17 สิงหาคม 2564

สนทนาประสาจิตจักรวาล 17/08/2021

สนทนาประสาจิตจักรวาล

17/08/2021




สนทนาประสาจิตจักรวาล


พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

จงอย่าเชื่อคนนำทางตาบอดที่สอนท่าน
ให้จับเอา ความทุกข์ เป็นตัวประกัน
แล้วจงใจชักชวนท่านให้เกลียดทุกข์กลัวทุกข์
ด้วยการหันไปสวามิภักดิ์กับ ความสุข แทน

ทั้งๆที่ความทุกข์ความสุขไม่มีตัวตนรูปลักษณ์
มันเป็นแค่เพียงความรู้สึกที่เกิดขึ้นในเวทนาขันธ์
จากการที่ตนเองนั้นสั่นสะเทือนขันธ์ 5 ผิดพลาด
เมื่อต้องเผชิญกับอุปสรรคหรือปัญหาใดๆในชีวิต
แล้วเกิดอาการจิตตกสติแตกเป็นความวิตกกังวล
เป็นความขลาดกลัว เบื่อหน่าย ท้อแท้ เป็นต้น

เพราะจิตหยาบของท่านไปหลงยึดติดมันเข้า
ความทุกข์ความสุขซึ่งปกตินั้นมันมิได้มีอยู่จริง
มันเป็นแค่อาการของจิตที่รับรู้อุปสรรคปัญหาแล้ว
รู้สึกว่าตนเองนั้นทนได้ยากหรือว่ายากที่จะทน
นี่คือที่มาของความทุกข์ที่เกิดขึ้นในจิตใจท่าน
แต่ถ้าตนเองพึงพอใจในสิ่งที่เผชิญนั้นก็ไม่ต้องทน
นี่คือที่มาของ "ความสุข" ที่เกิดขึ้นในใจท่าน

ด้วยเหตุนี้เอง
ความทุกข์ความสุขจึงเกิดมีอัตตาตัวตนขึ้นมา
เพราะจิตหยาบเกิดอาการหลงมิติไปเองแท้ๆ

แทนที่จะเพ่งมองไปที่อุปสรรคปัญหา
เพื่อสั่นสะเทือนจิตปัญญาหาทางแก้ไขให้ลุล่วง
คนนำทางตาบอดกลับพาท่านหลงทุกข์หลงธรรม
ด้วยการสอนให้เกลียดกลัวความทุกข์
สอนให้หนีทุกข์ สอนให้ดับทุกข์ สอนให้พ้นทุกข์
โดยใช้วิธีจัดการกับความทุกข์ด้วยวิธีข่มจิต
แทนที่จะจัดการเหตุแห่งทุกข์คืออุปสรรคปัญหา
ถ้าแก้ไขให้มันลุล่วงผ่านพ้นไปได้ก็พ้นทุกข์แล้ว
เพียงแค่ท่านฉลาดที่จะหยิบปัญญามาแก้ปัญหา
ท่านก็สามารถนิพพานความทุกข์นั้นๆได้แล้ว

นอกจากคนนำทางตาบอดจะพาท่านหลงผิด
โดยชวนให้จับเอาทุกข์สุขมาเป็นตัวประกันแล้ว
พวกเขาก็ยังบอกความจริงต่อท่านไม่ได้ด้วยว่า
จิตวิญญาณของท่านมาเกิดเป็นมนุษย์ทำไม
มีหน้าที่ต้องทำสิ่งใดในการเกิดเป็นมนุษย์บ้าง
จิตวิญญาณท่านมาจากไหนใครอนุญาตให้มา

เมื่อคนนำทางตาบอดไม่รู้คำตอบเหล่านี้
เพราะเป็นสัจธรรมชั้นสูงระดับ อนุตรธรรม
หรือที่พวกท่านเรียกว่า "ความจริงนอกกะลา"
พวกเขาจึงยิ่งมั่นใจว่าจิตวิญญาณเป็นผู้พเนจร
จิตวิญญาณเป็นผู้ไม่มีหัวนอนปลายเท้า
จิตวิญญาณไม่มีบิดามารดาผู้ให้กำเนิด
จิตวิญญาณไม่มีบ้านเกิดเมืองนอนแต่อย่างใด

ดังนั้น
จากการหลงทุกข์ หลงธรรม ดังกล่าว
มันจึงเป็นที่มาของแนวทางแนวทำที่ผิดๆ
โดยเริ่มตั้งแต่

1.พาท่านทิ้งสังคมไปปลีกวิเวก
เพราะเพ่งโทษว่าคนในสังคมเป็นเหตุแห่งทุกข์
ทั้งๆที่ปากยังพูดเสมอว่าตนเป็นสัตว์สังคม

