เมื่อโลกถึงกาลสิ้นยุคแล้วในคาบของการปิดยุค
56 วัน หรือ 8 ราตรีผู้ที่นำพาจิตวิญญาณตนเอง
หลุดพ้นไม่ได้เมื่อตายแล้วจะไปไหน....
1.จิตวิญญาณจะถูกทำให้แตกระเบิด
ด้วยการพุ่งเข้าชน
ของประดา
"เจ้ากรรมนายเวร" เมื่อจบชีวิตลง
ทันทีที่จิตวิญญาณของคนๆนั้นละสังขารออกไป
เจ้ากรรมนายเวรก็คือ
กลุ่มรูปธรรมทางพลังงาน
"จิตวิญญาณ"
ของประดาผู้ที่เคยเกี่ยวกรรมกันมา
กับคนๆนั้นในภพชาติอดีตตราบปัจจุบัน
ซึ่งพวกเขาถูกฝากฝังรอยแค้นพยาบาทเอาไว้ให้
โดยยังมิได้รับการถ่ายถอน
หรือยังมิได้อโหสิกัน
เมื่อดวงจิตวิญญาณของใคร
ถูกดวงจิตวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรพุ่งชน
ขณะชนปะทะกันนั้นจะก่อให้เกิดเสียงดังสนั่น
ซึ่งมันจะดังยิ่งกว่าเสียงฟ้าผ่าที่มนุษย์คุ้นเคยกันมา
เสียงอันดังนี้เป็นคลื่นความถี่สูง
สามารถทำให้กระจกหน้าต่างและแก้วน้ำ
ที่อยู่ในระยะใกล้เคียงแตกสลาย
จนถึงขนาดจะทำให้มนุษย์จำนวนไม่น้อย
ถึงขั้นตกใจกลัวจนสติแตกได้ง่ายๆ
นอกจากนั้น...
จิตวิญญาณมนุษย์
จำพวกที่จักต้องเผชิญกับชะตากรรมนี้
จะเป็นพวกที่ประพฤติตนหนักโลกรกแผ่นดิน
จนชักพาแก่นแท้ตนเองลงต่ำมาเรื่อยๆอีกด้วย
เมื่อจิตวิญญาณที่เป็นกล่องพลังงาน
ถูกชนจนแตกสลายแล้ว
ทั้งฝ่ายผู้พุ่งชนเองด้วยก็จะต้องแตกสลาย
ไร้ซึ่งคุณสมบัติของการเป็นกล่องพลังงาน
ที่เรียกว่าจิตวิญญาณตลอดไปเสมอกัน
แปลว่าจักต้องแตกสลายกลายเป็นศูนย์
คือ จะไม่มีทั้งคู่อยู่ในจักรวาลนี้อีกตราบชั่วนิรันดร์
ผู้ที่กระทำผิดบาปด้วยการยุแหย่
ให้เพื่อนมนุษย์ด้วยกันทำศึกสงครามกันเอง
ทั้งคนภายในชาติเดียวกันและต่างชาติ
พวกที่มีอาชีพรับจ้างสู้รบ
พวกที่ชอบใช้อำนาจเหนือนำ
จิตวิญญาณของมนุษย์คนอื่นๆ
ความผิดบาปของผู้คนจำพวกที่กล่าวมานี้
ในบัญชีของฟ้านั้นจะถูกแทงเป็นศูนย์ทั้งสิ้น
2.จักถูกส่งไปยังนรกโลกันต์
พิกัดที่ตั้งของนรกโลกันต์
หมายถึง ที่แกนโลกนั่นเอง
ที่แกนโลกนี้
จะเป็นอาณาบริเวณที่ร้อนจัดที่สุด
โดยร้อนกว่าสถานที่ใดๆในจักรวาลนี้เลยก็ว่าได้
จิตวิญญาณของผู้ที่จะต้องจบชีวิตลง
ด้วยปฏิบัติการทางเท็คนิก
