07 มกราคม 2562

สนทนากับพระเจ้า (22) 7/01/2019

 #สนทนากับพระเจ้า (22)

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

การรอคอยเจ้าบ่าวของเจ้าสาวนั้น

หมายถึงการรอให้เจ้าบ่าว

กลับมาจูงเจ้าสาวเข้าสู่ประตูเรือนหอ

ตามที่ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้

หลังจากเจ้าบ่าวกลับไปเตรียมเรือนหอ

สำหรับเจ้าสาวมาได้ระยะหนึ่งแล้ว

 

เจ้าสาวทั้งหลาย

ที่เฝ้ารอคอยเจ้าบ่าวอยู่นั้น

เราหมายถึง

 

มนุษย์ทุกคนที่ยังอยู่บนโลกเสรีนี้

เป็นมนุษย์ทุกคนที่ยังมิอาจนำพา

จิตวิญญาณแก่นแท้ของตนเอง

ให้หลุดพ้นออกไปจากเอกภพ

หรืออนันตจักรวาลนี้ด้วยตนเองได้

เพื่อย้อนกลับคืนสู่อาณาจักรจิตจักรวาล

บ้านเกิดของจิตวิญญาณที่ตนจากมา

 

เจ้าสาวผู้รอคอยเจ้าบ่าว

จึงเปรียบเป็นเช่นดั่งนักเดินทางตาบอด

ที่ต้องการคนนำทางตาดีสักคนหนึ่ง

ช่วยให้บรรลุมรรคผลสูงสุดคือ "หลุดพ้น"

เพราะเจ้าสาวที่เป็นคนนานาชาติ

มิอาจช่วยเหลือตนเองให้หลุดพ้นได้

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

 

เราแลเห็นเจ้าสาวตาบอด

ที่อยู่บริเวณข้างนอกคอกแกะหลายคน

พากันก้าวตามคนนำทางตาบอด

เวียนวนขึ้นๆลงๆเขาวงกต

ซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่หลายรอบ

โดยไม่รู้สติว่าอีกเมื่อใด

จึงจะเดินทางขึ้นไปถึงยอดเขาได้

 

คงได้แต่คิดว่าเขาวงกตนี้ช่างสูงนัก

เพราะเดินขึ้นกันมาตั้งนาน

แต่ขึ้นไปไม่ถึงยอดเขากันสักที

ทั้งๆที่เวียนขึ้นเวียนลงกันมาหลายรอบ

แต่เจ้าสาวก็ยังคงทำซ้ำอยู่อย่างนั้น

ยังเดินตามคนนำทางตาบอดอยู่ดังเดิม

 

เพราะเจ้าสาวตาบอดขาดมหาสติ

จึงไม่รู้สติ ไม่มีสติ และไม่ใช้สติ

แม้หล่อนจะมีจิตปรารถนาว่าจะนิพพาน

แต่ก็ยังสำแดงปณิธานแห่งนิพพานไม่ได้

เพราะเจ้าสาวตาบอด

พากันไปก้าวเดินตามคนนำทางตาบอด

ที่พระผู้เป็นเจ้ามิได้ทรงแต่งตั้ง

แต่พากันปฏิเสธคนนำทางผู้รับใช้พระเจ้า

 

ไม่ต่างจากพวกลูกแกะที่หลงฝูง

ไปเดินตามหลัง "เด็กเลี้ยงแกะ"

ที่มิใช่คนเลี้ยงดูแกะของพระเจ้า

ซึ่งเป็นประตูคอกแกะของพระเจ้าด้วย

เราจึงเห็นประดาเจ้าสาวตาบอด

พยายามจะปีนรั้วเข้าคอกแกะพระบิดาฯ

ตามที่เด็กเลี้ยงแกะพาทำนำปีนกันอยู่

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เรารู้ว่าคนนำทางพวกนั้นตาบอด

เพราะเราเห็นเขาพาเจ้าสาวหลงทาง

เพราะเส้นทางที่พวกเขาพาเดินไปนั้น

เป็นเส้นทางของว่าวที่สายป่านขาด

สายป่านหลุดไปติดค้างอยู่บนยอดไม้

ทำให้ว่าวต้องลอยขึ้นไปติดลมอยู่บนฟ้า

จะลอยให้สูงขึ้นไปอีกก็ไม่ได้

จะร่วงหล่นตกลงมาสู่พื้นดินก็ไม่ได้

เพราะสายป่านมันพันอยู่บนยอดไม้

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

 

ประดาเจ้าสาวตาบอด

ผู้หลงเดินตามคนนำทางตาบอด

ผู้เป็นดั่งว่าวที่กำลัง "หลุดลอย" อยู่นั้น

นอกจากจะไม่รู้สถานภาพตนเองแล้ว

เธอยังถูกชักจูงให้หลงเชื่อด้วยว่า

การนำพาตนเองไปหลุดลอยอยู่บนนั้น

มันคือการ "นิพพาน" สังสารวัฏได้แล้ว

 

