04 กรกฎาคม 2564

สนทนาประสาจิตจักรวาล 04/07/2021

สนทนาประสาจิตจักรวาล

04/07/2021




สนทนาประสาจิตจักรวาล

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงให้ท่านทั้งหลายรู้ว่า

จิตวิญญาณผู้เป็นตัวตนแก่นแท้ของท่านทั้งหลาย
เป็นผู้ขันอาสาพระบิดาเข้ามาเกิดเป็นมนุษย์
เพื่อเข้ามาทำหน้าที่ผลิตสร้างพลังงานความรัก
ในรูปของคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก
มอบให้กับโลกเพื่อช่วยค้ำจุนสมดุลโลกให้ยั่งยืน

โดยจิตวิญญาณของท่าน
จะแบ่งภาคตนเองออกมาเป็นกลุ่มพลังงาน
ที่พระบิดาทรงเรียกว่า "จิตหยาบ"
เพื่อมอบอำนาจให้ทำหน้าที่แทนจิตวิญญาณ
ในการมอบพลังงานความรักให้โลก

วิธีมอบความรักในมิติทางพลังงานให้แก่โลกนั้น
พวกท่านสามารถทำได้ง่ายๆในชีวิตประจำวัน
โดยไม่ต้องมีพิธีรีตองหรือไม่ต้องมีพิธีกรรมใดๆ
เพียงแค่ใช้จิตหยาบเรียนรู้ที่จะรักคนไม่น่ารักให้ได้
อภัยแก่คนที่ทำตนไม่สมควรจะให้อภัยให้เป็น
โดยไม่มีข้อแม้ไม่มีเงื่อนไขไม่มีข้อยกเว้นใดทั้งสิ้น

เพียงท่านปฏิบัติตนกันง่ายๆที่เป็นธรรมชาติแบบนี้
ท่านก็สามารถมอบพลังงานความรักในมิติของจิต
ให้แก่ดาวเคราะห์โลกที่ท่านเหยียบยืนกันได้แล้ว

ถ้าท่านปฏิบัติจนบรรลุเป้าหมายของจิตวิญญาณได้
การมาเกิดเป็นมนุษย์ของจิตวิญญาณก็ไม่เสียเปล่า
เพราะเหตุว่า...

1.จิตหยาบคือตัวท่านที่เป็นมนุษย์
สามารถเปลี่ยนกรรมจักรให้เป็นธรรมจักรได้
ด้วยการแทรกแซงกรรมจักรผ่าน "ขันธ์ 5"
ที่พระบิดาทรงกำหนดติดตั้งเอาไว้ให้ใช้
โดยใช้ความรักทุกรูปแบบขับเคลื่อนขันธ์ 5
แทนกิเลสตัณหาราคะอารมณ์ขยะรายวัน
ซึ่งเป็นวิธีการหมุน ธรรมจักร ได้นั่นเอง

2.จิตหยาบคือตัวท่านที่เป็นมนุษย์
สามารถสอบผ่านเงื่อนไขต่างๆในบททดสอบ
ที่คนรอบข้างของท่านช่วยหยิบยื่นมาให้
ไม่ว่าจะเป็นเงื่อนไขที่ดีหรือร้ายก็ตาม
จนยังผลให้จิตหยาบยกระดับแรงสั่นสะเทือน
ให้เป็นหนึ่งเดียวกันกับจิตวิญญาณของตนได้

ทำให้จิตวิญญาณทำงานร่วมกับจิตหยาบ
เพื่อผลิตสร้างพลังงานความรักมอบให้โลกได้
ตามภารกิจที่ขันอาสาพระบิดาว่าจะมาทำ

ดังนั้น
ท่านทั้งหลายจึงต้องรู้ว่า
การเป็นผู้ปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวันนั้น
หมายถึงท่านจะต้องรักคนที่ทำตัวไม่น่ารักให้ได้
ต้องให้อภัยแก่คนที่ทำตัวไม่น่าให้อภัยให้เป็น
ต้องใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิตคือคิดก่อนทำ
ซึ่งจะเป็นไปตามกระบวนการของขันธ์ 5
ที่พระบิดาทรงติดตั้งเอาไว้ให้จิตหยาบใช้
นี่คือการ ปฏิบัติธรรม ที่ถูกต้องถ่องแท้แน่นอน

หากจิตหยาบของท่านปฏิบัติตนดั่งเช่นที่ว่านี้ได้
มันยังจะช่วยให้จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่านเอง
สามารถอยู่เหนือกฎแห่งกรรมได้อย่างสิ้นเชิง
เพราะท่านไม่ก่อกรรมใหม่และแก้ไขกรรมเก่า
ที่จิตวิญญาณถือมาจากอดีตชาติได้ทั้งหมดด้วย

คำสอนที่เป็นมรดกตกทอดกันมาว่า
ทำบุญเบื้องล่างนำไปสร้างเบื้องบน
ทำบุญหลายหนจะได้กุศลหลายครั้ง

