14 กันยายน 2562

สนทนาประสาจิตจักรวาล 14/09/2019

 #สนทนาประสาจิตจักรวาล

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงให้ท่านทั้งหลายรู้ว่า

 

การเรียนรู้ความจริงของจักรวาล

ในระดับอนุตรธรรมนั้น

ทันทีที่ท่านได้รับฟังพระโอวาท

ที่ทรงสื่อผ่านเรามาแล้วพบว่า

เป็น #ความรู้ใหม่ ที่ท่านไม่เคยรู้มาก่อน ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน

หรือเป็นความรู้ที่ครูของท่านไม่เคยสอนไม่เคยบอก

 

ถ้าท่านเป็นคนฉลาดเรียนรู้ที่แท้จริง

ท่านจักต้องไม่ทำตัวเหมือนเก่า

คือ ท่านฉลาดแต่ใช้ความฉลาด

เพื่อการเรียนรู้ไม่เป็น

 

เราหมายถึงท่านจักต้องไม่ทำตน

ตามแบบที่คนไม่ฉลาดเรียนรู้เขาทำกัน ก็คือ

1. จะเรียนรู้อะไรก็ต้องอยากรู้ก่อน

ถ้าตนไม่อยากรู้ก็จะไม่ยอมเรียนรู้

ก็จะปฏิเสธความรู้นั้นโดยไม่สนใจ

 

2. จะเลือกเรียนรู้หรือไม่

จะพิจารณาคนที่จะสอนให้รู้ก่อน

จะพิจารณาตำราที่จะอ่านก่อนว่า

น่าเชื่อหรือไม่น่าเชื่อ

 

ถ้าไม่น่าเชื่อก็จะไม่ใส่ใจ

ถ้ารู้สึกว่าน่าเชื่อจึงจะใส่ใจที่จะ

เรียนรู้กัน

 

3. ถ้าเรื่องที่จะเรียนรู้นั้น

เป็นความรู้ที่แตกต่างจากที่ตนรู้อยู่

และเชื่อฝังหัวมานานแล้ว เช่น

เคยเชื่อว่าถ้าตายไปแล้วไม่กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกเลย แต่ไปจุติอยู่บนสวรรค์มายาเป็นเทพเทวดาหรือว่าไปเกิดเป็นพรหมแล้วก็เชื่อว่านั่นคือถึง #นิพพาน แล้ว

 

แต่พอได้ยินพระโอวาทจากพระบิดาว่า

เส้นทางสายนั้น คือ หลงทางนิพพาน

มันเป็นนิพพานเทียมต่างหาก

 

พระบิดาทรงเมตตาว่า

นิพพานแท้ก็คือการหลุดพ้นออกไป

จากอนันตจักรวาล

โดยตายแล้วต้องไม่ไปเกิด

เป็นอะไรในอนันตจักรวาลทั้งนั้น

ตายแล้วกลับบ้านเกิดทางจิตวิญญาณ

ที่ตนจากมาซึ่งพระบิดาทรงรออยู่

จึงจะเรียกว่า #นิพพานแท้ นี่ต่างหาก

 

ปรากฏว่าพอได้ฟังแล้วปฏิเสธทันที

เพราะตนฟังแล้วรู้สึกว่า "ไม่เชื่อ"

เนื่องจากคิดเอาเองว่าที่ได้ฟัง

จากพระโอวาทนั้นไม่ถูกต้อง

เพราะไม่ตรงกับที่ตนเชื่ออยู่ นั่นเอง

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

 

หลายคนเข้าใจว่า...

ความจริงระดับอนุตรธรรมนั้น

มีพระบิดากับพระบุตรเอกเท่านั้นที่รู้

นอกนั้นคนอื่นไม่มีใครสามารถรู้เองได้

 

ดังนั้น

ถ้าจะให้เรียนรู้สิ่งที่พระองค์สอน

ก็ต้องทำให้ตนเองเชื่อเสียก่อน

ซึ่งเป็นการคิดผิดอย่างมาก

 

เพราะเราบอกเอาไว้ว่า

ความจริงระดับอนุตรธรรมนั้น

มนุษย์จะใช้ปัญญาคิดรู้เองไม่ได้

เพราะเป็นความรู้ที่สมองสองซีก

ที่ท่านมีอยู่เข้าถึงมันไม่ได้

 

แต่ท่านสามารถใช้สมองของท่าน

ซึ่งมันก็ฉลาดๆกันอยู่แล้วนี่แหละ

คิดตามที่พระองค์ทรงสื่อผ่านเรามา

ก็ได้นี่ท่าน

 

