24 กันยายน 2564

สนทนาประสาจิตจักรวาล 24/09/2021

สนทนาประสาจิตจักรวาล

24/09/2021




สนทนาประสาจิตจักรวาล

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

เราขอขอบใจท่านที่แสดงความห่วงใยต่อเรา
กรณีที่มีคนทำตัวเป็นแกะนอกคอก
เข้ามาก้าวล่วงจ้วงจาบเราขณะสื่อพระโอวาท
ใช้วาจาหมิ่นพระเกียรติองค์พระเยซูคริสต์เจ้า
ยังลบหลู่พระบิดาแห่งจิตวิญญาณหรือพระเจ้า
โดยใช้วาจาสามหาวดั่ง "คนบ้า" อีกด้วย

เขาเข้ามาก้าวล่วงเราด้วยอาการหื่นๆ
เหตุเพราะฟังไม่ได้ศัพท์แต่ดันจับไปกระเดียด

เพราะขาดทักษะในการใช้อายตนะคือหู
เพราะขาดทักษะในการใช้ปัญญาคือสมอง
เพราะขาดทักษะในการใช้สติคือจิตหยาบ
เพราะขาดทักษะในการเรียนรู้
เนื่องจากปฏิบัติธรรมด้วยวิธีที่ผิดธรรมชาติ

เพราะต้องการไปสวรรค์คนเดียวจึงละทิ้งสังคม
แล้วปิดอายตนะภายนอกทั้งห้าที่พระบิดาให้มา
แล้วหาทางกดดันบังคับจิตตนเองให้มันนิ่งสงบ
ซึ่งเป็นการฝืนธรรมชาติของจิตหยาบของตน
ที่ถูกออกแบบไว้ให้มันนึกออกนึกเอาและนึกเอง
เพื่อให้จิตหยาบพร้อมที่จะใช้ปัญญาของสมอง
สั่นสะเทือนกระบวนการของ ขันธ์ห้า เพื่อเรียนรู้
ทุกสิ่งในปัจจุบันขณะได้โดยอัตโนมัตินั่นเอง

แต่ผู้ก้าวล่วงรายนี้
กลับไปใช้วิธีปฏิบัติธรรมเพื่อการบรรลุธรรม
ด้วยวิธี ปิดอายตนะภายนอก ทั้งหมดเลย
โดยเน้นที่การฝึกจิตหยาบของตนอย่างเดียว
เขาจึงเก่งในการสร้างความสงบขณะอยู่คนเดียว

เมื่อใดก็ตามที่คนพวกนี้พาตนเองออกมาสู่สังคม
ที่จะต้องเปิด "อายตนะภายนอก" ทั้งหมดไว้
เพื่อให้หน้าต่างทั้งห้าบานสัมผัสกับสิ่งเร้าภายนอก
แล้วส่งข้อมูลต่อให้ "จิตหยาบ" ข้างในรับรู้ตามจริง
เพื่อให้จิตหยาบสั่นสะเทือนร่วมกับสมองสองซีก
ในการ "เรียนรู้" สิ่งแวดล้อมหรือเรียนรู้โลกกันจริงๆ
แทนการ นั่งมโนเอง นึกคิดเอาเองแบบโดดเดี่ยว

คนพวกนี้ก็จะเกิดอาการ
จิตตก สติแตก ศีลแตก สมาธิแตก ตบะแตก
เพราะขาดการฝึกฝนตนเองในวิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง
หรือฝึกฝนกันมาด้วยวิธีที่ผิดธรรมชาตินั่นแหละ
เมื่อกลับเข้ามาอยู่ในสังคมที่ต้องเปิดอายตนะ
ต้องเปิดใจต้องเปิดปัญญาเพราะเป็นโลกใบใหม่
คนพวกนี้จึงเกิดอาการทุรนทุรายบ้าคลั่งไม่ได้สติ
เกิดอาการน็อคน้ำเหมือนปล่อยปลาลงในน้ำใหม่
เพราะไม่เคยชินหรือไม่ชำนาญนั่นเอง

