14 กุมภาพันธ์ 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 14/02/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงให้ท่านทั้งหลายรู้ว่า
ดาวเคราะห์โลกดวงนี้เปรียบเสมือนโรงเรียนใหญ่
ที่มีห้องเรียนขนาดเล็กและใหญ่หลายห้องเรียน
โดยมีจิตวิญญาณซึ่งเป็นรูปธรรมทางพลังงาน
ผู้ขันอาสาข้ามมิติจากแดนสุญตาเข้ามาเป็นนักเรียน
ด้วยการจุติเป็นคนสองมิติเพื่อเรียนรู้ที่จะเป็นมนุษย์
โดยทุกรูปธรรมจะถือพันธสัญญา 6 ติดตัวมาด้วย

พันธสัญญา 6 ก็คือ "สัจจะ" ที่จิตวิญญาณ
ผู้ขันอาสาเข้ามาเกิดเป็นนักเรียนโลกแห่งนี้ได้ให้ไว้
ต่อองค์จิตจักรวาลหรือพระบิดาแห่งจิตวิญญาณว่า
เมื่อตนได้รับโอกาสให้มาเกิดเป็นมนุษย์บนโลกแล้ว
จะปฏิบัติตาม "เงื่อนไข" รวมทั้งสิ้น 6 ประการ
โดยเงื่อนไข 1 ใน 6 ที่ว่านั้นก็คือ

ท่านจะทำหน้าที่เป็น "เพื่อนร่วมงาน" กับ #โลก
โดยคำว่า "โลก" ทรงหมายถึงดาวเคราะห์โลก
รวมทั้งทุกสรรพสิ่งที่ดำรงอยู่จริงในระบบโลก

ส่วนคำว่า #เพื่อนร่วมงาน นั้นทรงหมายถึง
ทุกรูปธรรมจักต้องใช้เครื่องยนต์แห่งกรรมของตน
สั่นสะเทือนจิตหยาบด้วยขันธ์ 5 ที่ทรงติดตั้งไว้ให้
ช่วยกันขับเคลื่อนขันธ์ห้าด้วยความรักความเมตตา
ทำการผลิตสร้าง "วิญญาณ" คือพลังงานจิตด้านบวก
ในรูปของคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก
มอบให้แก่แกนแม่เหล็กซึ่งติดตั้งอยู่ในใจกลางโลก

แกนแม่เหล็กในใจกลางโลกที่พระองค์ทรงติดตั้งไว้
คือก้อนธาตุออกซิเจนเหนียวหนืดและบริสุทธิ์ 100%
โดยอะตอมของธาตุมีคุณสมบัติทางไฟฟ้าเป็น "ลบ"
ทั้งนี้เพื่อรอทำปฏิกริยาทางไฟฟ้านิวเคลียร์
กับอนุภาคประจุไฟฟ้าบวกที่มนุษย์หมุนธรรมจักรได้
แล้วผลิตสร้างพลังงานจิตด้านบวกเหวี่ยงออกมาให้

พลังงานจิตด้านบวกโดยรวมของมนุษย์
จะผลิตสร้างออกมาได้ต้องใช้ความรักความเมตตา
ที่ทุกคนจักต้องมีต่อกันและมีต่อทุกสรรพสิ่งเท่านั้น

ดังนั้น
มนุษย์จึงต้องเรียนรู้ที่จะรักกันให้ได้อภัยให้เป็น
ในทุกเงื่อนไขทุกสถานการณ์และกับทุกคนด้วย
โดยไม่มีข้อแม้ว่าใครดีจะดีตอบใครชังก็ชังตอบ
ซึ่งทุกคนจักต้องเอาชนะใจฝ่ายต่ำของตนให้ได้
ในลักษณะ #ถึงร้ายก็รัก นั่นเอง

พลังงานจิตด้านบวกจากจิตมนุษย์ที่รักกันนั้น
มันจะถูกเหนี่ยวรั้งลงไปยังแกนแม่เหล็กโลก
เพื่อทำปฏิกริยา #นิวเคลียร์ฟิสชั่น คือระเบิดปรมาณู
ซึ่งจะยังผลให้แกนแม่เหล็กเกิดการบิดตัวต่อเนื่อง
ถ้าโลกยังได้รับพลังงานจิตด้านบวกอยู่อย่างต่อเนื่อง
ดาวเคราะห์โลกก็จะสามารถเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองได้
ด้วยอัตราเร็วในการเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองคงที่
ซึ่งยังผลให้โลกทั้งระบบเกิดความสมดุลได้นั่นเอง

นี่จึงเป็นที่มาของประโยคสำคัญที่ว่า

1.#เมตตาธรรมค้ำจุนโลก
หมายถึงความรักช่วยให้โลกสมดุล

2.#เราคือโลก_โลกคือเรา
หมายถึง มนุษย์บนโลกเสรีทุกคน
จะช่วยกันค้ำจุนสมดุลโลกได้ก็ต่อเมื่อ
ทุกๆคนจักต้องมีจิตสามนึกที่สมดุลก่อน

