและวจีกรรมต่อไปในที่สุด

นี่จึงเป็นกระบวนการเกิด พฤติกรรมด้านบวก
จากจิตสำนึกด้านบวกในชีวิตประจำวันของมนุษย์
ที่ท่านทั้งหลายควรรู้ไว้เช่นกัน


จิตสำนึกด้านบวกด้านลบของมนุษย์
เกี่ยวข้องกับดาวเคราะห์โลกอย่างไร

ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า
มนุษย์กับโลกนั้นได้ถูกกำหนดสร้างขึ้นมา
เพื่อให้ทำหน้าที่ร่วมกัน
ในการพิทักษ์รักษาความสมดุล
ของระบบสุริยจักรวาลแห่งดาวนพเคราะห์เหล่านี้
เอาไว้ให้ยั่งยืนตลอดกาล

แต่การที่ดาวเคราะห์โลกจะมีพลังอำนาจมาก
จนเพียงพอที่จะแสดงบทบาท
ของผู้พิทักษ์สมดุลจักรวาลได้นั้น
ดาวเคราะห์โลกดวงนี้จักต้องมีการสั่นสะเทือน
ทางจิตสำนึกด้านบวกสูงสุดสถานเดียวเท่านั้น
ซึ่งกลไกที่จะช่วยให้โลก
มีพลังอำนาจด้านบวกสูงสุดได้
ก็คือ มวลมนุษย์แห่งโลกเสรีนี่เอง

ดังนั้น
พระบิดาหรือพระผู้สร้าง
จึงได้ทรงกำหนดติดตั้งให้
จิตสำนึกมนุษย์กับโลกเป็นหนึ่งเดียวกันไว้

มนุษย์ทุกคนบนโลกเสรีนี้
จึงมีหน้าที่สำคัญที่จะต้องทำประจำวันก็คือ
ต้องร่วมกันสั่นสะเทือนจิตสำนึกตนเองทางด้านบวก
ให้สูงที่สุดเท่าที่แต่ละคนจะเข้าถึงมันได้
ในทุกเงื่อนไขบททดสอบที่แต่ละคนได้เผชิญ
เพื่อช่วยกันสร้างจิตสำนึกด้านบวกสูงสุด
ให้แก่ดาวเคราะห์โลกดวงนี้ให้จงได้

โดยองค์จิตจักรวาล
ผู้ทรงเป็นพระบิดาแห่งจิตวิญญาณของมนุษย์ทุกคน
ได้ทรงกำหนดให้มนุษย์โลก
แบ่งเวลาผลัดเปลี่ยนกันทำหน้าที่
โดยใช้เวลากลางวันเป็นเครื่องกำหนดภารกิจนี้
และกำหนดให้เวลากลางคืนเป็นช่วงเวลา
สำหรับการพักผ่อนเครื่องยนต์แห่งกรรม

มนุษย์ทุกคนจะต้องรู้ไว้อีกด้วยว่า
การที่พระบิดาได้ทรงกำหนดสร้างให้
ท่านทั้งหลายล้วนเป็นคนสองมิตินั้น
ก็เพื่อให้ทุกท่านสามารถปฏิบัติภารกิจอันสำคัญนี้
ให้สำเร็จลุล่วงตามพระประสงค์ได้อย่างดียิ่ง

คนสองมิติ
หมายถึง รูปธรรมที่เป็นกายหยาบ
กับจิตวิญญาณซึ่งเป็นรูปธรรมทางพลังงาน
ต่างมีหน้าที่จะต้องสั่นสะเทือนตนเองร่วมกัน
เพื่อแสดงบทบาทของการเป็นมนุษย์นั่นเอง

หมายความว่า....
ขณะใดก็ตามที่มนุษย์มีการสั่นสะเทือนทางจิตใจ
แล้วขับเคลื่อนการกระทำใดๆออกมาทางกายภาพ
เป็นภาษาพูด ภาษาท่าทาง เป็นการแสดงออก
หรือเป็นการกระทำต่างๆทั้งดีและชั่ว
ให้เป็นที่ปรากฏประจักษ์ต่อผู้อื่นนั้น
ในขณะเดียวกันมนุษย์ยังได้ก่อให้เกิดการกระทำ
หรือ "กรรม" แบบเดียวกันในมิติแห่งจิตด้วย

ดังนั้น
ถ้าท่านสั่นสะเทือนตนเองเป็นการกระทำใดๆ
ในมิติโลกทางกายภาพไม่ว่าดีหรือชั่ว
นั่นเท่ากับว่าตัวท่านเองก็กำลังสั่นสะเทือนจิตใจ
เป็นการกระทำนั้นๆในมิติของแก่นแท้
ซึ่งเป็นมิติทางพลังงานไปในเวลาเดียวกันด้วย