เหตุที่เขามีอาการคลุ้มคลั่งให้พวกท่านเห็น
เกิดจากการฟังไม่ได้ศัพท์แล้วจับไปกระเดียด
แสดงว่าความสามารถด้านการเรียนรู้โลก
มันอ่อนแอมากเพราะหลับตาเรียนอยู่คนเดียว
รวมทั้งยังบกพร่องในการใช้สติปัญญาพิจารณา
ก่อนจะตัดสินใจหรือก่อนจะพิพากษาใครด้วย
เพราะควบคุมจิตตนเองไม่ได้แปลว่าไร้สติแหละ

นอกจากนั้นท่านทั้งหลายจะเห็นได้ว่า
นิสัยถาวรด้านลบอันเป็นขยะจำเพาะตนของเขา
ก็ยังมิได้รับการชำระออกไปจากขันธ์ทั้งห้า
ด้วยวิปัสนากรรมฐานตามที่เขาชำนาญการเลย
อัตตาตัวกูของกูหรืออีโก้ก็ยังเยอะอยู่อีกมาก
โทสะจริต โมหะจริต จึงแสดงความวิปริตให้เห็น
จนแปลกตาไปจากประดาคฤหัสถ์ผู้ครองเรือน
ซึ่งแม้ศีลจะไม่เสมอกันกับเขาอย่างชัดเจนมาก

ดังจะเห็นได้จากการยกตนข่มท่านเห็นการข่มขู่
เห็นจากพฤติกรรมก้าวร้าวเกินสมณสารรูป
ที่เอาบทสวดให้พรญาติโยมมาสาปแช่งเราแทน
ทั้งๆที่เรายังไม่เคยแม้แต่จะเหยียบหางเขาเลย
ย่อมเป็นตัวอย่างที่ประจักษ์แก่ท่านทั้งหลายว่า
คนนำทางตาบอด มีลักษณะที่ไม่เป็นคุณอย่างไร
เป็นผู้ไม่เหมาะสมต่อการก้าวตามอย่างไร

เพราะพยายามจะปิดอายตนะจนเหลือแต่จิต
เพราะพยายามจะใช้แต่จิตจนปิดการใช้ปัญญา
เพราะความพยายามจะดับอัตตาให้เป็นอนัตตา
เพราะพยายามจะเป็นอนัตตาเพื่อพ้นทุกข์
เพราะพยายามจะพ้นทุกข์ด้วยวิธีดับขันธ์ 5
เพราะพยายามจะดับขันธ์ 5 เพื่อดับสังสารวัฏ
เพราะพยายามจะดับสังสารวัฏเพื่อจะดับทุกสิ่ง
เพราะพยายามจะดับทุกสิ่งเพื่อหวัง "นิพพาน"

ตามเส้นทางของพวกเขาคร่าวๆเหล่านี้
เป็นแนวทางที่มิใช่พระวจนะของพระพุทธองค์
แต่เป็นคนนำทางตาบอดที่สืบทอดความเชื่อ
สอนต่อๆกันมาเชื่อตามๆกันมาอย่างยาวนาน
แล้วนำเอาพระศาสดามาอ้างอิงให้คนเชื่อ
ทั้งๆที่มันเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง
พอเรานำความจริงมากล่าวให้ฉุกคิดกลับสิ้นคิด
แถมกล่าวหาว่าเราด่าพระศาสดาของเขาเสียอีก

เพราะคำกล่าวของเราที่ว่า
มีผู้กล่าวพระวจนะเทียมเท็จนั้น
เราหมายถึงประดาคนนำทางตาบอด
ที่พาคนตาบอดผู้ก้าวตามจนหลงทางนิพพาน
เพราะพวกนี้แหละที่นำพระวจนะของพระศาสดา
มากล่าวผิดบิดเบือนจนเบี่ยงเบนไปจากความจริง
เรามิได้หมายถึง พระศาสดา แต่อย่างใดเลย