ถ้าจิตสามนึกมนุษย์ส่วนใหญ่บนโลกนี้ไม่สมดุล
โดยใช้แต่กิเลสตัณหาสั่นสะเทือนขันธ์ห้าเท่านั้น
ก็จะยังผลให้โลกขาดพลังงานในการเหวี่ยงหมุน
โลกก็จะเสียสมดุลจากการหมุนรอบตัวเองช้าลง
จนมนุษย์จะต้องทำสงครามกับภัยพิบัติกันในที่สุด

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

เพื่อให้จิตวิญญาณแต่ละรูปธรรมที่จะเข้ามาเกิด
สามารถผลิตสร้างพลังงานความรักให้แก่โลกได้
จิตวิญญาณของพวกท่านสองสามรูปธรรม
จึงต้องออกแบบบทละครที่ต้องมาแสดงร่วมกัน
เมื่อเข้ามาเกิดเป็นมนุษย์โลกกันในภพชาติแรก
โดยต้องวางแผนเรียนรู้ร่วมกันในห้องเรียนเล็ก
ที่พวกท่านเรียกว่าครอบครัวคือพ่อแม่ลูกนั่นแหละ

บทละครสำหรับห้องเรียนครอบครัวนี้
จะเป็นบทบาทที่แต่ละคนต้องแสดงร่วมกัน
ทั้งบทบาทที่ดีๆและบทบาทที่ร้ายๆ
เพื่อช่วยสร้างเงื่อนไขให้จิตหยาบของแต่ละคน
สั่นสะเทือนขันธ์ 5 เป็นความรักความเมตตาให้ได้
ตามคำกล่าวที่ว่า "ถึงร้ายก็ต้องรัก" นั่นเอง

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

การปฏิบัติธรรมของพวกท่าน
มันจึงต้องเริ่มต้นกันภายในครอบครัว
ซึ่งเป็นห้องเรียนขนาดเล็กก่อน

#การปฏิบัติธรรม หมายถึง
การเรียนรู้ที่จะ "ตอบสนอง" คนที่ท่านรักให้ได้
ด้วยความรักความเมตตา อดทน อดกลั้น ให้อภัย
แม้ว่าเขาจะทำตัวไม่น่ารัก ไม่น่าให้อภัยเลยก็ตาม
เพราะมันเป็น "บทละคร" ที่เขียนร่วมกันมาแบบนั้น
และทุกคนจักต้องตอบสนองมันด้วยความรัก
นี่คือการปฏิบัติธรรมที่แท้จริงของมนุษย์โดยแท้

ด้วยเหตุนี้เอง #การบรรลุธรรม จึงหมายถึง
ความสันติสุขและความอบอุ่นภายในครอบครัว
ที่พ่อแม่ลูกสามารถค้ำจุนสมดุลของครอบครัว
ให้มีความมั่นคงโดยไม่แตกแยกหย่าร้างกัน
จนสามารถครองรักร่วมกันได้อย่างมั่นยืน

เราจึงกล่าวต่อท่านทั้งหลายว่า
จงอย่าหลับตาก้าวตาม "คนนำทางตาบอด"
เพราะพวกเขาละทิ้งทางโลกเพื่อปลีกวิเวก
โดยต้องการบรรลุธรรมตามวิธีคิดของพวกเขา
แต่พวกท่านนั้นเป็นผู้ครองเรือนซึ่งต้องมีสังคม
ต้องเป็นนักเรียนในห้องเรียนเล็กคือ "ครอบครัว"
วิธีการปฏิบัติธรรมจึงเลียนแบบฝ่ายนักบวช
ซึ่งเน้นการปฏิบัติธรรมคนเดียวไม่ได้

เพราะเป็นนักเรียนห้องเดียวกัน คือ ครอบครัว
ทุกคนพ่อแม่ลูกจึงต้องเรียนรู้ทุกอย่างร่วมกัน
ต้องผลัดกันออกข้อสอบและทำข้อสอบร่วมกัน
เพื่อที่จะสอบผ่าน "ความร้าย" ด้วย "ความรัก"

พวกท่านก็จะมีความก้าวหน้าทางจิตวิญญาณ
โดยกายสังขารของท่านก็จะไม่มีอายุขัย
หมายถึงจะไม่มีเงื่อนไขอะไรให้ต้องตาย
เพราะพวกท่านไม่ตกเป็นทาสกฎแห่งกรรมอีก
เพียงแค่ปฏิบัติธรรมแบบบ้านใครบ้านมันนี่แหละ
พวกท่านก็บรรลุธรรมร่วมกันได้แล้ว
จะไปคิดให้มันยากเหมือนอดีตที่ผ่านมากันทำไม

พระบิดาหรือพระผู้สร้างคือ #องค์จิตจักรวาล
ทรงออกแบบวิธีปฏิบัติเอาไว้ง่ายๆมิได้ซับซ้อนเลย
อย่าไปคิดว่ามันยากเพราะพระองค์ทรงรักพวกท่าน
ทรงทราบดีว่าถ้ามันยากพวกท่านจะหลุดพ้นยาก
จึงทรงออกแบบเอาไว้ง่ายๆตามที่เรากล่าวไว้นี้

กราบพระบาทขอบพระทัยพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
14/02/2022