จิตจักรวาลอ่านกรรม
*********************
เราได้กล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลาย
ในเรื่องกฎแห่งกรรม
แบบที่ 1,2,3,4 และ 5 ไปแล้ว
เรายังมีความรู้เรื่อง "เวรกรรม"
อันอาจเป็นประโยชน์ต่อท่าน
ในการสำนึกผิดด้วยจิตหยาบ
สำนึกบาปด้วยจิตวิญญาณ
ในผลกรรมแบบที่ 6
ให้ท่านรู้อีกว่า.......
*ถ้าในชีวิตของท่านที่ผ่านมา
ต้องเผชิญกับชะตากรรมแบบหนึ่ง
ซึ่งเกิดขึ้นซ้ำซากจำเจจนผิดปกติ
จากการประสบ "อุบัติเหตุ" บ่อยๆ
ไม่ว่าจะอยู่ในบ้านนอกบ้าน
ไม่ว่าจะเดินทางเคลื่อนที่
ไม่ว่าจะหยิบฉวยทำอะไร
ไม่ว่าจะนั่งหรือนอนอยู่เฉยๆ
อุบัติเหตุจะเกิดขึ้นกับท่านได้เสมอ
ท่านจะต้องรู้ว่า
สิ่งที่เป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับท่านนั้น
มันมักเป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้า
โดยที่ท่านไม่อาจรู้ตัวล่วงหน้าได้ว่า
มันจะเกิดขึ้นตอนไหนเมื่อไหร่
เพียงแค่ท่านเผลอเรอหรือประมาท
อุบัติเหตุจากการผิดพลาดก็เกิดได้แล้ว
หนักบ้างเบาบ้างสลับกันไป
ทุกครั้งที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นมา
ถ้าท่านไม่เจ็บเนื้อเจ็บตัวก็ต้องเจ็บใจ
ถ้าท่านไม่เสียเวลาหรือเสียเงินเสียทอง
ท่านก็จะต้องเสียใจอย่างใดอย่างหนึ่ง
ชะตากรรมในลักษณะที่ว่ามานี้
มันล้วนเป็นเวรกรรมที่ท่านจักต้อง
ทำให้มันเป็นโมฆะกรรมให้ได้ในชาตินี้
ด้วยการมีสำนึกผิดด้วยจิตหยาบ
สำนึกบาปด้วยจิตวิญญาณว่า
ในชาติอดีตนั้นท่านได้ทำผิดบาปอะไรมา
เราจึงจะกล่าวความจริง
ต่อท่านทั้งหลายว่า....
เวรกรรมจากการประสบอุบัติเหตุบ่อยๆนี้
ความมีสำนึกที่ถูกต้องของท่านก็คือ
ท่านต้องตอบคำถามตนเองให้ได้ว่า
ทำไมตัวท่านจึงต้องเผชิญกับสิ่งเลวร้าย
ซึ่งท่านไม่พึงประสงค์บ่อยๆจนผิดปกติ
ทำไมท่านจึงต้องเผชิญกับเหตุการณ์
ที่ชวนตื่นเต้น หวาดเสียว ตกใจ น่ากลัว
ในรูปแบบต่างๆที่คาดไม่ถึง
ทั้งโดยเหตุจากตัวท่านเอง
และเหตุจากคนอื่นที่ท่านไม่คุ้นเคย
คำตอบเดียวในหลายคำถามเหล่านั้น
ที่ท่านจักต้องมีให้กับตนเอง
พร้อมกับยอมรับมันอย่างสิ้นสงสัย
โดยคำตอบเดียวที่ว่านั้นก็คือ
เพราะในชาติที่ผ่านมา
ท่านเป็นผู้มีพฤตินิสัยบกพร่องข้อหนึ่ง
นั่นคือ "ชอบหาเรื่องด่า" คนอื่น
มีใครทำอะไรกระทบกระทั่งนิดหน่อย
มีใครทำอะไรผิดหูผิดตาท่าน
ท่านเป็นต้องหยิบเอามาสร้างเงื่อนไข
หาเรื่องนินทาด่าว่าเขาอยู่ร่ำไป
โดยไม่สนใจว่า "เขาคนนั้น" เป็นใคร
โดยไม่สนใจว่า "ข้อเท็จจริง" เป็นอย่างไร
โดยไม่สนใจว่าเขาคนนั้น "เจตนา" หรือไม่
การที่คนเหล่านั้นมิได้มีเจตนาร้าย
หรือตั้งใจที่จะทำไม่ดีกับท่าน
แต่ตัวท่านเป็นฝ่ายคิดลบไปเอง
เพราะอคติกับเขาจึงคิดมากเกินไป
เพราะระแวงเขาจึงคิดว่าเขาเป็นลบ
ดังนั้น
การที่ท่านมีนิสัยชอบด่าว่าคนอื่น
โดยที่เขา "คาดไม่ถึง" ว่าจะถูกท่านด่า