เนื่องจากเข้าใจว่าตนดับการเกิดดับได้

เพราะหลุดลอยไปติดค้างอยู่ตรงนั้น

ไม่ต้องมีการกลับมาเกิดใหม่

ไม่ต้องมีการตายหายไปจากตรงนั้นแล้ว

มีแต่การดำรงอยู่ไปวันๆ

 

พวกคนนำทางที่ยังอยู่ข้างล่าง

ต่างพากันเข้าใจว่าอย่างนั้น

จึงชักชวนกันมุ่งทำบุญเบื้องล่าง

เพื่อเอาไปสร้างไว้เบื้องบนกันยกใหญ่

โดยหมายจะก้าวตามคนนำทางตาบอด

ที่หลุดลอยไปอยู่บนนั้นแล้ว

อย่างเชื่อมั่น มุ่งมั่น และงมงาย

โดยยังไม่รู้ความจริงของผู้หลุดลอยเลยว่า

พวกคนนำทางตาบอดรุ่นพี่พวกนั้น

ที่คิดหวังจะหนีทุกข์ คาดหวังจะดับทุกข์

ปรารถนาจะนำพาจิตวิญญาณให้พ้นทุกข์

แต่ละรูปธรรมเหล่านั้นก็ยัง "ติดทุกข์" อยู่

 

เพราะพวกเขาที่หลุดลอย

แท้จริงแล้วยิ่งทุกข์หนักมากกว่าเดิม

 

ทุกข์เพราะยังยึดติดอัตตาตัวกูของกูอยู่

ทุกข์เพราะยังหลงมายารูปลักษณ์อยู่

ทุกข์เพราะยังมีกิเลสตัณหาเหลืออยู่

ทุกข์เพราะยังโง่งมงายอยู่

ทุกข์เพราะไม่รู้ว่านิพพานต้องไปต่อยังไง

ฯลฯ เป็นต้น

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

 

เราเห็นคนนำทางตาบอดมองว่า

การได้รับโอกาสจากพระบิดาฯ

ให้มาเกิดเป็นมนุษย์พร้อมถือบทละครชีวิต

ที่ตนเองต่างเขียนมาแสดงร่วมกัน

ตั้งแต่ภพชาติแรกแล้วนั้น

ล้วนเป็นทุกข์อย่างยิ่ง

 

ทั้งๆที่แต่ละคนต่างล้วนวางแผน

เขียนบทละครกันมาเอง

เพื่อใช้เป็นบททดสอบจิตสามนึกกันและกัน

ให้สั่นสะเทือนเป็นรักได้ ให้อภัยเป็น

ทั้งบทดีและบทร้าย ทั้งง่ายทั้งยาก

เพื่อใช้พลังอำนาจแห่งรักทั้งสองมิติ

ช่วยกันค้ำจุนโลกให้เกิดสันติสุขและสมดุล

ไม่ใช่ให้เกิดมาเพื่อติดทุกข์ติดสุข

ด้วยกันทั้งนั้น

 

เราแลเห็นเจ้าสาวตาบอดบนโลกเสรี

เมื่อเผชิญบทละครยากๆเข้าก็ทุกข์

จึงพยายามละทิ้งหน้าที่ทางจิตวิญญาณ

พากันไปเดินตามหลังคนนำทางตาบอด

เพื่อหวังให้ช่วยพาตนให้พ้นทุกข์ด้วยคน

จนหลายคนเวียนตายเวียนเกิดมาซ้ำซาก

ก็ยังเป็นเจ้าสาวผู้ตกระกำลำบากอยู่อย่างนั้น

เพราะยังเข้าอาณาจักรสวรรค์พระบิดามิได้

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

 

เราเห็นประตูคอกแกะ

ซึ่งเป็นทางผ่านเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์

ทั้งเงียบเชียบและเงียบเหงา

 

เราแลเห็นประตูเรือนหอ

ตรงด่านนภาลัยเงียบเชียบไร้คนเข้าออก

เพราะเจ้าสาวนานาชาติกว่ากึ่งหนึ่ง

ซึ่งเป็นลูกแกะพระบิดา

ไปหลุดลอยคว้างอยู่กลางอนันตจักรวาล

บ้างก็ลงไปดัดจริตสันดานอยู่ในแดนนรก

เพราะก้าวตามคนนำทางตาบอด

เนื่องจากพวกหล่อนจำพระบิดาไม่ได้

และลืมสัญญาว่าจะเฝ้ารอเจ้าบ่าวกลับมา

 

จากนั้นเราก็แลเห็นหญิงสาว

เปรียบได้กับ 10 คน

กำลังยืนถือตะเกียงรอรับเจ้าบ่าวอยู่

ห้าคนเป็นคนโง่

อีกห้าคนเป็นคนฉลาด

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

07-01-2019