เพื่อการชำระโลกแบบใดแบบหนึ่ง
ของผู้คนในจำพวกนี้นั้น
ต่างล้วนจะถูกส่งลงไปที่ข้างล่างนั่นทั้งสิ้น
ความผิดบาปมหันต์
ของดวงจิตวิญญาณเหล่านี้
คือ พวกที่ขันอาสาพระบิดาลงมาเกิดเป็นมนุษย์
แล้วกลับเป็นผู้ทำลายสมดุล
ของดาวเคราะห์โลกเสียเอง
พวกระเบิดภูเขา ถมทะเลหรือแหล่งน้ำ
พวกตัดโค่นต้นไม้ทำลายป่า
พวกสร้างเขื่อนปิดกั้นการไหลของทางน้ำ
พวกค้นคิดผลิตใช้อาวุธสงครามเพื่อการฆ่า
พวกผลิตสร้างยาเสพติดและสารเคมีเป็นพิษ
คนพวกนี้จัดเป็นพวกหนักโลก
รกแผ่นดินอีกพวกหนึ่ง
เพราะพวกเขานอกจากจะไม่เคยทำประโยน์อันใด
ให้กับดาวเคราะห์โลกของตนเองแล้ว
ยังจะทำตนเป็นภัยต่อแผ่นดินที่ตนเหยียบยืนเสียอีกด้วย
การจัดส่งให้ลงไปยังแกนโลกนั้น
ก็เพื่อจะให้พวกเขาได้มีโอกาส
ทำประโยชน์ต่อดาวเคราะห์โลกเสียบ้าง
3.จักถูกส่งลงไปยังนรกที่ลึกกว่าชั้น 13
จิตวิญญาณของมนุษย์ในกลุ่มนี้
จะถูกส่งไปยังนรกที่ลึกกว่าชั้นที่ 13 ลงไปอีก
ซึ่งถือว่า "ไม่ได้ผุด ไม่ได้เกิด" ชั่วนิรันดร์เลย
จิตวิญญาณของกลุ่มคนจำพวกนี้
มีความผิดบาปในลักษณะเดียวกันกับพวกที่สอง
แต่น้ำหนักของความผิดบาปน้อยกว่า เบากว่า
ความผิดบาปที่ชัดเจนที่สุดมีดังนี้
1.ไม่ฝักใฝ่ธรรมะ
2.ไม่ปฏิบัติธรรม
3.ไม่เชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์
4.งมงายกับภูติผีปีศาจ
5.หลงตนเองว่ายิ่งใหญ่เหนือใคร
6.ปฏิเสธพระเจ้า ไม่เอาพระศาสดา
7.ไม่เชื่อเรื่องการมีจิตวิญญาณ
8.ต่อต้านเรื่องนิพพาน
จิตวิญญาณของคนในกลุ่มนี้
จะตกนรกโดยมิมีโอกาสได้ผุดเกิดตลอดกาล
จักต้องดำรงอยู่ ณ ที่นั้นอย่างทุกข์ทรมาน
เพื่อใช้น้ำหนักมวลของจิตวิญญาณ
บวกกับผลกรรมของคนๆนั้นที่ได้สั่งสมไว้
ช่วยกันถ่วงน้ำหนักตรงแกนโลกไว้ให้สมดุล
ขณะเหวี่ยงหมุนรอบตนเอง
และโคจรไปรอบๆดวงอาทิตย์
4.จักถูกส่งลงไปยังนรกขุมที่ 13
จิตวิญญาณของผู้คนในกลุ่มนี้
จัดว่าดีกว่าจิตวิญญาณ
ในกลุ่มที่ 3 ก็ตรงที่
พวกเขาจะสามารถพ้นกรรมขึ้นมาจากขุมนรกได้
เพื่อให้ได้รับโอกาสแห่งการเกิดใหม่
แต่พวกเขาจะหมดโอกาส
ในการเกิดเป็นมนุษย์
เพราะไม่เคยเห็นคุณค่า
ของการเป็นมนุษย์เลย
