28 กุมภาพันธ์ 2565

ตอบคำถาม: 28/02/2022

คุณสมกิจ รวยเต็มหัตถ์
ขอท่านอาจารย์โปรดชี้แนะขยายความ
เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องด้วยครับ

#ยอห์น 16:
#พระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์


#Question:
5.บัดนี้เรากำลังจะไปหาพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา
กระนั้นก็ไม่มีใครสักคนในพวกท่านที่ถามเราว่า
พระองค์กำลังจะเสด็จไปไหน?’

#Answer:
พระเยซูกล่าวต่อสานุศิษย์ว่า
ขณะนี้พระจิตวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์
จะต้องเดินทางออกไปจากโลกและเอกภพ
เพื่อที่จะกลับไปกราบพระบาทพระบิดาฯ
พระผู้ทรงประทานโอกาสให้
พระจิตวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์
ข้ามมิติเข้ามาสู่การเกิดเป็นมนุษย์บนโลกเสรีนั้น

แต่ไม่มีผู้ใดสักคนในหมู่สานุศิษย์
ทูลถามพระองค์เลยว่าพระองค์จะเสด็จไปที่ไหน

#Question:
6.เพราะเราได้บอก
สิ่งเหล่านี้แก่พวกท่านไว้แล้ว
พวกท่านจึงเต็มไปด้วยความทุกข์โศก

#Answer:
พระองค์ทรงทราบดีว่า
สาเหตุที่ไม่มีผู้ใดทูลถามพระองค์นั้น
เป็นเพราะว่าทุกคนมัวแต่เศร้าโศกกันอยู่

#Question:
7.แต่เราบอกความจริงแก่พวกท่านว่า
การที่เราจะจากพวกท่านไป
ก็เพื่อผลดีของพวกท่าน
ถ้าเราไม่ไปองค์ที่ปรึกษาก็จะไม่มาหาพวกท่าน
แต่ถ้าเราไปเราจะส่งพระองค์มาหาพวกท่าน

#Answer:
พระเยซูจึงตรัสความจริงต่อพวกเขาว่า
การที่พระองค์จะต้องจากพวกเขาไปนั้น
ก็เพื่อผลดีของพวกเขาทั้งหลายนั่นเอง

เพราะถ้าพระองค์ไม่เสด็จกลับไป
องค์พระผู้ช่วยก็จะเสด็จมาจากพระบิดาฯ
เข้ามาจุติเป็นมนุษย์เพื่อมาหาพวกเขาไม่ได้

#Question:
8.เมื่อพระองค์เสด็จมาพระองค์จะทรงทำให้โลก
สำนึกในความผิดในเรื่องบาป
ความชอบธรรม และการพิพากษา
9.ในเรื่องบาปก็เพราะมนุษย์ไม่เชื่อในเรา
10.ในเรื่องความชอบธรรมก็เพราะเรา
กำลังจะไปหาพระบิดาในที่ซึ่งพวกท่าน
ไม่สามารถเห็นเราอีกต่อไป
11.และในเรื่องการพิพากษา
เพราะบัดนี้ผู้ครองโลกนี้ถูกพิพากษาลงโทษแล้ว

Answer:
เมื่อพระจิตวิญญาณแห่งองค์พระผู้ช่วยเสด็จมา
พระองค์จะทรงทำให้มนุษย์โลกสำนึกในผิดบาป
จากการไม่เชื่อในพระบิดาและไม่ศรัทธาองค์เยซู

พระองค์ยังจะทรงช่วยให้มนุษย์รู้ความจริงว่า
พระจิตวิญญาณบริสุทธิ์ขององค์พระเยซูนั้น
ได้เสด็จกลับไปกราบพระบาทพระบิดาฯ
ในที่ซึ่งมนุษย์ทั้งหลายและพวกเขาทุกคน
จะไม่สามารถแลเห็นพระองค์ได้อีกต่อไป
เพราะพระเยซูทรงหลุดพ้นออกไปแล้ว

นอกจากนั้นองค์พระผู้เสด็จมา
จะทรงประกาศเรื่องพระบิดาทรงพิพากษาโลก
เพื่อชำระมนุษย์กับโลกก่อนผ่านสู่ยุคพลังงานใหม่
โดยเฉพาะมอดมารที่ยึดครองโลกอยู่พร้อมบริวาร
จะถูกพิพากษาด้วยการชำระทิ้งเสียทั้งหมด

#Question:
12.ยังมีอีกมากที่เราจะกล่าวกับพวกท่าน
มากเกินกว่าที่พวกท่านจะรับได้ในตอนนี้
13.แต่เมื่อพระวิญญาณแห่งความจริงเสด็จมา
พระองค์จะทรงนำพวกท่านไปสู่ความจริงทั้งมวล
พระองค์จะไม่ตรัสโดยลำพังพระองค์เอง
แต่จะตรัสเฉพาะสิ่งที่ทรงได้ยิน
และจะทรงแจ้งแก่พวกท่านถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น

