22 มีนาคม 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 22/03/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

หลังจากที่เราได้เห็น
ช่างเท็คนิกองค์หนึ่ง (ยาน) ของพระบิดา
กำลังบินอยู่บนท้องฟ้า
พร้อมกับนำ "ข่าวดีนิรันดร"
มาประกาศแก่ผู้อาศัยบนดาวโลกเสรีแล้ว
ช่างเท็คนิกองค์ที่สอง (ยาน) ก็บินตามมา

ช่างเท็คนิกองค์ที่สองประกาศว่า
"มหานครใหญ่ของโลกล่มแล้ว
เพราะมหานครใหญ่นี้เอง
เป็นผู้มอมเมาบรรดาประชาชาติทั้งหลาย
ให้ทรยศต่อพระผู้เป็นเจ้า
ให้ประพฤติผิดสัจจะต่อองค์พระบิดา"


จากนั้นเราก็แลเห็น
ช่างเท็คนิกองค์ที่สามบินตามเข้ามา
พร้อมกับร้องเสียงดังว่า
"ผู้ใดยอมตน"
เป็นข้าทาสบริวารของสัตว์ร้าย
กราบไหว้นมัสการสิ่งที่มันสร้างขึ้น
และยอมสักตราไว้บนหน้าผาก
หรือฝังไมโครชิปไว้ที่มือของตน
คนเหล่านี้จะถูกพระบิดาลงโทษ
ให้ทุกข์ทรมานในถ่านไฟลาวาและกำมะถัน
ต่อหน้าประดาช่างเท็คนิกผู้ศักดิ์สิทธิ์
เฉพาะพระพักตร์ลูกแกะ
ซึ่งเป็นพระบุตรเอกแห่งพระบิดา

โดยควันจากการทรมานพวกเขานั้น
จะพลุ่งขึ้นตลอดกาลนิรันดร
หมายถึงเมื่อพวกเขาตายไปแล้ว
จิตวิญญาณของพวกเขาเหล่านี้
จะถูกจองจำไว้โดยมิได้ผุดเกิด
จิตวิญญาณพวกเขาก็จะถูกทำโทษ
ทั้งวันคืนโดยมิได้พักผ่อนเลย
เพราะความผิดบาปที่พวกเขากระทำ
ด้วยการไปหลงกราบไหว้บูชาสัตว์ร้าย
แทนที่จะกราบไหว้พระผู้เป็นเจ้า
ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณของตนเอง

ดังนั้น
ประดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่ปฏิบัติตามพระโอวาท
คำสื่อสอนพระบิดาที่สื่อผ่านพระบุตรเอก
อันเป็นบทบัญญัติของพระเจ้า
และมีความเชื่อในพระบุตรเอก
จึงต้องฉลาดใช้ปัญญาเพื่อคิดตามให้เข้าใจ
จึงต้องบากบั่นหมั่นเพียรประพฤติชอบ
จึงต้องเชื่อมั่นในพระบิดาและศรัทธาเรา
โดยไม่หลงงมงายไปเป็นฝ่ายมาร

จากนั้นเราก็ได้ยินพระสุรเสียงพระบิดา
กึกก้องมาจากฟ้าสวรรค์ว่า
"จงจดจำกันไว้ด้วยว่า"
ประดาผู้ตายที่สิ้นใจในอ้อมพระอุระ
ซึ่งหมายถึงผู้ปฏิบัติตามพระโอวาทจริงจัง
พวกเขาทั้งหลายเหล่านี้จักเป็นสุข
ทั้งขณะที่มีชีวิตอยู่บนโลก
และอยู่ในมิติจิตวิญญาณเมื่อตายแล้ว
ทุกท่านจะได้พักผ่อนจากความเหน็ดเหนื่อย
ในการทำหน้าที่เป็นมนุษย์บนโลกเสรีนี้
มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
เราแลเห็นในนิมิตเป็นก้อนเมฆสีขาว
มีบุตรแห่งมนุษย์ผู้หนึ่งนั่งอยู่บนเมฆนั้น
บนศีรษะสวมมงกุฎทองคำ
ในมือถือเคียวคมอยู่

เราเห็นช่างเท็คนิกอีกองค์หนึ่ง
ออกมาจากพระวิหารแห่งพระบิดา
ร้องเสียงดังบอกผู้ที่นั่งอยู่บนก้อนเมฆว่า

"จงใช้เคียวของท่านเกี่ยวเถิด
เพราะบัดนี้เวลาเก็บเกี่ยวมาถึงแล้ว
และพืชผลของแผ่นดินโลก
พร้อมที่จะทำการเก็บเกี่ยวแล้วล่ะ"