พวกเขาจึงจะได้รับโอกาสให้
มาเกิดเป็นสัตว์ประจำโลกแทน
เช่น สัตว์จำพวกลอกคราบได้
สัตว์จำศีล และอื่นๆ
ความผิดบาปของมนุษย์จำพวกนี้ก็คือ
พวกที่ชอบสาบานว่าจะเคร่งครัด
ในการถือศีลครองธรรม
แต่กลับกระทำทุศีลอยู่เป็นประจำ
นอกจากนั้น
จิตวิญญาณมนุษย์จำพวกที่ประพฤติมิชอบ
ด้วยการตะแบงคำสอนพระศาสดา
ทั้งๆที่รู้ว่าไม่ถูกต้อง
จิตวิญญาณมนุษย์จำพวกที่สอนธรรมะผิดๆ
จนยังผลให้ผู้อื่นหลงเชื่อผิดๆ เข้าใจผิดๆ
สาเหตุเพราะพวกเขาไม่รู้จริง ไม่รู้แจ้ง
ในข้อธรรมะที่ตนสอนนั้น
พวกเขาแม้โชคยังดี
ที่จะได้รับโอกาสให้กลับมาเกิดใหม่
แต่พวกเขาจักต้องมาเกิดเป็นสัตว์ประจำโลก
จำพวกสัตว์จำศีลทั้งหลาย
ยาวนานถึง 7 ภพชาติ
หรือ ตายแล้วเกิดใหม่รวม 7 ครั้งนั่นเอง
โดยที่สัตว์จำศีลพวกนี้
ส่วนมากแล้วจะอายุยืนนานนับร้อยปี
แถมตายยากเสียอีกต่างหากด้วย
การจะเกิดตายแล้วเกิดใหม่ให้ครบ 7 ภพชาติ
จึงเป็นสิ่งที่ทุกข์อย่างยิ่งยวดนั่นล่ะ
5.จักได้กลับบ้าน คือ นิพพาน
จิตวิญญาณมนุษย์กลุ่มนี้
เป็นกลุ่มที่เมื่อจบชีวิตลงในระหว่างการชำระโลก
ในช่วง 56 วัน 8 ราตรี
ก็จะได้รับโอกาสให้หลุดพ้นคือนิพพานได้ทันที
ในวันเวลาที่สิ้นชีวิตลง
เพราะว่าพวกเขาเป็นคนดี
เพราะพวกเขาปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
เพราะพวกเขาปฏิบัติธรรมโดยไม่เดินถ่างขา
เพราะพวกเขาไม่ปฏิเสธพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
เพราะพวกเขาสอบผ่านทุกบททดสอบ
เพราะพวกเขาได้ชำระผลกรรมเก่าจนหมดสิ้น
6.จักได้รับโอกาสให้มาเกิดใหม่
จิตวิญญาณมนุษย์กลุ่มนี้เป็นคนดี
ไม่ปฏิเสธพระบิดาแต่ยังขาดมหาสติ
มีปณิธานแห่งนิพพานไม่ชัดเจน
พวกเขาจึงไม่สามารถชำระผลกรรมของตน
ให้คงเหลืออยู่ไม่เกิน 30% ได้เมื่อต้องตาย
ดังนั้น
พวกเขาเหล่านี้จึงจะได้รับโอกาส
ให้ย้อนกลับมาเกิดเป็นมนุษย์
ในยุคพลังงานใหม่ได้อีกต่อไป
โดยพระบิดาจะทรงเมตตายกเลิก
ผลกรรมเก่าทั้งหมดที่เหลืออยู่ให้จนหมดสิ้น
จึงถือเป็นเสมือนดวงจิตวิญญาณหนึ่งของผู้มาใหม่
ที่จะได้รับโอกาสให้เป็น "ภพชาติแรก"
แห่งการมาเกิดเป็นมนุษย์ในยุคพลังงานใหม่