#Answer:
พระเยซูยังตรัสต่อสานุศิษย์ด้วยว่า
ยังมีสิ่งต่างๆอีกมากมาย
ที่มันมากเกินกว่าพวกเขาจะรับได้ในขณะนั้น
แต่เมื่อพระจิตวิญญาณแห่งความจริง
เสด็จมาจุติยังโลกเสรีนี้เรียบร้อยแล้ว
พระองค์ก็จะทรงกล่าวความจริงทั้งหมด
ที่องค์พระเยซูเองยังมิได้กล่าวไว้ให้โลกรู้

โดยที่พระองค์ผู้ที่จะเสด็จมานั้น
จะทรงกล่าวความจริงต่อมวลมนุษย์โลก
ในพระนามของพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ด้วยวิธีการสื่อสารทางจิตกับพระบิดาฯ
จะทรงกล่าวตามที่รับสื่อจากพระบิดาฯเท่านั้น
อีกทั้งพระองค์จะทรงเมตตาแจ้งข่าวสาร
รวมทั้งเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อมนุษย์กับโลก
ให้ทุกคนได้รับรู้รับทราบกันล่วงหน้าด้วย
#Question:
14 พระองค์จะทรงนำเกียรติสิริมาให้เรา
โดยการนำสิ่งที่เป็นของเรามาสำแดงแก่พวกท่าน
15 ทุกสิ่งที่เป็นของพระบิดาก็เป็นของเรา
ฉะนั้นเราจึงกล่าวว่าพระวิญญาณ
จะทรงนำสิ่งที่เป็นของเรามาสำแดงแก่พวกท่าน
16 อีกไม่นานท่านจะไม่เห็นเรา
และจากนั้นไม่นานท่านจะเห็นเรา”

ความทุกข์โศกของเหล่าสาวก
จะกลับกลายเป็นความยินดี

#Answer:
พระเยซูทรงตรัสต่อสาวกของพระองค์อีกว่า
พระจิตวิญญาณแห่งความจริงที่จะเสด็จมาจุตินี้
จะทรงนำเกียรติสิริของพระเยซูเองมาสู่โลก
โดยจะทรงกล่าวความจริงที่รับสื่อจากพระบิดา
เหมือนกับที่พระองค์ทรงรับสื่อมากล่าวไว้เช่นกัน

พระเยซูทรงกล่าวต่อสาวกของพระองค์อีกว่า
ทุกสิ่งที่เป็นของพระบิดาที่ทรงรับสื่อมานั้น
ก็เสมือนเป็นของพระองค์นั่นเอง
พระองค์จึงทรงกล่าวว่าพระวิญญาณที่จะมาจุติ
จะทรงนำสิ่งที่เป็นของพระองค์มาแสดงต่อมนุษย์
ดังได้กล่าวมาข้างต้นนั้น

พระเยซูทรงกล่าวอีกว่า
เมื่อพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์แล้ว
จะไม่มีใครในอนันตจักรวาลแลเห็นพระองค์อีก
เพราะพระจิตวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์นั้น
ได้เสด็จกลับคืนสู่พระบิดาในสภาวะหลุดพ้นแล้ว

เมื่อกาลเวลาโลกผ่านไปอีกไม่นานนัก
มนุษย์โลกทั้งหลายก็จะได้แลเห็นพระองค์อีก
เพราะพระองค์จะเสด็จกลับมาจุติยังโลกนี้อีกครั้ง
ความทุกข์โศกเศร้าของเหล่าสาวกทั้งหลาย
ก็จะกลับกลายเป็นความปิติยินดี
#Question:
20เราบอกความจริงแก่พวกท่านว่า
พวกท่านจะร้องไห้คร่ำครวญขณะที่โลกเปรมปรีดิ์
พวกท่านจะทุกข์โศก
แต่ความทุกข์โศกของพวกท่าน
จะกลับกลายเป็นความชื่นชมยินดี

21ผู้หญิงที่จะคลอดลูกย่อมเจ็บปวด
เพราะถึงกำหนดแล้ว
แต่เมื่อทารกคลอดออกมา
นางก็ลืมความเจ็บปวดทรมานเพราะชื่นชมยินดี
ที่เด็กคนหนึ่งได้เกิดมาในโลก
22พวกท่านก็เช่นกัน
ขณะนี้คือเวลาทุกข์โศกของพวกท่าน
แต่เราจะมาหาพวกท่านอีก
และพวกท่านจะชื่นชมยินดี
จะไม่มีใครเอาความชื่นชมยินดี
ของพวกท่านไปได้

