24 พฤศจิกายน 2563

สนทนาประสาจิตจักรวาล 24/11/2020

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ไม่มีใครสามารถจะปิดบังอำพราง
พฤติกรรมที่ตนแสดงออกหรือกระทำ
ในบทบาทของการเป็นมนุษย์
ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมดีหรือร้ายได้
หรือท่านจะหลอกลวงพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ผู้เป็นพระเจ้าเหนือสิ่งทั้งปวงก็มิได้
เพราะการแสดงออกหรือกระทำของท่าน
ล้วนเกิดจากการสั่นสะเทือนทางจิตทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็น #กายกรรม หรือ #วจีกรรม
บ่อเกิดพฤติกรรมภายนอกทั้งสองแบบที่ว่านี้
ถูกขับเคลื่อนออกมาจาก #มโนกรรม ทั้งสิ้น
ซึ่งพระองค์จะทรงรับรู้ได้ทันทีว่าใครทำอะไร
เมื่อไหร่ก็ตามที่จิตคนนั้นๆสั่นสะเทือนขึ้น
ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า
ทุกสรรพสิ่งในอนันตจักรวาลอันไพศาลนี้
รวมทั้งมนุษย์ทุกคนบนโลกเสรีด้วย
ล้วนดำรงอยู่บนสนามพลังงาน #จิตจักรวาล
ซึ่งเป็นพระอาณาจักรของพระเจ้าทั้งสิ้น
พระอาณาจักรของพระองค์
ซึ่งเป็นสนามพลังงานอันไพศาลที่ว่านี้
จึงเปรียบได้ดั่งใยแมงมุมขนาดใหญ่
ที่มีแมงมุมผู้เป็นเจ้าของดำรงอยู่ตรงศูนย์กลาง
โดยแมงมุมที่สงบนิ่งอยู่ตรงจุดศูนย์กลางของใย
ที่ถักทอขึ้นเป็นอาณาจักรของตนไว้
สามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนของมดหรือแมลง
ที่พลัดหลงเข้าไปติดค้างอยู่บนโยงใย
อันเป็นอาณาจักรของตนได้ฉันใด
พระองค์ก็ทรงรับรู้พฤติกรรมของมนุษย์
ที่ดำรงอยู่บนสนามพลังงานของพระองค์ได้ฉันนั้น
ด้วยเหตุนี้เอง
เราจึงกล่าวต่อท่านทั้งหลายเสมอว่า
เนื่องจากพระองค์จะทรงรับรู้
พฤติกรรมดีๆชั่วๆของพวกท่าน
ได้อย่างถูกต้องตรงจริงเสมอนั่นเอง
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เรายังมีความจริงที่จะกล่าวต่อท่านอีกว่า
ท่านทั้งหลายที่เรียกตนเองว่า #มนุษย์ นี้
ล้วนถูกกำหนดให้เป็น #คนสองมิติ
ซึ่งประกอบด้วยเครื่องยนต์แห่งกรรม
หรือ "กายสังขาร" อันเป็นมิติของเนื้อหนัง
กับ "จิตหยาบ" และ "จิตวิญญาณ"
อันเป็นมิติทางพลังงานด้านของแก่นแท้
โดยหน้าที่หลักหนึ่งในหกประการ
ที่จิตวิญญาณของท่านขันอาสาพระบิดาฯ
เข้ามาปฏิบัติกันในระบบโลกก็คือ
คนตนเองทั้งสองมิติให้เข้ากันเป็นหนึ่งเดียว
เพื่อยกระดับแรงสั่นสะเทือนของจิตหยาบ
ให้สั่นสะเทือนเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณให้ได้
ดังนั้น
ในชีวิตประจำวันของท่านทั้งหลาย
ทุกลมหายใจเข้าออกนั้น
ท่านจึงจะมุ่งกระทำทุกสิ่งตามความพึงพอใจ
เพื่อสนองความอยากของจิตหยาบด้านเดียวมิได้
เพราะจิตหยาบจะทำทุกสิ่งเพื่อบำเรอกายหยาบ
อันเป็นมิติแห่งเนื้อหนังของท่านเท่านั้น
ซึ่งท่านจะเก็บเกี่ยวได้ก็แต่ความเปื่อยเน่า
จากเนื้อหนังของท่านเองในบั้นปลาย
ถ้าชีวิตนี้ท่านมุ่งใช้แต่โลภะ โทสะ โมหะ
เป็นเครื่องมือของจิตหยาบทำเพื่อเนื้อหนัง
อย่างงมงายไร้สติกันอยู่ต่อไปจนกว่าจะตาย
ในที่สุดจิตวิญญาณก็ต้องละกายสังขาร
ที่เสื่อมโทรมไปในความเฒ่าชรา
แล้วย้อนคืนกลับมาสู่การเกิดใหม่ต่อไปอีก
เพื่อเปลี่ยนเครื่องยนต์แห่งกรรมเป็นรูปธรรมใหม่
ที่สมบูรณ์แข็งแรงและมีประสิทธิภาพดังเดิม
ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองเวลาในการทำหน้าที่
ไปกับการเวียนว่ายตายเกิดอย่างไร้สาระโดยแท้
แต่ท่านทั้งหลาย
จักต้องทำเพื่อจิตวิญญาณของท่าน
ในการดำเนินชีวิตประจำวันคู่ขนานกันไป
ด้วยการละทิ้งกิเลสตัณหาอารมณ์ขยะรายวัน
แล้วหันมาสั่นสะเทือนจิตหยาบของท่าน
เป็นความรักเพื่อให้ในทุกรูปแบบแทนให้จงได้
รักเพื่อให้หมายถึง
การให้โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน
หมายถึงการอดทน อดกลั้นและให้อภัย
ในความไม่ดีงามของทุกคนที่เขากระทำต่อท่าน
ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม
โดยให้อย่างไม่มีเงื่อนไข
ให้โดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆทั้งสิ้น เป็นต้น
เพราะอาหารของจิตวิญญาณ
ที่ท่านหมั่นหยิบยื่นให้ในรูปแบบของความรัก
อันเป็นรักเพื่อให้ดังกล่าวเหล่านี้
มันจะทำให้จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่าน
เข้าถึงการมีชีวิตนิรันดร์ได้ด้วยการ #หลุดพ้น
ออกไปจากโลกและอนันตจักรวาล
เพื่อคืนกลับบ้านเกิดแดนสุญตาที่จากมา
ในสภาวะนิพพานแท้มิใช่เทียมเท็จ
โดยไม่ต้องตายแล้วกลับมาเกิดใหม่อีก
ด้วยเหตุนี้เอง
พระโอวาทจากพระบิดาฯ
จึงเป็นอาหารชั้นเลิศ
สำหรับจิตวิญญาณของมนุษย์ทุกคน
ที่ผู้ใดได้บริโภคแล้วจิตวิญญาณจะไม่ตาย
เพราะสามารถเข้าถึงการหลุดพ้นได้นั่นเอง
กราบพระบาทพระบิดาฯที่ทรงเมตตาสื่อสอน
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
24/11/2020