11 กันยายน 2562

สนทนาประสาจิตจักรวาล 11/09/2019

 #สนทนาประสาจิตจักรวาล

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงให้ท่านรู้ว่า

 

ประดาช่างเท็คนิกทั้งหลาย

ผู้อยู่เบื้องหลังปฏิบัติการชำระโลก

ด้วยภัยพิบัติรูปแบบต่างๆ

จนยังผลให้เกิดความเสียหาย

ทั้งชีวิตและทรัพย์สินของพี่ๆน้องๆ

ในระดับขั้นที่เรียกว่า "หายนะ" นั้น

 

พวกเขาต้องอยู่ในกระบวนการ

#กฎแห่งกรรม เหมือนชาวโลกเสรีหรือไม่

พวกเขาต้องมีการ "หลุดพ้น" ด้วยหรือเปล่า

 

เรามีคำตอบแก้ความอยากรู้

ให้ท่านทั้งหลายได้เรียนรู้กันพอสังเขปดังนี้

 

1. ปฏิบัติการทางเท็คนิก

ในการเอาชีวิตทางกายภาพ

โดยให้พี่ๆน้องๆของท่านหลายคน

ต้องถูกโยนลงไปในบ่อย่ำองุ่น

หรือไม่ก็หลายคน

ถูกโยนลงไปในบึงไฟ (ใหญ่กว่าบ่อ) นั้น

 

หรือทำให้จิตวิญญาณผู้ถูกคัดทิ้ง

ถึงขั้นระเบิดแตกสลายกลายเป็นคลื่นพลังงาน

ที่ไร้รูปลักษณ์ของจิตวิญญาณอีกตลอดไปนั้น

 

ถ้าหากช่างเท็คนิกของเรา

ไม่ปฏิบัติการผิดตัวผิดคนผิดพระบัญชา

ผลกรรมที่จะเกิดขึ้นตามกฎแห่งกรรมย่อมไม่มี

 

2. สาเหตุที่ผลกรรมไม่มี

เพราะไม่มีตัวตนของผู้กระทำ

 

เนื่องจากช่างเท็คนิกทั้งหลายก็ไม่ต่างจากเรา

ล้วนปฏิบัติตามพระบัญชาแห่งพระบิดาทั้งสิ้น

มิได้ปฏิบัติการเองโดยพละการเช่นที่ผ่านมา

 

พระองค์ทรงเมตตาให้เรากล่าวต่อชาวโลกว่า

พระองค์จะทรงพิพากษาโลกเมื่อนั้นเมื่อนี้

แต่ปรากฏว่าพระองค์ทรงเลื่อนวันกำหนดทุกครั้ง

ที่ผ่านมาจนบัดนี้รวมทั้งสิ้นก็ 3 ครั้งแล้ว

 

การเลื่อนวันชำระโลกที่ผ่านมา

ถูกเปิดเผยโดยเรา

ตามพระบัญชาของพระองค์

เรามิได้คะนองปากกล่าวเองอวดอุตริเอง

พระองค์จึงมิทรงถือโทษว่า

เป็นกรรมผิดบาปของเรา

เราจึงอยู่ดีมีสุขมากว่าสามสิบปีจนบัดนี้

 

ขณะที่พี่ๆน้องๆหลายคนสอบตก

ผละไปจากอ้อมอกพระบิดา

เมื่อพวกเขาเห็นว่ายังไม่มีอะไรเกิดขึ้น

โดยกล่าวหาเราว่า "หลอกลวง"

จนทำให้เราเป็นห่วง "แกะ" เหล่านี้ยิ่งนัก

 

เพราะที่ทรงเลื่อนวันตายของใครๆออกไป

ยังไม่ให้ลงพระหัตถ์ชำระก็เป็นเพราะว่า

ทรงเมตตาต่อลูกแกะตัวที่ดีแต่งมงายอยู่

ให้มีเวลาปรับเปลี่ยนสำนึกใหม่

ตามพระโอวาทที่จะทรงสื่อผ่านเรามา

เพื่อเป็นโอกาสสุดท้ายนั่นเอง

 

คนพวกนี้บ้าคลั่งแต่เรื่องภัยพิบัติโลก

มัวแต่กลัวตายอย่างไม่ได้สติ

วันๆ คิดอย่างเดียวว่า "เกิดจริงหรือไม่เกิด"

วันๆคิดแต่จะหาหลุมหลบภัย

ทั้งๆที่ไม่ว่าจะหลบเร้นอยู่ตรงไหน

ถ้าไม่มีสามเหลี่ยมตรงหน้าผากก็รอดยาก

 

แทนที่จะเตรียมตนเองและจิตวิญญาณ

เพื่อการผจญภัยอย่างมีมหาสติ

และมีปณิธานแห่งการหลุดพ้นให้จริงจัง

ซึ่งเป็นการสั่งสมเกราะคุ้มภัยให้ตนเอง

และสั่งสมเสบียงทางจิตวิญญาณอีกด้วย

แต่พวกเขาที่ผละไปกลับไม่รู้สำนึกที่จะทำ

 

คงทิ้งไว้เบื้องหลังแค่เพียงคำลบหลู่

กับการเหยียดหยามประนามเราอย่างไร้สติ

จนก้องกังวาลไปทั่วแดนฟ้าสวรรค์และดงนรก

ซึ่งคลื่นลบของพวกเขากำลังจะสะท้อนคืน

ย้อนกลับสู่เจ้าของตามกฎแห่งการกระทำ

อย่างไม่ผิดตัวไม่ผิดตนไม่ผิดเวลาอยู่แล้ว

นี่แหละ...คือ เหตุที่เราเป็นห่วงพวกเขา

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

 