ผู้ที่นั่งอยู่บนก้อนเมฆนั้น
จึงใช้เคียวเกี่ยวลงไปบนแผ่นดินโลก
เพื่อทำการเก็บเกี่ยวพืชผลของแผ่นดิน
จากนั้นเราก็เห็นช่างเท็คนิกองค์หนึ่ง
ออกมาจากพระวิหารแห่งพระบิดา
ในมือก็ถือเคียวคมออกมาด้วย

ช่างเท็คนิกอีกองค์หนึ่ง
มีอำนาจเหนือไฟ (The King of Fire)
ปรากฏตัวออกมาจากพระแท่นบูชา
พลางกล่าวด้วยเสียงอันดัง
ต่อช่างเท็คนิกผู้ถือเคียวคมว่า

"จงใช้เคียวคมของท่านเก็บพวงองุ่น
จากสวนองุ่นบนแผ่นดินโลกเถิด
เพราะบัดนี้ผลองุ่นนั้นสุกแล้ว"


ช่างเท็คนิกองค์นั้น
จึงใช้เคียวเกี่ยวลงไปบนแผ่นดิน
ทำการเก็บเกี่ยวพวงองุ่นที่ผลสุก
แล้วโยนลงไปในบ่อย่ำองุ่นบ่อใหญ่
ซึ่งเป็นการลงโทษคนบาปจากพระเจ้า

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

ผลองุ่นที่ถูกเคียวเกี่ยว
แล้วถูกโยนลงไปในบ่อย่ำองุ่นนั้น
เราหมายถึงมนุษย์ที่ถูกคัดทิ้งทั้งหลาย
จะถูกชักพาให้ไปรวมกันอยู่เป็นหมู่ใหญ่
ในพิกัดพื้นที่ซึ่งจะเกิดมหันตภัยรุนแรง
โดยจะถูกจูงใจว่าเป็นพื้นที่อันปลอดภัย
ซึ่งเจ้าลัทธิอุตริทั้งหลายนี่แหละ
จะเป็นแกนนำชักพาสานุศิษย์ที่ "งมงาย"
ให้ไปรวมพลพรรคอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า

สถานที่เหล่านี้จึงเป็นเหมือนบ่อย่ำองุ่น
ที่ผลองุ่นจะถูกโยนลงไปในบ่อ
แล้วถูกเหยียบย่ำอยู่ในบ่อเดียวกัน
หมายถึงพวกเขาจะต้องเผชิญชะตากรรม
จากภัยพิบัติร้ายแรงจนเกิดการตายหมู่
ซึ่งสถานที่จะเกิดเหตุร้ายให้ตายหมู่นั้น
ได้ถูกเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นทั่วโลก
โดยบ่อย่ำองุ่นส่วนใหญ่ในนิมิตที่ว่านี้
มันจะอยู่นอกเมืองมากกว่าในเมือง

และเรายังแลเห็นอีกด้วยว่า
เลือดสีแดงที่ไหลออกมาจากบ่อทั่วโลก
เมื่อนำมันมารวมเข้าด้วยกันแล้ว
จะมีปริมาณสูงจนถึงบังเหียนม้า
จะเป็นระยะทางยาวร่วม 300 กิโลเมตร

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายอีกว่า

เรายังได้แลเห็นสิ่งสำคัญ
และน่าพิศวงอีกสิ่งหนึ่ง
ในสวรรค์ของพระบิดา
นั่นคือเราเห็นช่างเท็คนิกเจ็ดองค์
ถือภัยพิบัติ 7 ประการสุดท้ายอยู่
ที่สำคัญและน่าพิศวงก็ตรงที่
ภัยพิบัติทั้งเจ็ดประการนี้
จะทำให้พระพิโรธของพระเจ้าสิ้นสุดลง

เราเห็นสิ่งหนึ่งเหมือนทะเลแก้วปนไฟ
ทะเลแก้วหมายถึงสนามพลังงาน
ในชั้นบรรยากาศโลก
ที่มีพลังรังสีแห่งพระสุริยะปกคลุมอยู่

เราเห็นผู้คนที่มีชัยชนะต่อสัตว์ร้าย
ผู้ที่มีชัยชนะต่อรูปปั้นและเลขชื่อของมัน
ซึ่งเป็นผู้คนที่ได้ถูกคัดไว้
กำลังยืนอยู่ริมทะเลแก้วนั้น
ต่างพร้อมใจกันกล่าวสรรเสริญพระเจ้า

หลังจากนั้น
เราก็แลเห็นนิมิตในสวรรค์ของพระบิดา
เห็นพระวิหารที่ประทับของพระองค์เปิดออก
ประดาช่างเท็คนิกทั้งเจ็ดองค์
กำลังถือภัยพิบัติทั้งเจ็ดก้าวผ่านออกมา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
13-12-2018

22/03/2022