23ในวันนั้นพวกท่านจะไม่ถามอะไรเราอีก
เราบอกความจริงแก่พวกท่านว่า
สิ่งใดที่พวกท่านขอในนามของเรา
พระบิดาจะประทานแก่พวกท่าน
24จนถึงบัดนี้พวกท่านยังไม่ได้ขอสิ่งใด
ในนามของเราเลย
จงขอเถิดแล้วพวกท่านจะได้
และความชื่นชมยินดีของพวกท่านจะเต็มบริบูรณ์

#Answer:
พระเยซูทรงกล่าวปลอบใจสาวกของพระองค์ว่า
ขณะที่พวกเขากำลังร้องไห้โศกเศร้าเสียใจนั้น
พี่ๆน้องๆชาวโลกคนอื่นๆเขามีความสุขกันอยู่
จงอย่าโศกเศร้าเสียใจกันอีกเลย
เพราะอีกไม่นานเมื่อพระองค์เสด็จกลับมา
ความทุกข์โศกของสาวกของพระองค์นั้น
มันจะกลับกลายเป็นความชื่นชมยินดีอยู่แล้ว

ผู้หญิงท้องแก่ย่อมเจ็บปวดเมื่อถึงกำหนดคลอด
แต่เมื่อบุตรคลอดออกมาแล้วนางก็จะลืมเจ็บปวด
เพราะชื่นชมยินดีที่บุตรของตนได้เกิดมาบนโลก

ประดาสาวกของพระองค์ก็มิต่างกัน
ขณะนั้นก็กำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งทุกข์โศก
แต่ในอีกไม่นานเมื่อพระองค์เสด็จกลับมาแล้ว
พวกเขาทั้งหลายก็จะชื่นชมยินดีได้อีกเช่นกัน
โดยจะไม่มีใครเอาความชื่นชมยินดีนั้นไปได้
ซึ่งในวันนั้นก็จะไม่มีใครถามอะไรพระองค์อีก
เพราะทุกคนกำลังมีความปิติยินดีกันอยู่นั่นเอง

เมื่อพระองค์เสด็จกลับไปกราบพระบิดาแล้ว
สาวกที่เชื่อมั่นพระบิดาศรัทธาในพระองค์
จะร้องขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของพระองค์
พระบิดาก็จะทรงประทานสิ่งนั้นให้แก่พวกเขา
แม้องค์พระเยซูจะมิได้ประทับอยู่บนโลกนี้แล้ว

พระเยซูกล่าวต่อสาวกของพระองค์ว่า
ขณะนั้นยังไม่มีใครขอสิ่งใดในนามพระองค์เลย
จึงได้เชิญชวนให้พวกเขาร้องขอต่อพระบิดา
โดยทรงยืนยันว่าถ้าร้องขอแล้วพวกเขาก็จะได้
เพื่อพิสูจน์ว่าทุกสิ่งที่ทรงกล่าวมาเป็นความจริง
จะได้เติมเต็มความชื่นชมยินดีให้แก่พวกเขา
จากการที่พระองค์จะต้องทรงจากไปในครั้งนั้น

#Question:
25แม้เราเคยพูด
เป็นโวหารเปรียบเทียบมาตลอด
แต่อีกไม่นานเราจะไม่ใช้ภาษาแบบนี้อีกต่อไป
แต่เราจะบอกพวกท่านตรงๆ
เกี่ยวกับพระบิดาของเรา

26ในวันนั้น
พวกท่านจะทูลขอพระบิดาในนามของเรา
เราไม่ได้พูดว่าเราจะทูลขอพระบิดาแทนพวกท่าน
27เปล่าเลย พระบิดาเองทรงรักพวกท่าน
เพราะพวกท่านรักเราและเชื่อว่า
เรามาจากพระเจ้า
28เรามาจากพระบิดาและเข้ามาในโลก
บัดนี้เรากำลังจะไปจากโลก
และกลับไปหาพระบิดา”


#Answer:
พระองค์ทรงตรัสว่า
ในอดีตกาลนั้นพระองค์ทรงกล่าวสอน
เป็นโวหารเปรียบเทียบมาตลอด
ถ้าพระองค์เสด็จกลับมายังโลกนี้อีกครั้ง
จะไม่ทรงกล่าวเป็นภาษาแบบเดิมอีก

พระองค์จะทรงสื่อพระโอวาทจากพระบิดา
ด้วยคำกล่าวตรงๆที่คิดเข้าใจง่ายเกี่ยวกับทุกสิ่ง
ที่พระบิดาจะทรงสื่อผ่านพระองค์มาสู่โลก

