08 ตุลาคม 2560

สนทนาประสาจิตจักรวาล 18


#สนทนาประสาจิตจักรวาล

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เรายังมีประเด็นที่ชาวพุทธหลายคน
เชื่อกันอยู่ผิดๆเป็นข้อที่ 4 ว่า

"มีเฉพาะศาสนาพุทธเท่านั้น
ที่สอนวิธีการปฏิับัติธรรม
ที่ช่วยให้ไปนิพพานได้"

เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ผู้ที่เชื่อและกล่าวถ้อยความไว้เช่นนี้นั้น
เป็นเพราะรู้ไม่จริง คิดเหมาเอาเอง
หรืออาจมีอคติศาสนาอื่นแอบแฝงด้วย

เป็นไปไม่ได้หรอกท่าน
ถ้าการหลุดพ้นของจิตวิญญาณ
ที่พวกท่านเรียกว่า "นิพพาน" นั้น
เป็นเรื่องสำคัญและเป็นเรื่องจริง
สำหรับมนุษย์โลกเสรีนี้แล้ว

พระศาสดาพระองค์อื่นๆ
ที่เสด็จลงมาจุติในแต่ละยุคสมัย
เพื่อชี้ทางสว่างไสวให้แก่มวลมนุษย์นั้น
มีหรือที่ทุกพระองค์จะมิทรงทราบหรือไม่รู้
และเมื่อรู้แล้วว่าสำคัญยิ่งแต่ไม่บอกไม่สอน
มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน

โดยเฉพาะพระศาสดาพระองค์อื่นๆ
ซึ่งเป็นผู้กล่าวพระโอวาท
ในพระนามพระบิดาต่อท่านทั้งหลาย
ด้วยการ "สื่อคลื่นความคิด" ในระบบจิตสู่จิต
โดยตรงกับองค์พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
มิได้คิดเองสอนเองกล่าวเอง
ตามสัจธรรมที่ตนเองค้นพบ

ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่พระบิดาจะมิทรงสอน
บุตรมนุษย์ของพระองค์ให้ได้รู้
เพราะพระองค์ทรงมีพระประสงค์
จะให้ลูกๆทุกคนกลับบ้าน
กลับคืนสู่แดนสุญตาที่จากมานานกันเสียที
เพราะทรงรอคอยลูกๆมานานมากแล้ว

เราจะกล่าวต่อคนที่กล่าวว่า
มีเพียงศาสนาเดียว
ที่สอนวิธีปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงนิพพานว่า

ท่านจงอย่ากล่าวเท็จและอย่าก้าวล่วง
พระศาสดาพระองค์อื่นๆอยู่อีกเลย
เพราะมันเป็นการผิดบาปสถานหนัก

ท่านเองเชื่อในพระพุทธศาสนาก็ชอบแล้ว
จงก้มหน้าปฏิบัติตามพระพุทธองค์เถิด
เพื่อนำพาจิตวิญญาณนิพพานให้ได้ในชาตินี้
หากมั่นใจว่าท่านพบวิธีหลุดพ้นได้แล้ว
อย่าเสียเวลาไปกับการกระแนะกระแหน
คนที่เขารักศรัทธาศาสนาอื่นๆอีกเลย

เราเคยย้ำเสมอว่า
ทุกศาสนาล้วนเป็นสากล
ทุกพระศาสดาล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน
ทุกสัจธรรมล้วนมาจากต้นธารเดียวกัน
วันนี้...เราก็จะขอยืนยันอยู่เช่นเดิม

พี่น้องที่รักแห่งเราทั้งหลาย
พระบิดาได้ทรงสื่อผ่านเรามา
ตั้งแต่สมัยกาลอดีตแล้วว่า
จิตวิญญาณของมนุษย์แต่ละคน
ซึ่งขันอาสามาเกิดเป็นมนุษย์โลกเสรีนั้น
ใครก็ตามที่จะได้รับโอกาสมาสู่การเกิด
ผู้นั้นจะต้องให้สัจจะสัญญาต่อพระบิดาว่า
จะปฏิบัติตามพันธะสัญญา 6 ประการ
มิเช่นนั้นจะมิได้รับอนุญาตให้มาเกิด