2.พาท่านปิดกั้นการใช้อายตนะภายนอกทั้งหมด
คือ ตา หู จมูก ลิ้นและกายสัมผัสโดยแสร้งพิการ
คงเปิดไว้แต่จิตที่เป็นอายตนะภายในอย่างเดียว
เพื่อปิดช่องทางการรับรู้เงื่อนไขภายนอกไว้
เพราะมองว่ากลไกอายตนะภายนอกคือ จำเลย
ที่นำพาความทุกข์มาสู่จิตภายในของตน

จากนั้นก็สาละวนกับการดับทุกข์ที่ในจิต
ด้วยการคอยเฝ้าตามดูจิตตนเองไว้อย่างใกล้ชิด
เพื่อจะกดมันไว้มิให้จิตมันก่อทุกข์ขึ้นมาเองได้
ซึ่งเป็นที่มาของการนั่งปฏิบัติธรรมอยู่คนเดียว
เพื่อจัดการดับทุกข์ที่ตนไม่พึงประสงค์ให้สิ้น

3.พาท่านทั้งหลายปฏิเสธการใช้ขันธ์ 5
ด้วยการปิดกลไกอายตนะทั้งหมดที่จิตต้องใช้
แล้วชักพาให้ละทิ้งสังคมเพื่อไปสวรรค์คนเดียว
จนพวกท่านเป็น คนสองมิติ ที่สมบูรณ์ไม่ได้
เพราะมุ่งปฏิบัติทางจิตแต่ไม่คิดทำทางกายภาพ
จนเป็นเหตุให้จิตวิญญาณต้องตายเพื่อเกิดใหม่

ทั้งๆที่หน้าที่ของมนุษย์แท้จริงนั้น
ต้องร่วมกันสั่นสะเทือน ขันธ์ 5 ในชีวิตประจำวัน
ด้วยการรักทุกคนให้ได้อภัยทุกคนให้เป็น
เพื่อการ "หมุนธรรมจักร" ร่วมกันตลอดทุกวันเวลา
ในอันที่จะสร้างความมั่นคงและสันติสุขร่วมกัน
ขณะเดียวกันจิตก็จะผลิตพลังงานความรักออกมา
เป็นคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็กช่วยค้ำจุนสมดุลโลกด้วย

4.พาจิตวิญญาณพวกท่าน "หลงทาง" ไปใหญ่โต
เพราะหลงผิดคิดว่าตัว "จิต" ที่ตนใช้ในชีวิตอยู่นั้น
มันคือ จิตวิญญาณ ตัวตนที่มาเกิดเป็นมนุษย์

ดังนั้น
ความทุกข์ที่ตนรังเกียจเกลียดกลัวกันนักหนา
จึงถูกมองว่าเป็นความทุกข์ของจิตวิญญาณ
ทั้งๆที่จิตวิญญาณมิได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย
เพราะจิตวิญญาณถูกพระบิดาทรงออกแบบไว้
ให้ทำหน้าที่เป็นดั่งพระประธานในอุโบสถวัด
แม้เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์แต่พูดไม่ได้ทำไม่ได้
ต้องให้เจ้าอาวาสคือ จิตหยาบ ทำหน้าที่แทน

ด้วยเหตุนี้เอง
คนนำทางตาบอดจึงพยายามจะดับทุกข์
ด้วยการดับ "จิตวิญญาณ" ให้สิ้นสูญ
โดยมุ่งดับสังสารวัฏไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก
ซึ่งพวกเขามองว่าจะต้องดับที่ขันธ์ 5 ให้ได้
เพราะเป็นทั้งอัตตาตัวตนเป็นทั้งที่มาแห่งทุกข์
จนดูเหมือนว่าจะจับขันธ์ 5 เป็นจำเลยเสียอีกด้วย

หลักคิดและความเชื่อพวกเขาก็คือ
ถ้าจัดการกับจิตด้วยวิธีเท็คนิกมิใช่วิถีธรรมชาติ
จนตนเองรู้สึกได้ว่า "ไม่ทุกข์" อันใดแล้ว
ก็จะสรุปเอาดื้อๆว่าตนนั้นว่างไปจาก "อัตตา"
กลายเป็น "อนัตตา" ไปเรียบร้อยแล้ว

เพราะตัวตนเดิมที่เคยรู้ว่าตนมีทุกข์อยู่นั้นดับแล้ว
เมื่อทุกข์ดับจิตวิญญาณที่เคยมีอัตตาย่อมดับด้วย

ซึ่งวิธีคิดวิธีเชื่อของคนนำทางตาบอดดั่งว่ามานี้
พระศาสดาเองก็มิได้ทรงยืนยันว่ามันถูกต้อง
พระบิดาแห่งจิตวิญญาณก็ตรัสว่ามันคือ อุปาทาน

