02 มีนาคม 2559

ความรู้เรื่องกฎแห่งกรรม: 5


จิตจักรวาลอ่านกรรม
*********************
เราได้กล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลาย
ในเรื่องกฎแห่งกรรม 
แบบที่ 1,2,3 และ 4 ไปแล้ว
เรายังมีความรู้เรื่อง "เวรกรรม"
อันอาจเป็นประโยชน์ต่อท่าน
ในการสำนึกผิดด้วยจิตหยาบ
สำนึกบาปด้วยจิตวิญญาณ
ในผลกรรมแบบที่ 5 ให้ท่านรู้อีกว่า

*ถ้าคนใกล้ตัวของท่าน
ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม
ที่มีอาการป่วยทางประสาท
แม้ว่าเขาจะสามารถรับรู้
โลกแห่งความเป็นจริงได้ 
แต่ก็จะก่อให้เกิดความปั่นป่วนอย่างมาก
ในการดำเนินชีวิตประจำวัน 

โรคประสาทจะมีอาการตั้งแต่ซึมเศร้า 
ตื่นตระหนก และกังวลอย่างเฉียบพลัน 
ย้ำคิดย้ำทำ  หวาดกลัว (phobia) 
วิตกกังวล หวาดหวั่นไม่สมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 
ใจสั่น อาจตัวร้อน ชาเป็นแถบ ๆ หายใจไม่อิ่ม 
เบื่ออาหาร มีเหงื่อออกตามมือและเท้า 
ก่อนหลับมีอาการสะดุ้งคล้ายตกเหว

เป็นคนเจ้าอารมณ์ หลงตัวเอง 
หวาดกลัวอย่างรุนแรงโดยไม่มีสาเหตุ 
เช่น กลัวการอยู่ตามลำพัง 
กลัวสถานการณ์บางอย่าง 

เป็นคนย้ำคิดย้ำทำบางอย่าง 
ที่เกิดจากความวิตกกังวล 
โดยไม่สามารถควบคุมตนเองได้

มีอาการซึมเศร้า 
ชนิดที่เป็นความแปรปรวน
อันเกิดจากความขัดแย้งภายในจิตใจ 
หรือเกิดจากการสูญเสียของรัก คนรัก 
ทำให้มีความรู้สึกเศร้าหมอง 
จนขาดความสนใจสิ่งใดๆ  

ซึมเศร้าชนิดท้อแท้ ใจ
จะมีอาการหมดแรง ไม่แจ่มใส 
นอนไม่หลับ

ซึมเศร้าชนิดบุคลิกวิปลาส 
จะรู้สึกสับสน 
ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร 

จะมีความวุ่นวายเกี่ยวกับร่างกาย
โดยย้ำคิดเกี่ยวกับสุขภาพของตัวเอง
ทั้งๆที่ร่างกายยังปกติเหมือนคนทั่วไป
หรืออื่นๆ

การป่วยด้วยโรคประสาทเช่นที่ว่านี้
จะทำให้คนรอบข้างขลาดกลัว
จะทำให้คนรอบข้างรังเกียจ
จะทำให้คนรอบข้างเหยียดหยาม
จะทำให้คนรอบข้างไม่พอใจ

จะทำให้ตนเองทุกข์ทรมานจิตใจ
จะทำให้ตนเองด้อยสมรรถนะกว่าคนอื่น
จะทำให้ตนเองรู้สึกว่ามีปมด้อย
จะทำให้ตนเองกุมสติไม่ได้
จะทำให้ตนเองใช้ปัญญาไม่ได้

คนที่มีอาการป่วยทางประสาทเหล่านี้
เป็นชะตากรรมอันเกิดจากเวรกรรม
ซึ่งจิตวิญญาณของคนผู้นั้นถือติดตัวมา
อันเป็นบทเรียนโลกที่สำคัญบทหนึ่ง
เพื่อเรียนรู้ที่จะมีสำนึกให้ถูกต้องให้ได้ว่า
ได้กระทำผิดบาปต่อตนเองมาอย่างไร