โดยหนึ่งใน 6 ประการที่ว่านี้ก็คือ
ให้สัญญาว่าจะย้อนคืนกลับสู่แดนสุญตา
ภายในเวลาไม่เกิน 6 หมื่นปีโลก
ก่อนที่พระองค์จะทรงปิดยุคพลังงานเก่า
ด้วยปฏิบัติการชำระโลกครั้งใหญ่
ซึ่งดาวเคราะห์โลกดวงนี้จะมืดมิดไร้แสง
ยาวนานถึง 56 วัน หรือ 8 ราตรีเลยทีเดียว

การให้สัญญาว่าจะต้องกลับแดนสุญตา
คือการ "นิพพาน" ทางจิตวิญญาณนั่นเอง

นอกจากนั้นท่านผู้ที่กล่าวก้าวล่วงไว้
ก็ยังไม่รู้อีกด้วยว่าวิธีนิพพานที่แท้จริง
ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนไว้คืออย่างไร

ไปเข้าใจว่าต้องหมั่นทำบุญสุนทานเยอะๆ
นั่งกรรมฐานสมาธิบ่อยๆหน่อย
หมั่นฟังเทศน์ฟังธรรมเป็นประจำ
ถือศีลห้าศีลแปดและกินเจอย่างเคร่งครัด
ด้วยวิธีการหลักๆทั้งสี่ประการที่กล่าวนี้
เป็นวิถีทางเดียวที่จะถึงนิพพานได้เท่านั้น

เมื่อแลเห็นว่าศาสนิกชนในศาสนาอื่น
เขาไม่มีสอนแบบนี้ไม่มีปฏิบัติบำเพ็ญเช่นนี้
จึงไปกล่าวหาพวกเขาว่า
เป็นศาสนาที่มิได้สอนปฏิบัติธรรม
เพื่อช่วยให้เข้าถึงนิพพานได้เอาดื้อๆ

เราเองก็เคยกล่าวไว้
เพื่อให้สติทางวิญญาณแก่ท่านทั้งหลายว่า
"พระหรือนักบวชกับชาวบ้าน
วิธีนิพพานนั้นแตกต่างกัน"

พระพุทธองค์ทรงเป็นพระภิกษุสงฆ์
ก็ทรงมีมรรควิถีแห่งนิพพานแบบนักบวช
เพื่อฝึกฝนสอนสั่งสาวกของพระองค์

ส่วนองค์เยซูคริสต์เจ้าทรงเป็นฆราวาส
ก็ทรงชี้ทางการหลุดพ้นแบบฆราวาส
ต่อพี่ๆน้องๆชาวโลกเสรี
ตามที่ทรงรับสื่อมาจากพระผู้เป็นเจ้า

ดังนั้น
วิธีปฏิบัติธรรมสู่การหลุดพ้นหรือนิพพาน
ในบริบทของนักบวชกับชาวบ้าน
มันจึงต้องแตกต่างกันอย่างชัดเจน

พระพุทธองค์ทรงเน้นปฏิบัติการทางเท็คนิก
ขณะที่พระผู้เป็นเจ้าทรงเน้นแนะ
ผ่านบุตรเอกของพระองค์ต่อท่านทั้งหลาย
ให้เคร่งครัดปฏิบัติธรรมไปตามธรรมชาติ
โดยไม่ต้องปลีกวิเวกไม่ต้องถือสันโดด
ไม่ต้องทรมานเครื่องยนต์แห่งกรรมเลย

ทรงเน้นให้ถือบวชที่จิตใจเป็นสำคัญ
ซึ่งมีดวงแก้วสองดวงให้ถือครองไว้
คือ มีมหาสติและมีปณิธานแห่งนิพพาน
เพื่อผ่านทุกบททดสอบที่คนรอบข้างยื่นให้
ปลายทางสุดท้ายก็จะถึงสวรรค์นิรันดร
อันหมายถึงแดนนิพพานนั่นเอง

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
8-10-2017