เสมือนเด็กๆจากฟ้าสีคราม
ผู้มาเกิดเป็นมนุษย์ยุคพลังงานใหม่
กับเขารูปธรรมหนึ่งด้วยเช่นเดียวกัน
7.จะเป็นผู้ได้รับโอกาสพิเศษ
จิตวิญญาณมนุษย์ในกลุ่มนี้
จัดเป็นพวกที่ดีที่สุดกว่ากลุ่มใดๆที่กล่าวมา
พวกเขาใฝ่ดี
พวกเขาไม่ปฏิเสธพระบิดา
พวกเขาครองมหาสติได้ในชีวิตประจำวัน
จนกลายเป็นธรรมชาติของตนไป
พวกเขาแสดงปณิธานแห่งนิพพานอย่างชัดเจน
พวกเขาเฝ้ารับฟังพระโอวาทอย่างอ่อนน้อม
พวกเขาปฏิบัติต่อเพื่อนมนุษย์และสัตว์โลก
อย่างอ่อนโยนและถ่อมตน
พวกเขาไม่ปฏิเสธ
ปฏิบัติการชำระโลกของพระบิดา
เพื่อการปรับสมดุลทางกายภาพและพลังงาน
เพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานใหม่
ในขณะที่พวกเขากลุ่มนี้
ยังได้แสดงความปรารถนาดีอย่างแรงกล้า
ที่จะช่วยโลกและเพื่อนมนุษย์คนอื่นๆ
ให้อยู่รอดปลอดภัยจากมหันตภัยทั้งหลาย
อีกทั้งยังฏิบัติตนเป็นเยี่ยงอย่างที่ดี
แก่เพื่อนมนุษย์คนอื่นๆด้วย
มนุษย์เหล่านี้จะมีจิตวิญญาณเป็นผู้ถูกคัดไว้
โดยจะสามารถฟันฝ่าภัยพิบัติทั้งหลาย
จนข้ามผ่านวันเวลาที่สิบเอ็ดสุดท้าย
มีชีวิตรอดผ่านไปสู่ยุคพลังงานใหม่ได้ทุกคน
ซึ่งจะมีผลกรรมเก่าทั้งหมดเป็นโมฆะ
โดยพวกเขาไม่ต้องตาย
แล้วกลับมาเกิดใหม่อีกให้เสียเวลา
หน้าที่พวกเขาก็คือ
การช่วยออกแรงปัดกวาดทำความสะอาดโลก
ที่รกรุงรังด้วยทรากสิ่งปรักหักพัง
จากปฏิบัติการชำระโลกคาบสุดท้าย
ใน 56 วัน 8 ราตรีอันมืดมิดนั่น
ทั้งยังจะได้ช่วยใช้ความรักบริสุทธิ์
ประคองโลกให้สมดุล
ตามสมการสามมิติ 6-6-6
แห่งยุคพลังงานใหม่
แห่งยุคพลังงานใหม่
พร้อมการเปิดเผยความจริงทั้งหลาย
ในปฏิบัติการเปลี่ยนยุคของพระบิดา
ให้ประดาผู้ที่มาเกิดใหม่ในยุคพลังงานใหม่
ได้รับรู้ รับฟัง และเรียนรู้ความจริงกันต่อไป
ความรู้ใหม่อันสำคัญนี้
เราได้สื่อมาบันทึกไว้เป็นความรู้คู่โลก
ภายในห้องพระคัมภีร์จิตจักรวาลนี้แล้ว
ท่านใดจะอยู่ในจำพวกไหนใน 7 จำพวกนี้
ก็จงพิจารณาตนเองกันตามสำนึกดีสำนึกชอบเถิด
พระบิดายังทรงมีทางเลือกเสรีไว้ให้ท่านเสมอ
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
6-08-2015