กับการสอนให้หมั่นทำดีเพื่อที่จะได้ไปสวรรค์
สอนให้ละเว้นการทำชั่วเพราะว่ากลัวตกนรก

วิธีสอนให้เชื่อแบบงมงายไม่ใช้ปัญญาเหล่านี้
แท้จริงแล้วมันมิได้เป็นการปฏิบัติธรรมที่ถูกทาง
เนื่องจากการปฏิบัตินั้นยังเคลือบแฝงกิเลสอยู่

3.จิตหยาบคือตัวท่านที่เป็นมนุษย์
สามารถชำระตนเองให้ใสสะอาดบริสุทธิ์แล้ว
จากเดิมที่จิตหยาบมากด้วยกิเลสตัณหาราคะ
รวมทั้งอารมณ์ขยะหยาบๆรายวันด้วย

ถ้าท่านยกระดับจิตหยาบให้เข้าถึงความรักเพื่อให้
จนเป็นหนึ่งเดียวกันกับจิตวิญญาณของท่านได้
นี่แสดงว่า จิตหยาบ หรือจิตมนุษย์ของท่านนั้น
เข้าถึงสภาวะ นิพพาน คือดับการเกิดดับของขยะ
ที่อยู่ในขันธ์ 5 ได้อย่างสิ้นเชิงแล้วนั่นเอง

ดังนั้น
จิตที่นิพพานขยะในขันธ์ 5 ได้หมดสิ้น
คือ "จิตหยาบ" มิใช่ "จิตวิญญาณ" หรือใจ
ที่คนนำทางตาบอดสอนผิดไว้จนหลายคนเชื่อตาม
ที่สำคัญคือจิตหยาบที่ว่างไปจากขยะทั้งปวงได้นี้
ก็ไม่ต่างไปจากมือสกปรกที่ถูกชำระล้างจนสะอาด
แต่มือนั้นก็ยังอยู่มือมิได้หายไปพร้อมสิ่งสกปรกนั้น

กล่าวคือจิตหยาบที่เดิมเคยมีขยะอยู่
เมื่อชำระล้างจิตจนใสบริสุทธิ์ได้แล้วจิตนั้นก็ยังอยู่
จิตก็ยังมิได้เสื่อมสลายหายตัวไปไหน

จิตที่สั่นสะเทือนตามกระบวนการของขันธ์ 5
แล้วเกิดขยะ คือ เกิดความทุกข์ขึ้นมาที่ในจิต
การที่ท่านสามารถดับความทุกข์นั้นได้หมดสิ้น
ตัวที่ดับสลายหายไปก็คือตัวทุกข์มิใช่ตัว "จิต"
แต่จิตซึ่งเป็นตัวตนของผู้ที่รู้ว่าตนทุกข์อยู่นั้นยังอยู่
เพราะจิตมันยังบอกท่านได้ว่าตน "ไม่ทุกข์" แล้ว

การเข้าใจว่าสภาวะจิตหยาบที่ไม่ทุกข์แล้ว
มันคือสภาวะของจิตวิญญาณที่นิพพานแล้ว
บรรลุมรรคผลสูงสุดของการปฏิบัติธรรมแล้ว
จึงเป็นแค่ ความเชื่อ แต่มิใช่ความจริง

เมือจิตหยาบดับไปพร้อมกายสังขารแล้ว
จิตวิญญาณจึงไปต่อไม่ได้เพราะไม่รู้จะไปไหน
เนื่องจากจิตหยาบหรือจิตมนุษย์หลงทางนิพพาน
โดยโมเมว่านิพพานกับการหลุดพ้นมันเหมือนกัน
เมื่อจิตวิญญาณไปต่อไม่ได้ไปไหนก็ไม่เป็น
จึงพากันหลุดลอยค้างอยู่ในอนันตจักรวาลนี้

ใครมีสภาวะใจสวยมากที่สุดก็ลอยอยู่ชั้นสูงสุด
ใครมีสภาวะใจสวยน้อยกว่าก็ลอยอยู่ต่ำๆลงมา
ซึ่งดินแดนสวรรค์มายาของผู้หลุดลอยเหล่านี้
เป็นสวรรค์มายาที่พระเจ้ามิได้ทรงสร้างไว้
เป็นแค่ที่ว่างในห้องทดลองของพระองค์เท่านั้น

ผู้หลุดลอยจึงไม่ต่างจากฝุ่นละอองพีเอ็ม 2.5
ที่ลอยค้างอยู่ในชั้นบรรยากาศโลกนั่นแหละ
สิ่งใดที่พระบิดามิได้ทรงสร้างไว้ในห้องทดลองนี้
สรรพสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น คือ "ขยะ" รกจักรวาล
เมื่อถึงกาลสิ้นยุคก็จะมีการทำความสะอาดครั้งใหญ่
เมื่อนั้นขยะทุกชิ้นไม่ว่าวัตถุเท็คโนโลยีหรือดวงจิต
ก็จะถูกชำระออกไปจากระบบจนหมดสิ้น

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
4/07/2021