หากท่านสั่นสะเทือนจิตสำนึกทางด้านบวก
ผลกรรมที่เกิดขึ้นในมิติโลกก็จะเป็นด้านบวก
และผลกรรมที่เกิดขึ้นในมิติทางพลังงาน
ก็จะเป็นด้านบวกด้วยเช่นเดียวกัน

แต่ถ้าท่านสั่นสะเทือนจิตสำนึกทางด้านลบ
ผลกรรมที่เกิดขึ้นในมิติโลกก็จะเป็นด้านลบ
และผลกรรมที่เกิดขึ้นในมิติทางพลังงาน
ก็จะเป็นด้านลบด้วยเช่นเดียวกัน

สิ่งที่มนุษย์ทั้งหลายยังไม่รู้ก็คือ
ผลกรรมในมิติทางพลังงานด้านของจิตวิญญาณนั้น
เกิดจากการสั่นสะเทือนของกลไกทางกายภาพ
ที่เป็นเครื่องมือของจิตซึ่งเป็นต่อมไร้ท่อต่างๆ
โดยกลไกเหล่านี้จะคอยทำหน้าที่สั่นสะเทือน
ตามการสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกของมนุษย์
เพื่อการ "ผลิตสร้าง" คลื่นพลังจิตออกมา
ในรูปของคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็ก
ซึ่งเป็นได้ทั้งด้านบวกและด้านลบ
สุดแท้แต่ว่าในขณะนั้นมนุษย์กำลังสั่นสะเทือน
ทางอารมณ์รู้สึกนึกคิดในตนเองเป็นแบบใด

ถ้ามนุษย์โลกส่วนใหญ่
พากันสั่นสะเทือนจิตสำนึกด้านลบ
นั่นเท่ากับว่ามนุษย์โลกได้กระทำผิดต่อหน้าที่
เพราะมันจะก่อให้เกิดการผลิตสร้าง
ผลกรรมทางพลังงานในมิติแห่งจิตขึ้นมา
ในรูปของคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กด้านลบ
แล้วก็จะเหวี่ยงมันออกมาภายนอกร่างกาย

พลังงานด้านลบที่มนุษย์ผลิตสร้างออกมานี้
จะเป็นพลังงานในแบบที่โลกไม่ต้องการ
มันจึงกลายเป็นขยะทางพลังงานที่รกโลก
ซึ่งผู้ใดก่อมันขึ้นมาผู้นั้นจักต้องเป็นเจ้าของ
และผู้ใดเป็นเจ้าของผู้นั้นต้องรับผิดชอบขยะนี้

การรับผิดชอบขยะเหล่านี้ก็คือ
การต้องย้อนกลับมาสู่การเกิดใหม่

เพื่อชำระมันให้หมดสิ้นไปจากระบบโลก
อันเป็นที่มาของการเวียนว่ายตายเกิดของมนุษย์
เพื่อแสดงความรับผิดชอบตามกฎแห่งกรรม
ที่ท่านทั้งหลายพอรู้กันอยู่บ้างแล้วนั่นเอง

เมื่อใดก็ตามที่มนุษย์โลกโดยรวม
ผลิตสร้างพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กด้านลบออกมา
จากการสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกด้านลบ
เพื่อตอบสนองสิ่งแวดล้อมที่เป็นสิ่งเร้า
ซึ่งอาจเป็นเพื่อนมนุษย์คนอื่นๆหรืออะไรก็ตาม
ประจุลบจากคลื่นพลังงานจิต
จำนวนอย่างน้อย 1% ของทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้น
จะถูกเหนี่ยวรั้งลงไปเก็บไว้ที่แกนโลก

ความจริงที่เรากล่าวต่อท่านทั้งหลายนี้
เป็นหลักการเดียวกันกับการที่ท่านต่อสายดิน
เมื่อมีการติดตั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน
จำพวกเครื่องซักผ้า หรือเครื่องทำน้ำอุ่นในห้องอาบน้ำ
เพื่อนำประจุไฟฟ้าลบจากตัวเครื่องลงดิน
อันเป็นการป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร ไฟรั่ว หรือไฟช็อต

ในทางกลับกัน
เมื่อใดก็ตามที่มนุษย์โลกโดยรวม
ผลิตสร้างพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวกออกมา
จากการสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกด้านบวก
เพื่อตอบสนองสิ่งแวดล้อมที่เป็นสิ่งเร้า
ซึ่งอาจเป็นเพื่อนมนุษย์คนอื่นๆหรืออะไรก็ตาม