เราจะกล่าวความจริงให้รู้ว่า
จิตวิญญาณของท่านได้ขันอาสาพระบิดา
มาเกิดเป็นคนบนโลกเสรีนี้
หน้าที่แรกที่จักต้องกระทำต่อตนเอง
คือ ต้อง "คน" ตนเองให้เป็น "มนุษย์"
ด้วยกระบวนการของ "ขันธ์ 5"
ตามที่เราเคยสื่อสอนมาให้แล้ว

คำว่ามนุษย์แปลว่า "ผู้มีจิตใจสูง"
ผู้มีจิตใจสูงหมายถึงผู้ที่สามารถเข้าถึง
การสั่นสะเทือนทางจิตปัญญาด้านบวก
คือ รักได้ ให้เป็น ใช้ปัญญาของสมองได้
อันเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของมนุษย์
ที่จะเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญ
เพื่อปฏิบัติภารกิจทางจิตวิญญาณ
ซึ่งเป็น "พันธะสัญญา 6" ให้สำเร็จได้

แน่นอนว่าถ้าท่านหรือใครก็ตาม
จะเข้าถึงการคนตนเองให้เป็นมนุษย์ได้
ก็จักต้องเป็นผู้ครอง "มหาสติ" 
และมีปณิธานแห่งนิพพานอย่างชัดเจน

มหาสติ คือ รู้สติ มีสติ และใช้สติ
ปณิธานแห่งนิพพาน คือ
การรักได้ ให้เป็น 
ไม่ก้าวล่วงใครแม้กระทั่งตนเอง

เราถามท่านทั้งหลายว่า
การทำตนเสเพลเหลวไหล
การทำตนขี้เมาหยำเป
การทำตนเป็นอันธพาลเกเรเมื่อดื่มจัด

มันเป็นการใช้ชีวิตที่ควรจะเป็นหรือไม่?
มันทำตนให้มีค่าพอที่จะเป็นมนุษย์ได้มั้ย?
มันจะบรรลุภารกิจทางจิตวิญญาณได้มั้ย?
มันทำให้เครื่องยนต์แห่งกรรมเสื่อมใช่มั้ย?
มันเป็นหนึ่งเดียวกันกับคนอื่นๆไม่ได้ใช่มั้ย?

มันเป็นการทำลายสติ
ทั้งของตนเองและผู้อื่นใช่หรือไม่

มันปิดโอกาสการใช้สติปัญญา
ของตนเองใช่หรือไม่

มันมีแต่จะนำไปสู่การเป็นทาสกิเลสตัณหา
เพราะว่าจิตสำนึกตกต่ำจนไร้สำนึก
อันเป็นความล้มเหลวทางจิตวิญญาณ
ใช่หรือไม่

ความผิดบาปที่กระทำต่อจิตวิญญาณ
และต่อเครื่องยนต์แห่งกรรมตนเองเช่นนี้
ล้วนมาจากจิตใจที่อ่อนแอ
จนมีผลต่อกระบวนการทางประสาทสมอง
ที่เสื่อมสมรรถนะในการใช้งานในชีวิต

ดังนั้น
ท่านผู้ใดที่กระทำผิดบาปต่อตนเอง
ในแบบอย่างที่ไม่ดีดังกล่าวมานี้
จึงต้องถือบทเรียนทางจิตประสาท
ที่บกพร่อง ที่ไม่สมดุล ติดตัวมาด้วย

เพื่อให้มีสำนึกรู้คุณค่าในการเป็นมนุษย์
เพื่อให้มีสำนึกรู้คุณค่าของการมีมหาสติ
เพื่อให้มีสำนึกรู้คุณค่าของปัญญา
เพื่อให้มีสำนึกรู้บทบาทหน้าที่ของตนเอง

หากใครสามารถ
สำนึกผิดด้วยจิตหยาบ
สำนึกบาปด้วยจิตวิญญาณ
ในชะตากรรมอันไม่พึงประสงค์ในชาตินี้ได้
เวรกรรมที่เผชิญนี้จะเป็นโมฆะทันที
แต่...เมื่อจบสิ้นอายุขัยในชาตินี้เท่านั้น

มันจะสำนึกได้ง่ายมั้ยล่ะ
ถ้าตนมีอาการทางประสาท
จนต้องวุ่นวายอยู่กับความไม่สงบทางจิต
ในชีวิตประจำวันของตนอยู่อย่างนี้

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
2-3-2016