11 กันยายน 2564

สนทนาประสาจิตจักรวาล

11/09/2021




สนทนาประสาจิตจักรวาล

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
มีศาสนิกท่านหนึ่งถามเรามาว่า
ข้อความใน มัทธิว 15:13-14 ในพระคัมภีร์นั้น
ทรงหมายความว่าอย่างไร

พระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า....

"ต้นไม้ทุกต้น
ซึ่งพระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์
ไม่ได้ทรงปลูกไว้จะถูกถอนออกเสีย

ช่างเถิด...เขาทั้งหลาย
เป็นผู้นำที่ตาบอดของคนตาบอด
ถ้าคนตาบอดนำทางคนตาบอด
ทั้งสองคนจะตกลงไปในบ่อ"

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
เราจะขอกล่าวความจริงให้ท่านรู้ว่า
ข้อความเหล่านี้เป็นคำกล่าวของพระบุตรเอก
ที่มีต่อศิษย์สาวกของพระองค์และชาวโลก
เพื่อเปิดเผยความจริงให้รู้ว่า...

ผู้ทำหน้าที่ประกาศศาสนาผู้เผยแพร่ธรรมะ
ที่ทรงเปรียบเสมือนบ่าวของพระองค์
ซึ่งมีหน้าที่ "แจกอาหาร" แก่เพื่อนมนุษย์นั้น

ถ้าใครทำตนเป็นดั่ง 
#คนนำทางตาบอด
อันหมายถึงพาเพื่อนมนุษย์ก้าวเดินสะเปะสะปะ
เหมือนเดินอยู่ท่ามกลางความมืด
ในขณะที่คนก้าวเดินตามเองก็ "ตาบอด" ด้วย
จะยังผลให้คนตาบอดที่ก้าวเดินตาม
พากันพลัดตกลงไปในบ่อคือ "แดนนรก"
ส่วนคนนำทางตาบอดเองก็จะ 
#หลุดลอย ขึ้นไป
ติดค้างอยู่ในสวรรค์มายาภายในอนันตจักรวาลนี้
กลายเป็น 
#ต้นไม้ ซึ่งพระบิดามิได้ทรงปลูกไว้

ที่สำคัญคือทุกคนจะนำพาจิตวิญญาณของตน
#หลุดพ้น ออกไปจากอนันตจักรวาลหรือเอกภพ
ซึ่งเป็นห้องทดลองขนาดใหญ่ของพระบิดา
เพื่อกลับคืนสู่แดนสุญตาบ้านเกิดเมืองนอน
อันเป็นพระนิเวศน์ของพระองค์ที่ทรงรออยู่มิได้

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

คำว่า "คนนำทางตาบอด" นี้
พระองค์ทรงหมายถึงผู้ที่ขันอาสา
ทำหน้าที่เป็น "ผู้นำทางจิตวิญญาณ" ของโลก
โดยเป็นผู้เผยแพร่สัจธรรมในนามพระศาสดา
ไม่ว่าจะเป็นศาสนาใดๆของโลกเสรีนี้ก็ตาม
แต่ถ่ายทอดพระธรรมคำสอนให้ผู้คนหลงผิด
โดยสอนให้เชื่อตามคำสอนแบบผิดๆเพี้ยนๆ
ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีเหมือน "คนขี้เมา"
อันหมายถึงงุนงงสับสนกับตนเองเพราะขาดสติ
ทำตัวเกลือกกลั้วกิเลสตัณหาบ้าแสงหิวแสง
หลงใหลในอามิสแห่งโลกมายา
ทำตนเป็น "บ่าวชั่ว" ที่ลอยหน้าลอยตาไม่รู้ว่าชั่ว

รวมทั้งกรณีที่บิดเบือนคำสอนของพระศาสดา
เพราะ "ตาบอด" คือด้อยสติปัญญากันเอง
จึงไม่รู้ว่าพระศาสดาตรัสรู้สัจธรรมอะไรกันแน่
จึงนึกเองคิดเองเออเองจนหลงทางนิพพาน