ฟังพระโอวาทพระบิดา
ที่ทรงพระเมตตาสื่อผ่านเรามาด้วยภาษาง่ายๆ
แต่กลับต่อต้านทั้งๆที่ตนยังไม่เข้าใจไม่เข้าถึง
แบบนี้จะมิให้เรียกว่า "งมงาย" จนโง่ได้อย่างไร

ความผิดบาปหนักน้อยอย่างไร
มันเป็นกรรมของคนที่ก่อเราไม่ขอเกี่ยวด้วย
แต่เรารู้ว่า “จิตอุเบกขา” ของเรานั้น
สามารถชนะมารได้โดยไม่ต้องใฝ่ต่ำไปตอบโต้
สู้นำมาเป็นบทเรียนให้แกะที่ดีของพระบิดา
ได้เรียนรู้ว่า

1.อย่าหลับตาก้าวตามคนนำทางตาบอด
เพราะคนนำทางตาบอดมิใช่พระศาสดา

2.การมุ่งบรรลุธรรมด้วยวิธีที่ผิดธรรมชาติ
มิใช่ตัวอย่างอันควรเอาเยี่ยงอย่าง

3.การจะบรรลุธรรมที่แท้จริงก็คือ
ต้องรู้ว่า "ขันธ์ 5" เป็นเครื่องมือของ "คนสองมิติ"
ไม่ต้องพยายามจะดับมันให้เสียชาติเกิดเสียเวลา
เพราะมันจะดับของมันเองเมื่อท่านตายแล้ว

4.จิตวิญญาณเป็นตัวตนแก่นแท้อยู่ข้างใน
จิตหยาบต่างหากที่เป็นตัวแทนจิตวิญญาณ
ในการดำเนินชีวิตเป็นคนสองมิติหรือมนุษย์
เมื่อจบสิ้นอายุขัยจิตวิญญาณเป็นผู้ตาย
จิตหยาบจะเป็นผู้แตกสลายไปกับกายสังขาร

5.การพยายามจะดับขันธ์ 5 ดับอัตตา ดับทุกข์
คือการพยายามจะดับ "จิตหยาบ" เท่านั้น
เพราะจิตหยาบเป็นผู้ใช้ "ขันธ์ 5" นั่นเอง
มันมิได้เป็นการกระทำต่อจิตวิญญาณแต่อย่างใด
มันจะทำให้เสียภพชาติในการมาเกิดไปเปล่าๆ

6.การไม่ต้องกลับมาเกิดอีกตลอดกาล
มิใช่การดับอัตตาตัวตนของตนให้สิ้น

ท่านน่ะต้องมีตัวตนของตน
เพราะจิตวิญญาณของท่านเป็นสรรพสิ่งหนึ่ง
ที่มีอยู่จริงในอนันตจักรวาลที่ทรงสร้าง
แต่ท่านจงอย่าไปหลงยึดติดมัน
มิเช่นนั้นมันอาจทำให้ท่านบ้าเพราะขาดสติได้

การนิพพานที่แท้จริงมิใช่เทียมเท็จ
คือการที่จิตวิญญาณของพวกท่าน
หลุดพ้นออกไปจากอนันตจักรวาลผ่านประตูมิติ
กลับคืนสู่บ้านเกิดเมืองนอนของจิตวิญญาณ
ซึ่งพระบิดาของพวกท่านทรงรออยู่นานแล้วได้

ท่านไม่ต้องเสียเวลาเกิดหลายภพชาติหรอก
แค่ดำเนินชีวิตเป็นมนุษย์ให้เป็น
และรู้ว่าทางกลับบ้านของจิตวิญญาณไปทางไหน
เพียงชาตินี้ชาติเดียวใครๆก็หลุดพ้นกลับบ้านได้
ท่านจะเป็นนักบวชศาสนาไหน ชนชาติไหน
ก็สามารถเดินตามมรรควิถีจิตจักรวาลได้
เพียงแค่ท่านต้องรู้จักถ่อมตนและถ่อมใจเท่านั้น

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
24/09/2021