โดยที่เขานึกไม่ถึงว่า
เขาเป็นผู้สร้างเหตุอันใดให้ท่านด่า
ด้วยเหตุอันคาดไม่ถึงซึ่งเกิดจากท่านนี้
ยังผลให้ผู้อื่นต้องตื่นตกใจ หวาดกลัว
หวั่นไหว จิตใจไม่สงบ อยู่ไม่เป็นสุข
เป็นทุกข์ยาว เศร้าเสียใจนาน
อาการทางจิตที่เสียสมดุลเพราะท่าน
ดังที่วิสัชนามาทั้งหลายเหล่านี้
มันจึงต้องย้อนกลับมาเป็นบทเรียนโลก
ในรูปของการประสบอุบัติเหตุบ่อยครั้ง
ในแบบของการตื่นตกใจกลัวที่คาดไม่ถึง
ซึ่งท่านจักต้องเผชิญกับมัน
เพื่อเรียนรู้บ้างว่าอะไรเป็นอะไรอย่างไร
โดยที่ท่านจะโง่งมอยู่กับคำกล่าวที่ว่า
ท่านจะ "ไม่อะไรกับอะไร"
ที่เกิดขึ้นกับชีวิตของท่านนั้นไม่ได้
เพราะท่านจะไม่มีวันเข้าถึง
การมีสำนึกที่ถูกต้องจากบทเรียนกรรมนี้
เพื่อที่จะชำระกรรมเวรที่ท่านก่อขึ้นไว้
ให้มันเป็นโมฆะเสียในชาตินี้ได้เลย
ก็เพราะท่านมัวแต่เพ้อเจ้ออยู่
กับการเล่นสำนวนชวนหัวว่า
"จะไม่อะไรกับอะไร" อยู่นี่แหละท่าน....
**นอกจากนั้น....
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านอีกว่า
ยังมีกรรมเวรอยู่อีกอย่างหนึ่ง
ซึ่งเป็นทำนองผิดบาปคล้ายๆกัน
แต่จะเผชิญกับชะตากรรมที่แตกต่าง
ถ้าตัวท่านเป็นผู้หนึ่งที่
ไม่ค่อยจะถูกโฉลกกับสัตว์ประจำโลก
โดยมักถูกพวกเขากัดทำร้ายอยู่เนืองๆ
ไม่ว่าจะทำร้ายท่านแบบซึ่งหน้า
หรือว่าลอบทำร้ายท่านในทีเผลอ
ไม่ว่าสัตว์นั้นจะเป็นสัตว์ตัวเล็กๆ
แค่สร้างความรำคาญให้ท่าน
ในลักษณะคันๆเกาๆแสบๆมันๆ
ที่ท่านต้องเกาจนถลอกเลือดออกซิบๆ
หรืออาจเป็นสัตว์เล็กแต่มีพิษ
จนทำให้ชีวิตท่านต้องวุ่นวาย
หรือเป็นสัตว์ใหญ่เช่น แมว หมา
ไปจนถึงสัตว์อื่นที่ตัวใหญ่กว่า
ทั้งสัตว์เลี้ยงและสัตว์ป่าสาระพัดสัตว์
ดูเหมือนว่าไม่มีหน้าขนตัวไหน
จะเป็นที่ไว้วางใจของท่านได้เลย
เผลอเมื่อไหร่จะโดนสัตว์ทำร้ายเมื่อนั้น
หากชะตากรรมท่านเป็นเช่นนี้
แสดงว่าสำนึกในผิดบาปที่ท่านต้องรู้
ก็คือต้องตอบตนเองให้ได้ว่า
ท่านทำผิดบาปอะไรมาจากชาติก่อน
เมื่อเรียนรู้แล้วต้องยอมรับความจริงนั้น
อย่างไม่ลังเลสงสัย
แล้วตลอดไปจะต้องไม่ทำตนเช่นนั้นอีก
กรรมเวรที่ว่านี้ก็คือ....
การมีนิสัยชอบก่อเรื่องทะเลาะวิวาท
อันเป็นการ"ทำลายความสุขสงบ"ของผู้อื่น
โดยที่ท่านไม่เลือกเรื่อง ไม่เลือกที่
ไม่เลือกหน้าว่าคนๆนั้นจะเป็นใคร
สามารถหาเรื่องทะเลาะกับเขาได้เสมอ
เพียงแค่ขัดหู ขัดตา ขัดข้อง
ท่านก็จะเกิดอาการขัดเคืองขุ่นใจง่ายๆ
จนกระทำตอบสนองด้านลบต่อคนรอบข้าง
ชนิดที่เรียกว่า "ชวนทะเลาะ" ได้เรื่อย
พฤติกรรมเยี่ยงนี้จึงไม่ต่างจากการที่
สัตว์ทั้งหลายที่เที่ยวไล่กัดทำร้ายท่าน
เสมือนไร้เหตุผลอันควรนั่นเอง
หากชาตินี้ท่านมีสำนึกผิดบาป
ในชะตากรรมที่ 6 ตามที่กล่าวมานี้ได้
การหลุดพ้นในชาตินี้
จึงใกล้ความจริงเข้าไปอีกหนึ่งแล้ว
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
2-3-2016