นอกจากนั้นยังยึดติดพระศาสดาองค์เดียว
เชื่อในพระคัมภีร์เล่มเดียวที่พระศาสดามิได้เขียน
จนทำให้พลาดความจริงระดับ 
#อนุตรธรรม
ที่พระบุตรเอกซึ่งเป็นศาสดาผู้มาจากพระเจ้า
ทรงขันอาสาเข้ามาจุติเพื่อกล่าวความจริงให้โลกรู้
เพราะมนุษย์จะไม่สามารถคิดรู้เรื่องเหล่านี้เองได้
เพราะสมองมนุษย์มีจำกัดแค่สองซีกซ้ายขวา
เช่น จิตวิญญาณเป็นใคร มาจากไหน มาเกิดทำไม
ใครให้มาเกิดและต้องทำหน้าที่อะไรบ้าง เป็นต้น

เพราะไม่รู้ความจริงขั้นสูงสุดนี้
คนนำทางตาบอดจึงนำทางคนตาบอดให้เชื่อว่า
การมาเกิดเป็นมนุษย์นั้นเป็นทุกข์อย่างยิ่ง
การเวียนว่ายตายเกิดหรือมีสังสารวัฏก็ทุกข์หนัก
แล้วก็โทษว่า "ขันธ์ 5" คือชีวิตคืออัตตาตัวตน
ซึ่งเป็นเหตุแห่งการเกิดในวัฏสงสาร
จึงพยายามจะ "นิพพาน" คือหมายดับอัตตาตัวตน
ด้วยการดับทุกข์ดับขันธ์ 5 เพื่อดับอัตตาให้สิ้นสูญ

ผลก็คือจิตวิญญาณคนนำทางตาบอดเหล่านี้
จึงต้องพากัน "หลุดลอย" ไปค้างบนสวรรค์มายา
กลายเป็น "ต้นไม้" ที่พระบิดามิได้ทรงสร้างไว้
ซึ่งรอวันช่างเท็คนิกของพระบิดาจะมา "ถอนทิ้ง"
เพราะเป็นขยะรกอนันตจักรวาลนั่นแหละ

ที่ร้ายแรงยิ่งไปกว่านั้นก็คือ
จิตมนุษย์หรือจิตหยาบที่หลงธรรมหลงทางนี้
ยังทำให้จิตวิญญาณตนต้องรับกรรมที่ตนมิได้ก่อ
ทั้งต้องเสียชาติเกิดและหมดโอกาสเกิดใหม่
จนไม่สามารถทำหน้าที่ของจิตวิญญาณ
ที่ขันอาสาพระบิดาเข้ามามอบความรักค้ำจุนโลก
ด้วยกระบวนการขันธ์ 5 ร่วมกับมนุษย์คนอื่นๆได้
เพราะจิตหยาบไม่เอาไหนไม่เอาถ่านนั่นเอง

ในท้ายที่สุดคนตาบอดทุกคนที่หลงก้าวตาม
ก็จะพากันตกหลุมนรกกันเสียทั้งหมด
เพราะมิอาจจะหลุดลอยตามขึ้นไปได้
เนื่องจากจิตวิญญาณมีน้ำหนักมากกว่า
จนโลกออกแรงดึงดูดจิตวิญญาณพวกผู้ตาม
ให้ "หลุดลง" จากภพภูมิโลกดิ่งสู่นรกนั่น

พระองค์จึงทรงสรุปว่า
ถ้าคนนำทางตาบอดนำทางคนตาบอดแล้ว
มันจะยังผลให้คนนำทางตาบอด
กลายเป็นต้นไม้ขยะของจักรวาลที่ต้องถูกถอนทิ้ง
เพราะพระบิดาหรือพระผู้เป็นเจ้ามิได้ทรงปลูกไว้

ส่วนคนเดินตามที่ตาบอดด้วย
เพราะขาดแสงสว่างอันหมายถึงขาดปัญญา
ก็จะพากันหล่นลงไปในบ่ออันหมายถึงนรก
ชะตากรรมของทั้งสองฝ่ายสุดท้ายแล้ว
จักต้องรับผลกรรมไปตามที่เรากล่าวนี้

จงรับรู้เอาไว้ด้วยว่า
การทำให้พระวจนะของพระบิดาเป็นโมฆะ
ด้วยคำสอนผิดๆที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ
โดยหลับตาหน้ามืดเหมือนกลัวแสงสว่างนั้น
มันมิได้เป็นผลดีต่อท่านทั้งหลายแม้แต่น้อย

ท่านยังจะละเมิดพระบัญญัติของพระบิดา
ด้วยการเชื่อตามคนนำทางตาบอดกันอยู่อีกหรือ
ในเมื่อเราก็กลับมากล่าวความจริงด้วยตนเองแล้ว

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
11/09/2021