ประจุบวกจากคลื่นพลังงานจิต
จำนวนอย่างน้อย 1% ของทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้น
จะถูกเหนี่ยวรั้งลงไปยังแกนโลก

เนื่องจากพระบิดาทรงติดตั้ง
ธาตุออกซิเจนเหลวที่บริสุทธิ์ 100% เอาไว้ที่แกนโลก
ซึ่งนอกจากมันจะมีคุณสมบัติในการเก็บประจุลบแล้ว

อะตอมของธาตุออกซิเจนจะถูกทำให้ระเบิด
ด้วยประจุไฟฟ้าบวกจากพลังจิตด้านบวกเหล่านี้

มนุษย์ควรเรียกการระเบิดที่แกนโลกนี้ว่า
ปฏิกริยา Nuclear Fission

การระเบิดระดับนิวเคลียร์
ของอะตอมของธาตุออกซิเจนที่แกนโลกนี้
จะเป็นลักษณะของการระเบิดแบบต่อเนื่อง
ที่มนุษย์โลกเรียกกันว่า Chain Reaction

เพราะการระเบิดต่อเนื่องรุนแรงที่แกนโลก
ซึ่งได้จากการสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกด้านบวก
ของมนุษย์โลกโดยรวมนี่เอง
จึงเป็นการช่วยสร้างจิตสำนึกของโลกโดยตรง
ทำให้ดาวเคราะห์โลกมีพลังอำนาจขึ้นมาได้

เมื่อโลกมีพลังอำนาจด้านบวกคงที่
เพราะมนุษย์โลกช่วยกันสั่นสะเทือนจิตสำนึกด้านบวก
โลกเองก็จะมีความสมดุลจนสามารถที่จะค้ำจุน
สุริยะจักรวาลทั้งระบบใหญ่เอาไว้ได้อย่างมั่นคง
สมดั่งพระประสงค์แห่งองค์จิตจักรวาล

ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า
ทุกสรรพสิ่งในจักรวาลอันไพศาลนี้
จะมีพลังอำนาจในตนเองได้ก็ต่อเมื่อ
สรรพสิ่งนั้นต้องมีการสั่นสะเทือนภายในตนเองเสมอ

เช่นถ้ามนุษย์สามารถที่จะเป็นสิงมีชีวิตอยู่ได้
หัวใจก็จะต้องเต้นเพื่อการสูบฉีดโลหิต
อวัยวะภายในทุกชิ้นต้องสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง
มนุษย์นั้นจึงจะสามารถมีพลังชีวิตเกิดขึ้นได้

และถ้ามนุษย์จะมีพลังอำนาจในการสร้างโลก
สร้างชีวิตตนเอง หรือสร้างงานได้
มนุษย์ก็จะต้องสั่นสะเทือนที่จิตสำนึกตนเอง
ให้เกิดเป็นคลื่นพลังงานความรักอันบริสุทธิ์เท่านั้น

ในยุคปัจจุบันนี้มนุษย์โลกมีจิตสำนึกโดยรวม
สั่นสะเทือนร่วมกันไปในทางต่ำลงมาก
จึงยังผลให้ดาวเคราะห์โลกมีพลังอำนาจต่ำลง

เช่นขณะนี้......

โลกมีค่าความเข้มสนามแม่เหล็กลดต่ำลง
จึงยังผลให้มนุษย์โลกทั้งหลายขาดสติง่าย
มีอารมณ์วิปริตรุนแรงมากขึ้น หงุดหงิดผิดปกติ
มีความสามารถในการใช้สติปัญญาต่ำลง
มีภูมิต้านทานโรคต่ำลง ติดเชื้อโรคง่าย 
สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง เป็นต้น

ดังนั้นเราจึงได้กล่าวความจริง
ในพระนามแห่งองค์จิตจักรวาลต่อท่านทั้งหลายว่า
จิตสำนึกของมนุษย์กับจิตสำนึกของโลกนั้น
ถูกกำหนดเอาไว้ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
ตลอดมาและตลอดไป

ถ้ามนุษย์ทั้งหลายไม่รักกัน
ดาวเคราะห์โลกเสรีดวงนี้จะไร้พลังอำนาจ
ทุกสิ่งในระบบโลกและระบบสุริยะ
จะพากันวิกฤตจนวิบัติแน่นอน
เราจึงขอเตือนท่านทั้งหลายไว้ในที่นี้

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา
16-08-2015