16 กุมภาพันธ์ 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 16/02/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

หน้าที่ของมนุษย์ทุกคนทุกชนชาติทุกศาสนา
ที่จิตวิญญาณได้รับโอกาสให้มาเกิดนั้น
โดยเริ่มนับตั้งแต่อายุสามขวบปีโลกเป็นต้นไป
สามารถแบ่งได้เป็น 3 ระดับขั้นโดยในขั้นแรก
ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ความจริงให้ได้ว่า

จิตหยาบผู้ทำหน้าที่ขับเคลื่อนเครื่องยนต์แห่งกรรม
ในบทบาทคนสองมิติเพื่อเรียนรู้ที่จะเป็นมนุษย์นั้น
จักต้องเรียนรู้และยอมรับอนุตรธรรมความจริงว่า
#ตนนั้นยังมีจิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้เร้นอยู่ข้างใน

โดยสำนึกของจิตหยาบของท่านจักต้องรู้ว่า
ตนนั้นเป็นผู้ได้รับมอบอำนาจให้ทำหน้าที่แทน
จิตวิญญาณผู้อาสามาเกิดเป็นมนุษย์แค่ชั่วคราว
ซึ่งจิตวิญญาณได้แบ่งภาคทางพลังงานออกมา
เหมือนจิ้งหรีดหรือตั๊กแตน "ลอกคราบ" นั่นแหละ
เพียงแต่คราบของตั๊กแตนหรือจิ้งหรีดมันไม่มีชีวิต
แต่จิตหยาบเป็นพลังงานที่มีชีวิตเพราะว่ามีขันธ์ 5
ที่จิตวิญญาณได้มอบให้จิตหยาบติดตัวมาด้วย

จิตหยาบจะต้องมีและต้องใช้ #ขันธ์ห้า
เพื่อขับเคลื่อนเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
ให้เกิดการสั่นสะเทือนพร้อมกันใน 2 มิติ คือ
#มโนกรรม ซึ่งเป็นการกระทำในมิติทางพลังงาน
ควบคู่กับ #กายกรรมวจีกรรม ในมิติทางกายภาพ

นอกจากนั้นมนุษย์โดยจิตหยาบจะต้องสำนึกรู้ว่า
เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์นี้มิใช่ของตน
ตนเป็นเพียงผู้รับมอบอำนาจให้ทำแทนชั่วคราว
ตั้งแต่คลอดออกมาจากครรภ์มารดาเท่านั้นเอง
ทั้งต้องรู้ด้วยว่าจิตวิญญาณต้องการให้ตนทำอะไร
ไม่ต้องการให้ตนทำสิ่งใดบ้าง เป็นต้น

แต่เนื่องจากจิตวิญญาณแก่นแท้ของมนุษย์ทุกคน
ลอกคราบแบ่งภาคตนเองจนเป็นดั่งดักแด้ไปแล้ว
จึงมิอาจสื่อสารความจริงนี้กับจิตหยาบของตนได้
พระบิดาหรือพระเจ้าจึงมีพระบัญชาให้เรากลับมา
เพื่อสื่อกล่าวพระโอวาทในพระนามของพระองค์
ซึ่งเป็น "อนุตรธรรม" ความจริงที่ว่านี้ให้มนุษย์ได้รู้
เพราะพระศาสดาที่เกิดจากโลกก็มิอาจหยั่งรู้เองได้

ดังนั้น
พวกท่านจึงต้องระลึกรู้กันไว้ตั้งแต่บัดนี้ว่า
ขณะที่ต่างก็มีภพชาติเป็นมนุษย์กันอยู่นี้
ความมีสำนึกในการมีตัวตนของตนของพวกท่าน
มันคือสำนึกแห่งการเป็นมนุษย์ของจิตหยาบนะ
มิใช่สำนึกของจิตวิญญาณของท่านแต่อย่างใด

เมื่อท่านจะนึกจะคิดจะทำสิ่งใดแบบไหนก็ตาม
ท่านจึงต้องถามจิตวิญญาณก็คือตัวเองก่อนว่า
เห็นชอบหรือไม่และพอใจให้ทำเช่นนั้นหรือเปล่า
ในทุกครั้งก่อนที่ท่านจะคิดจะพูดจะทำเสมอ
ที่ต้องปฏิบัติเช่นว่านี้เพราะท่านเป็นแค่ตัวแทน
ที่ต้องทำแทน "ตัวจริง" ก็คือตัวท่านเองนี่แหละ

นอกจากนั้นไม่ว่าท่านจะสั่นสะเทือนจิตหยาบ
เป็นอารมณ์รู้สึกนึกคิดแบบใดจนเกิดผลกรรมอะไร
จิตวิญญาณแก่นแท้ก็คือตัวจริงของท่านนี่แหละ
จักต้องรับผิดชอบมันเสมือนจิตวิญญาณทำเองเลย

เราหวังว่าเมื่อท่านรู้ความจริงนี้แล้ว
ต่อไปคงจะไม่โง่ง่ายมักง่ายทำอะไรเหลวไหล
จนทำร้ายจิตวิญญาณซึ่งเป็นตัวจริงของท่านเอง
ให้ตกนรกหมกไหม้ ให้หลุดลอยเป็นขยะอวกาศ
หรือต้องเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏอย่างมิรู้จบสิ้น
อันเป็นความล้มเหลวของจิตวิญญาณก็คือท่านเอง
ซึ่งน่าละอายจนถึงขั้นหลุดพ้นกลับบ้านไม่ได้ด้วย
เพราะขาดคุณสมบัติจนอาจต้องถูกชำระทิ้งก็ได้

ความเห็นแก่ตัว ความโลภ ความโกรธ
ความลุ่มหลงงมงายอะไรเหล่านี้
ล้วนเกิดจากจิตหยาบของท่านไม่รู้สำนึกว่า
เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์ที่ท่านครองอยู่
มันเป็นของจิตวิญญาณมิใช่ของท่าน
พวกท่านจึงหลงตัวเอง ทำทุกสิ่งเพื่อตนเอง
จนไม่มีธรรมะข้อใดช่วยสร้างสติทางวิญญาณได้
ขนาดบวชมานานก็ยังมิอาจชำระจิตหยาบได้
เพราะว่าไร้สำนึกในเรื่องนี้นั่นเอง

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
16/02/2022