ท่านต้องรู้ว่า

#การคิดเอาเอง กับ #การคิดตาม

สองอย่างนี้มันไม่เหมือนกันนะ

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

 

หัวใจสำคัญในการเรียนรู้ที่ฉลาดนั้น

มันจึงไม่จำเป็น "ต้องเชื่อ" ก่อน

แล้วค่อยยอมรับฟังค่อยเรียนรู้กัน

 

เพียงแค่ท่านเปิดหู เปิดตา เปิดใจ

เปิดอายตนะให้เต็มที่ด้วยการรับฟัง

อย่างหูผึ่งแล้วคิดตามแค่นั้นเอง

เรื่องจะเชื่อไม่เชื่อมันอยู่ที่สมอง

ไม่ใช่อยู่ที่ใจอยู่ที่ความรู้สึก

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

 

ท่านจะเชื่อหรือไม่เชื่อ

ได้อย่างไรในเมื่อมันเป็นความรู้ใหม่

ที่ท่านยังไม่รู้ท่านยังไม่เข้าใจอะไร

สักนิดเดียว

 

มนุษย์หลงทางหลงผิด

เพราะไปตกม้าตายกันที่ความเชื่อ

เราเองย้ำเสมอว่าถ้ารับฟังพระโอวาท

ต้องตั้งใจรับฟังอย่างสงบ

เมื่อฟังแล้วก็ให้คิดตามให้เป็นภาพ

จนเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร

แล้วค่อยตัดสินใจว่าเชื่อหรือไม่เชื่อ

 

พระบิดาให้ทุกคนมีสมองเอาไว้คิด

อย่าทำเหมือนสมองบอดเหลือแต่จิต

ให้รู้สึกว่าเชื่อ-ไม่เชื่อครูอยู่อย่างเดียว

ต้องคิดตามให้เข้าใจก่อน

 

ถ้าเข้าใจแล้วแต่ไม่เห็นด้วย

จึงค่อยปฏิเสธ

ถ้าเข้าใจแล้วเห็นด้วย

จึงค่อยเชื่อตาม

อย่างนี้เขาเรียกว่าใช้ปัญญานำ

สมกับการเป็น #พุทธะแท้

ตามหลักกาลามสูตรแล้ว

 

นี่ไง...

จอมยุทธทั้งหลาย

พวกที่เป็นคนนำทางตาบอด

มีนิสัยการเรียนรู้แบบบอดๆ

เช่นนี้ไงล่ะท่าน

จึงนำพาคนก้าวตามตาบอด

หลงทางนิพพานจนทุกวันนี้

 

เพราะไม่ใช้สมอง

จะเรียนรู้อะไรตนต้องเชื่อก่อน

ถ้าไม่เชื่อนายปริญญา

เพราะรู้สึกว่ารูปร่างหน้าตา

คำพูดจา ภาษาพูด ไม่น่าเชื่อ

ก็จะไม่ยอมรับจะไม่ใส่ใจ

 

เรียนรู้วิธีนี้โง่มั้ยล่ะท่าน...

 

การที่ท่านถ้าจะฟังใครเรียนรู้อะไร

ก็ต้องเชื่อก่อนว่าใช่ทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่า

เขาเป็นใคร เขาสอนอะไรอย่างไร

แล้วท่านเอาอะไรมาวัดตัดสิน

ความเชื่อของตนบ้าง

 

ผีบอกให้เชื่อ

หรือผีบอกให้ปฏิเสธ? งั้นหรือ

 

ทั้งๆที่แต่ละท่านฉลาดๆกันทั้งนั้น

แต่ไม่ยอมใช้คงใช้แต่ความรู้สึก

จนยังผลให้พลาดความรู้ที่จำเป็น

จะต้องรู้และรู้เองก็ไม่ได้ด้วย

ท้ายที่สุดแล้วแม้บวชนานหลายขวบปี

ก็นิพพานแท้ไม่ได้สักที

 

เพราะคนยุคนี้เรียนรู้ไม่เป็น

โดยมักใช้ความเชื่อหรือความรู้สึก

นำปัญญาหรือความคิดให้ได้รู้

การเป็นคนท่าทางดีแต่ท่าทีเหลว

ก็เพราะเหตุนี้เอง

 

ที่เรากล่าวว่า

เราเป็นผู้กลับมาช่วยแซะแงะแกะ

ในปลายยุคสุดท้ายนี้นั้น

เรายอมรับว่าแต่ละคนน่ะ

ช่างแกะยากแกะเย็นจริงๆเลยท่าน...

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

14-09-2019