ประดาช่างเท็คนิกของเราก็มิต่างกัน

ทุกรูปธรรมล้วนปฏิบัติตามเงื่อนไข

ที่ทรงกล่าวผ่านเรามาตลอดว่า

 

ใครบ้างที่จะทรงพิพากษาให้ถูกคัดทิ้ง

โดยชี้ว่าผู้ที่ทำตนเป็นปลาหายใจด้วยปอด

ที่จะถูกคัดทิ้งแน่ๆก็คือ

คนที่มีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง

ใครบ้างที่จะทรงพิพากษาให้ถูกคัดไว้

 

โดยทรงชี้ว่าผู้ที่จะได้รับความรอดแน่ๆ

คือ คนที่มีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง

ก็อย่างน้อยคือคนที่จำพระบิดาได้

คือคนที่ไม่อกตัญญูใช่หรือไม่ล่ะ?

 

3. วางใจได้เลยว่า

ช่างเท็คนิกไม่มีวันชำระความผิดคนแน่นอน

เพราะทุกคนที่จะได้รับความรอด

คือ คนที่มีสัญญลักษณ์

รูป 3 เหลี่ยมตรงหน้าผาก

 

ช่างเท็คนิกจะคัดเลือกคนจากสัญญลักษณ์นี้

ซึ่งประดาพี่ๆน้องๆยุวจิตจักรวาลทายาท

ต่างรู้ดีแล้วว่าสัญญลักษณ์รูปสามเหลี่ยม

ที่จะปรากฏบนหน้าผากของพวกท่านนั้น

จะเกิดจะปรากฏขึ้นมาได้อย่างไร

เพราะเราได้เฉลยทุกอย่างไว้ให้ครบถ้วนแล้ว

 

4. ช่างเท็คนิกมีทั้งที่เป็นรูปธรรมทางพลังงาน

และมีทั้งที่เป็นรูปธรรมกายหยาบที่ย้ายมิติได้

 

พวกเขาไม่เคยทำผิดบาป

พวกเขามิได้เป็นมนุษย์โลกเสรี

พวกเขาจึงไม่มีหน้าที่

ต้องมีกฎแห่งกรรมเหมือนพวกท่าน

 

ถ้าพวกเขาหลุดพ้น

ไปจากอนันตจักรวาลหมดแล้ว

ใครจะทำหน้าที่ดูแลโลกดูแลจักรวาล

ทางด้านเท็คนิกเหมือนที่เป็นอยู่นี้ล่ะ

 

กรอบการคิดการมอง

แบบจิตมนุษย์จึงไม่ถูกต้อง

เพราะที่มาที่ไปของช่างเท็คนิกกับมนุษย์นั้น

แตกต่างกันดังที่เราเปิดเผยให้รู้ข้างต้นนั้นแล้ว

 

หน้าที่ของมนุษย์ที่แท้จริงก็คือ

ก่อนปิดยุคพลังงานเก่าอย่างสมบูรณ์แบบนี้

ใครจะได้รับประทานความรอดจากพระองค์บ้าง

ใครจะได้รับความรอดกันอย่างไร

 

เวลายิ่งเหลือน้อยลงทุกที

ใครมีหน้าที่ต้องทำสิ่งใดอย่างไร

ให้เร่งรีบทำกันตั้งแต่บัดนี้เถิดหนา

 

การเดินไปตามเส้นทางแห่งความงมงาย

ที่ใครหลายคนกำลังดำเนินอยู่นั้นมันง่าย

เพราะทางเดินมันกว้างและสว่างโร่

จึงเดินสบายๆไม่ต้องใช้ปัญญาอะไร

คนมักง่ายงมง่ายก็มักเลือกเดินเส้นทางนี้

 

แต่การดำเนินไปตามเส้นทางจิตจักรวาล

ที่ใครหลายคนปฏิเสธ ต่อต้าน หรือลังเลอยู่

เพราะเป็นเส้นทางสายมืดแม้จะถูกทาง

 

คำว่า "มืด" หมายถึง

ถ้าไม่มีแสงสว่างช่วยส่องทางก็จะมองไม่เห็น

ทำให้การเดินไปตามเส้นทางสายนี้นั้นเดินยาก

ที่สำคัญคือเป็นเส้นทางแคบๆพอดีตัวคน

เพราะเป็นเส้นทางที่สร้างให้เดินคนเดียว

เป็นเส้นทางที่จะต้องพึ่งพาตนเองเท่านั้น

 

แน่นอนว่า... #มรรควิถีจิตจักรวาล

เป็นเส้นทางแคบๆมืดๆที่เดินยากกว่า

เพราะทางเดินพอดีตัวและมองไม่เห็น

มันจึงเป็นเส้นทางที่ต้องใช้ปัญญา

ต้องพึ่งหนึ่งสมองสองมือสองเท้าของตนเอง

และต้องเหยียดตัวตรงไม่ซวนเซเวลาเดิน

อันเป็นท่วงท่าสง่างามยิ่ง

 

เส้นทางสายนี้

คนงมง่ายมักง่ายเดินง่ายสบายๆ

เขาไม่เลือกมาเดินหรอก

เดินไปรวมตัวกันอยู่ในบ่อย่ำองุ่น

เดินเข้าไปอยู่ในบึงไฟ

มันง่ายกว่ากันเยอะเลย...

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

11-09-2019