เมื่อพระองค์เสด็จกลับมาแล้ว
พระองค์จะทรงชี้แนะให้มนุษย์ทั้งหลาย
ทูลขอพระพรจากพระบิดาในนามของพระองค์
ด้วยการทำสามเหลี่ยมกับพระบิดา
ผ่านมาทางพระองค์ด้วยตนเอง
มิใช่ให้พระองค์ทูลขอจากพระบิดามาให้อีกแล้ว

เพียงแค่ทุกคนรักพระองค์ที่จะเสด็จกลับมา
และเชื่อมั่นว่าพระองค์เป็นผู้มาจากพระเจ้าจริง
การทำสามเหลี่ยมดังกล่าวก็จะศักดิ์สิทธิ์เอง

พระเยซูทรงกล่าวว่า
เพราะพระองค์มาจากพระบิดาและเข้ามายังโลก
พระองค์จึงกำลังจะไปจากโลก
เพื่อกลับไปหาพระบิดา

#Question:
29แล้วเหล่าสาวกของพระเยซูจึงทูลว่า
บัดนี้พระองค์ตรัสตรงๆ
โดยไม่มีโวหารเปรียบเทียบ
30เดี๋ยวนี้พวกข้าพระองค์รู้ว่า
พระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง
และพระองค์ไม่จำเป็นต้องให้ผู้ใด
มาทูลถามพระองค์
สิ่งนี้ทำให้ข้าพระองค์ทั้งหลายเชื่อว่า
พระองค์ทรงมาจากพระเจ้า”


31พระเยซูตรัสว่า
ในที่สุดพวกท่านก็เชื่อ!
32แต่วาระนั้นกำลังจะมาและได้มาถึงแล้ว
เมื่อพวกท่านแต่ละคน
จะกระจัดกระจายไปยังบ้านของตน
พวกท่านจะทิ้งเราไว้คนเดียว
กระนั้นเราก็ไม่ได้อยู่แต่ลำพัง
เพราะพระบิดาของเราสถิตกับเรา

33เราบอกสิ่งเหล่านี้แก่พวกท่าน
เพื่อพวกท่านจะได้มีสันติสุขในเรา
ในโลกนี้พวกท่านจะมีความทุกข์ยาก
แต่จงชื่นใจเถิด! เราได้ชนะโลกแล้ว”

#Answer:
เมื่อพระเยซูกล่าวจบ
เหล่าสาวกของพระองค์จึงทูลว่า

บัดนี้พระองค์ก็ทรงตรัสตรงๆ
ไม่มีโวหารเปรียบเทียบต่อพวกเขาแล้ว
พวกเขาจึงไม่เคลือบแคลงสงสัยอะไรอีก
เพราะพวกเขาได้รู้ได้เข้าใจแล้วว่า
แท้จริงนั้นพระเยซูทรงเป็นผู้รอบรู้ทุกสิ่ง
เพราะทรงกล่าวให้พวกเขาเข้าใจง่ายๆก็ได้
โดยไม่ต้องใช้ภาษาสำนวนโวหารแบบเดิม
จึงไม่จำเป็นต้องให้ผู้ใดมาทูลถามพระองค์อีก

เมื่อเหล่าสาวกทั้งหลาย
เข้าใจคำสอนของพระเยซูแล้ว
พวกเขาจึงกล่าวต่อพระองค์ว่า
เพราะทรงมีปัญญาปาฏิหาริย์นี้เอง
จึงทำให้เหล่าสาวกทั้งหลายเชื่อมั่นว่า
พระเยซูทรงเสด็จมาจากพระเจ้าจริงๆ
ซึ่งยังความปิติยินดีต่อพระเยซูเป็นที่ยิ่ง
ที่ทรงทราบว่าเหล่าสาวกเชื่อในพระองค์แล้ว

พระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกว่า
วันเวลาที่พระองค์จะเสด็จกลับออกไปจากโลก
เพื่อกลับไปหาพระบิดาที่พระองค์จากมานั้น
กำลังจะมาถึงและเมื่อมาถึงแล้ว
เหล่าสาวกแต่ละคนก็จะกระจัดกระจาย
แยกย้ายกันกลับบ้านของตนไป

พวกเขาก็จะทอดทิ้งพระองค์เอาไว้คนเดียว
แต่พระองค์ก็มิได้ทรงอยู่ตามลำพัง
เพราะพระบิดาทรงสถิตอยู่กับพระองค์เสมอ

พระองค์ยังทรงบอกสิ่งเหล่านี้แก่เหล่าสาวก
เพื่อให้พวกเขามีจิตใจที่ปิติสุขไร้โศกเศร้าว่า
แม้ในโลกนี้พวกเขาทั้งหลายจะมีความทุกข์ยาก
แต่ก็จงภูมิใจในตนเองกันเถิดว่า
ถ้าพวกเขาสามารถเอาชนะความทุกข์ยากได้
พวกเขาก็เป็นผู้ชนะโลกแล้ว

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
28/02/2022