5.เพราะความเชื่อในอุปาทานทั้งหมดที่เรากล่าวมา
พวกเขาจึงสอนพวกท่านให้ "นิพพาน" ความทุกข์
ตามปฏิบัติการทางเท็คนิกของพวกเขาแทน
โดยนิยามว่านิพพานคือการไม่กลับมาเกิดเป็นมนุษย์
และการนิพพานสูงสุด คือ จิตวิญญาณเป็นอรหันต์
ซึ่งพวกเขาถือว่าเป็นการบรรลุธรรมสูงสุดแล้ว

นี่ก็เป็นการพาท่านหลงทางอีกเช่นกัน
เพราะสิ่งที่พวกเขาเข้าถึงคำว่านิพพานได้นั้น
มันมิได้เป็นการนิพพานของจิตวิญญาณที่แท้จริง
เพราะการนิพพานทางจิตวิญญาณที่แท้จริง
คือการหลุดพ้นออกไปจากอนันตจักรวาล
ซึ่งเป็นห้องทดลองของพระบิดาหรือพระเจ้า
เพื่อกลับคืนบ้านเกิดซึ่งเป็นพระนิเวศของพระเจ้า
ที่จิตวิญญาณของพวกท่านจากกันมานานแล้ว

แต่พฤติกรรมของคนนำทางตาบอดนั้น
พวกเขาเพียงช่วยให้จิตหยาบตัวแทนจิตวิญญาณ
นิพพานกิเลสตัณหาราคะอารมณ์ขยะได้สิ้นสูญ
เพื่อยกระดับจิตหยาบให้เป็นหนึ่งเดียวกับแก่นแท้
ด้วยการสั่นสะเทือนเป็นความรักเพื่อให้ได้เสียที
เพราะว่างจากกิเลสตัณหาซึ่งเป็นอุปสรรคได้แล้ว

เมื่อจิตหยาบเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณได้
เท่ากับว่าจิตหยาบได้ช่วยให้จิตวิญญาณของตน
สามารถออกมาทำหน้าที่ใช้ความรักผ่านขันธ์ 5
หมุนธรรมจักรร่วมกันกับจิตหยาบคือตัวท่าน
เพื่อผลิตสร้างพลังงานจิตด้านบวกค้ำจุนโลกได้

แต่น่าเสียดายจริงๆ
ที่พวกเขาเข้าใจผิดและกลัวความทุกข์มาก
ทั้งๆที่จิตหยาบพร้อมจะทำหน้าที่สำคัญ
ร่วมกับจิตวิญญาณแก่นแท้ของตนได้แล้ว
จิตวิญญาณกลับต้อง "หลุดลอย" หงอยเหงา
เพราะปฏิเสธการเกิดเป็นมนุษย์เป็นเรื่องแรก
เพราะ "หลงทางนิพพาน" เป็นเรื่องถัดมา

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

โลกกับมนุษย์น่ะสิ้นยุคพลังงานเก่าแล้ว
ท่านจะมัวแต่หลงทางนิพพานด้วยการหลุดลอย
เหมือนเป็นขยะชิ้นหนึ่งในอนันตจักรวาลนี้ไม่ได้

คำว่า "ขยะจักรวาล" คือสิ่งที่พระเจ้ามิได้สร้างไว้
ในวันพิพากษาโลกคาบสุดท้าย 56 วัน 8 ราตรี
ขยะทุกชิ้นจะถูกกำจัดออกไปจากอนันตจักรวาล

เช่น เกาะแก่งน้อยใหญ่ในมหาสมุทรและทะเล
อาคารสูงๆ วัตถุเท็คโนโลยีขยะที่มนุษย์สร้างขึ้น
บุตรมนุษย์ของพระองค์ที่ทำตัวหนักแผ่นดินโลก
รวมทั้งจิตวิญญาณผู้หลุดลอยอยู่บนสวรรค์มายา
ที่เราอุตส่าห์บอกกล่าวเฝ้าเตือนว่าหลงทางอยู่
แต่ยังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หรือมีการก้าวล่วงเราเสียอีก

ผู้ใดปฏิเสธองค์ความรู้จากพระโอวาท
โดยให้ความสำคัญเฉพาะเรื่องโลกทางกายภาพ
พระองค์จะทรงมอบหมายให้ฑูตสวรรค์ผู้มีหน้าที่
ทำการชำระออกไปจากระบบตามคำพิพากษา
ผู้ใดรับพระโอวาทพระองค์ที่ทรงสื่อผ่านเรามา
ผู้นั้นก็จะถูกพิพากษาให้คัดไว้

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
17/08/2021